ลูกสาวเพื่อน บทที่ 4 เจอกัน #1
สายตาของกฤษณ์มองดูแผ่นหลังของลูกสาวเพื่อน น่าแปลกนะ ที่ตอนเจอเธอช่วงที่เธออยู่ ม.3 เขาก็รีบถอยออกห่าง เพราะรู้สึกว่า แววตาของเด็กคนนั้น มองดูเขาวาววับเหลือเกิน มันแวววาวจนเกินไป เขากลัว
หนุ่มใหญ่เลยถอยห่างตั้งแต่นั้นมา ประจวบกับเปิดธุรกิจแบบใหม่ เลยวุ่นวายกับงาน จนผ่านไปหลายปี เขาก็มีคนที่คบแล้วด้วย แต่ภาพความทรงจำที่เก็บเอาไว้จนลึกสุดใจ มันก็โผล่ขึ้นมา
วันนี้แตกต่างจากวันวาน ตรงที่ลูกสาวของเพื่อนได้เติบโตเป็นสาวสวย รูปร่างของเธออรชรอ้อนแอ้น แต่อวบอิ่ม น่าลูบไล้และเย้ายวนเป็นที่สุด ไม่แปลกใจ ที่ทอมจะพูดใส่หูของเขาทุกวันว่า เธอสวยและมีเสน่ห์เย้ายวน ใครเห็นเป็นต้องหลงใหล และเขาก็ได้ประจักษ์แล้วตอนนี้ ว่าทอมนั้นพูดความจริง
คนสวยในวันนี้ ยืนมองพ่อของตนจูบกับเพื่อนสาว ใบหูเล็กๆ นั้นแดงก่ำ คงเขินๆ แต่ก็ยังจะแอบมองอยู่อีก กฤษณ์ขำในความพยายามของเธอ หนุ่มใหญ่เดินเข้าไปชิดกายสาว จนได้กลิ่นกายที่ส่งความหอมเย้ายวนใจมาให้เขาได้ดอมดม
กฤษณ์หายใจหอบๆ เขากำลังจะถอยหลัง แต่เธอก็หันหน้ามาพอดี ทั้งคู่ชะงักไป หัวใจที่เคยสงบนิ่ง ตอนนี้เต้นรัวเร็ว มินตราอึ้งไปที่ได้พบคนที่เคยอยากเจอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขายังคงหล่อเหมือนเดิม
ที่เพิ่มเติม คือหล่อมากขึ้น เซ็กซี่มากขึ้น จนน่าหลงใหล และน่ายอมมอบกายให้ หญิงสาวมองอย่างเผลอไผล เธออยากพบเขาเหลือเกิน ผู้ชายคนแรกที่เธอแอบหลงรัก
กฤษณ์เจอแววตาแห่งความลุ่มหลงของลูกสาวเพื่อนที่มองตน เขาก็ใจฟูฟ่องขึ้นมา เธอยังมองเขาด้วยแววตาเช่นเดิม แต่ในแววตาแห่งความหลงใหล กลับมีบางอย่างซุกซ่อนอยู่ในนั้น และมันก็ฉายวาบออกมาให้เขาเห็น
“หนูมิ้น” กฤษณ์พูดเบาๆ เพื่อเรียกสติของเธอ หญิงสาวสะดุ้ง ก่อนจะหน้าแดง แล้วรีบพนมมือไหว้เขา
“สวัสดีค่ะ คุณกฤษณ์” คำที่สาวสวยเรียกขาน มันทำให้หัวใจของหนุ่มใหญ่คันยุบยิบ เขาไม่ได้อยากให้เธอเรียกเขาแบบนี้ซักหน่อย
“หนูมิ้นมายืนทำอะไรตรงนี้ครับ” ถามลูกสาวของเพื่อนด้วยน้ำเสียงเรียบๆ หญิงสาวก็เกิดใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรค่ะ” เสียงเธอดังเข้าไปในโสตประสาทของผู้เป็นพ่อ ธนาผละจูบออก แล้วคลายวงแขนแกร่งออกจากร่างสวยๆ ที่ดูยั่วยวน แต่ยังไม่ยอมปล่อย หญิงสาวยังดูไม่ได้สติ เขาต้องให้เธอเป็นปกติก่อน
“ลูกมิ้น” ธนาเรียกลูกสาว ที่ยืนคุยกับกฤษณ์ มินตราหันมาหาเขา หนุ่มใหญ่ก็พยักหน้าเรียกให้ผู้เป็นลูกเข้าไป
“ดูเพื่อนเราที จะเป็นลมไหม” ธนาพูดกับลูก หญิงสาวหน้าแดง พ่อก็พูดไป จูบแค่นี้ถึงกับจะเป็นลมเลยรึไง
“พ่ออ่ะ จริงๆ เลย ยัยแก้วไม่เคยจูบกับใครนะพ่อ” มินตราพุดเขินๆ ธนาลูบผมสลวยของลูกเบาๆ ลูกสาวเขาน่ารัก เข้าใจพ่อได้เป็นอย่างดี
“ก็เพราะไม่เคยถูกจูบไง พ่อถึงกลัวว่าเพื่อนเรา เขาจะเป็นลม” พ่อบอกกับลูกหัวแก้วหัวแหวน มินตรายิ้มสวยๆ พ่อเธอนี่นะ คำที่สองพ่อลูกคุยและตอบโต้กัน รัตนารับรู้ทุกคำ มันยิ่งทำให้เธอเขินหนักขึ้น จนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา เธอกลัวเพื่อนล้อ เขินสุดๆ แล้วตอนนี้
“ยัยแก้ว แกจะซบอกพ่อฉันอีกนานไหม” มินตราว่าเข้าให้ พ่อถึงกับขำ ลูกเขาไม่อ่อนโยนเลย นั่นจูบแรกของเพื่อนนะลูก ให้เวลาหน่อย ส่วนรัตนานั้นยิ่งเขินหนัก ใบหน้า ใบหูแดงก่ำ ลามไปถึงลคอของเธอแล้วตอนนี้
“ยัยมิ้น แกจะพูดทำไมเนี่ย ฉันถูกพ่อแกจูบนะ แกต้องปลอบใจฉันสิ” ธนามองคนในอ้อมกอด สลับกับมองดูลูกสาวของตนด้วยแววตาเอ็นดูหนักมาก
กฤษณ์เองก็มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยแววตาที่วูบวาบขึ้นอย่างที่เขาไม่ทันได้รู้ตัว ผู้หญิงคนนี้น่ารัก ไม่เหมือนใคร เหมือนจะกล้าหาญ แต่บางครั้งก็ดูอ่อนแอ บางครั้งก็ดูเด็ดเดี่ยว อย่างตอนนี้ ที่ทำให้เขานึกทึ่ง ลูกสาวเพื่อนคนนี้น่าค้นหาจริงๆ
“หึหึ ลูกแก้วครับ ถ้ายังซบอยู่แบบนี้ พ่อจูบอีกครั้งนะครับ” ธนาพูดด้วยเสียงแหบๆ ที่ผู้เป็นลูกได้ฟังถึงกับยิ้มกริ่ม แต่คนที่อยู่ในอ้อมกอดนี่สิไม่ได้กริ่มไปด้วย รัตนาขนลุกซู่ขึ้นมา ตาบ้านี่ พูดแบบนี้ต่อหน้ายัยมิ้นได้ยังไงนะ โอ๊ยยยยย เธอเขิน
“พ่อก็ ยัยแก้วเขินจะแย่แล้วนะพ่อ งั้นพ่อก็กอดยัยแก้วตรงนี้นะคะ มิ้นจะไปตักอาหาร” ลูกสาวคนสวยว่า รัตนายิ่งซุกใบหน้าลงอกแกร่งของพ่อเพื่อนหนักขึ้น
“ยัยมิ้น นี่ใจคอแกจะไม่สนใจฉันจริงๆ เหรอ ฉันถูกพ่อแกจูบนะ นี่มันเป็นจูบแรกของฉันนะเว๊ย” อดรนทนไม่ได้ รัตนาจึงโผล่งออกไป ซึ่งก็ตรงกับที่หนุ่มใหญ่ขุดหลุมล่อเอาไว้แล้ว เขากำลังจะพูด เพื่อล่อหลอกให้เพื่อนลูกตกลงในกับดัก ลูกสาวผู้รักและเข้าใจพ่อยิ่งชีพ ก็เอ่ยออกมา
“ในเมื่อพ่อฉันเป็นคนเปิดบริสุทธิ์ของแกไปแล้ว แกก็แต่งงานกะพ่อฉันดิ ง่ายจะตายไป” หญิงสาวคนสวยพูด ซึ่งถูกใจธนาสุดๆ ลูกของเขาน่ารักที่สุดเลย
“ไอ้บ้า ฉันยังบริสุทธิ์อยู่เว๊ย ไอ้เพื่อนบ้า” รัตนาใบหน้าแดงก่ำ ที่เพื่อนรักพูดแบบนั้น
“อ้าว ก็แกเป็นคนพูดเอง ว่านั่นเป็นแรกของแก แสดงว่าจูบยังบริสุทธิ์อยู่ไง แต่ทีนี้ พ่อฉันเป็นคนจูบคนแรก ก็คือคนเปิดบริสุทธิ์ไง เพราะฉะนั้น แกก็มาเป็นแม่เลี้ยงให้ฉันเหอะ” มัดมือชกเพื่อนแบบหน้าด้านมาก
“โอ๊ยยยยย ไอ้มิ้นนนนน” รัตนาถึงกับไปไม่เป็น ทุกคนอมยิ้ม โดยเฉพาะ กฤษณ์ที่มองลูกสาวของเพื่อนอย่างเผลอไผล น่ารักและมีเสน่ห์ อย่างที่ลูกน้องคนสนิทว่าไว้จริงๆ
“หึหึ เอาหล่ะๆ เราไปทานข้าวกัน พรุ่งนี้จะได้ไปล่องแก่งกัน ลูกแก้วบอกกับทางบ้านยัง” ก้มลงมาถามคนในอ้อมกอด บอกให้ไปทานข้าว แต่ก็ยังกอดเพื่อนเธออยู่ พ่อเธอนี่นะ มินตราคิดอย่างเคลิ้มๆ
“แก้วไม่อยากไป” รัตนายังพูดไม่ทันจบ เพื่อนที่รักพ่อยิ่งชีพก็โพล่งออกมา
“แกต้องไปกะฉัน เดี๋ยวฉันจะไปเหล่หนุ่มๆ แกก็ต้องไปดูด้วย เผื่อแถวนั้นมีหนุ่มหล่อถุกใจ” ลุกสาวว่า ก็ทำให้ผู้เป็นพ่อเกิดอาการหน้ามืด ส่วนกฤษณ์หน้าตึง ดวงตาวาววับขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“ลูกมิ้น จะไปเหล่หนุ่มรึ” ถามลูกสาวเสียงเข้ม ฉิบหายแล้ว ลืมไป ว่าพ่ออยู่ เธอยกมือกุมหัว รัตนาส่ายหัวเบาๆ สม
“แฮร่ พ่อคะ มิ้นพูดไปงั้นแหละ เคยเหล่หนุ่มที่ไหนกัน” มีคนเดียวแหละที่เหล่ นั่นคือเพื่อนพ่อไงคะ มินตราอยากพูดคำนี้มาก แต่กลัวพ่อกับเพื่อนช็อค เธอเลยไม่พูด
“จริง?” ผู้เป็นพ่อขอคำตอบที่ชัดเจน ลูกสาวเข้ามากอดเอวเขา หนุ่มใหญ่เองก็ยังคงกอดร่างนุ่มๆ ของเพื่อนลูกอยู่ ทั้งๆ ที่เธอพยายามเบี่ยงตัวออกแล้ว เรื่องไรจะปล่อยเล่า
“จริงค่ะพ่อ มิ้นพูดหยอกๆ ไอ้แก้วมันเฉยๆ ” คนสวยบอกพ่อ พลางเขย่งปลายเท้า จุ๊บเบาๆ ที่คางสาก ที่มีไรหนวดขึ้นพรอมแพรม กฤษณ์มองภาพนั้น ด้วยความรู้สึกแปลกๆ เขารู้สึกหวงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เขาอยากไปอยู่ตรงนั้น อยากให้ริมฝีปากของเธอสัมผัสเขาบ้าง
หนุ่มใหญ่ตกใจกับความคิดของตน นี่เขาเป็นอะไรไป ทำไมถึงคิดแบบนี้ได้ ธนาหันมามองหน้าเพื่อน ก็ต้องแปลกใจ สายตาของเพื่อนมันมีบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ มันคืออะไรนะ
“คุณ ปล่อยแก้ว” รัตนาดันอกแกร่งออกเบาๆ อ้อมแขนแกร่งจึงปล่อย อย่างไม่เต็มใจ สายตาของธนาก้มมองเพื่อนของลูกสาว เธอยังคงแก้มแดงๆ อยู่ เขาก็อมยิ้ม
“หนูแก้วโทรไปบอกทางบ้านด้วย เดี๋ยวพ่อขอคุยเอง ทางบ้านจะได้โล่งใจ” เสียงทุ้มๆ นั้นสั่งการกับเธอ
“แต่ว่า แก้ว คือแก้ว” รัตนากำลังจะบอกว่า เธอไม่อยากไปเลย เธอกลัวว่าเหตุการณ์แบบนี้จะมีอีกครั้ง
“ ไม่เอา แกต้องไป ถ้าไม่ไป ฉันจะไม่พูดด้วย” มินตราบอก พลางเดินเข้าไปตักต้มยำ รัตนามองตาม ไอ้มิ้นมันงอนเธอ แง
“โอ๋ๆๆๆๆ ไอ้มิ้น แก่ไม่งอนฉันนะ อ่ะ เคร ไปก็ได้ แกเลิกงอนฉันเหอะนะ” รีบตามมาง้อเพื่อนอย่างว่องไว หนุ่มใหญ่ทั้งคู่มองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน ที่เหมือนกันมีเพียงความรักของเพื่อน ที่แน่นแฟ้นมาก
หลังจากทานข้าวเสร็จ ในห้องของมินตรา
“พ่อ แก้วไปเที่ยวกับกับไอ้มิ้นนะ พรุ่งนี้อ่ะ นี่พ่อมันจองแพ จองสถานที่แล้ว อื้อ แก้วอยากไป” หน้างอๆ เหมือนพ่อจะไม่ให้ไปงั้นแหละ ธนาที่มองดูอยู่ ก็ยื่นมือมา หญิงสาวก็เอาโทรศัพท์ให้ หนุ่มใหญ่จึงคุยเอง
“สวัสดีครับ คุณอำพล ผมธนาพ่อหนูมิ้นครับ ผมขออนุญาตพาหนูแก้วไปล่องแก่งด้วยนะครับ ต้องขอโทษที่บอกกะทันหัน เพราะผมเลิกงานค่ำ มาเจอลูกอีกทีก็ดึกแล้ว เลยได้บอกเด็กๆ ช้าไปหน่อย” ธนาพูดแล้วนิ่งฟัง
“ถ้าเช่นนั้นคุณธนาช่วยดูไอ้แก้วมันด้วยนะครับ ผมกับพี่ก็ห่วงมันมาก” อำพลพุด ใจจริงเขาก็ไม่อยากให้ไปไกลหูไกลตา แตเพราะคนที่ชวนเป็นผู้ใหญ่แล้ว ตนจะไม่ให้ไป ก็คงจะไม่ได้
“ครับผม วางใจได้ครับ ผมจะดูแลหนูแก้วให้ดีที่สุดครับ” ธนาจะดูแลเพื่อนลูกให้ดี เขายิ้มในใจ เมื่อคุยกันเรียบร้อยแล้ว เขาก็ยื่นโทรศัพท์ให้กับรัตนา แต่ดวงตานั้นจับจ้องที่หญิงสาวไม่วางตา หญิงสาวรับมาพร้อมๆ กับหลบสายตา เธอหวั่นๆ ในใจชอบกล กังวลว่า วันนี้จูบ พรุ่งนี้อาจได้มีเสียตัว แค่คิด เธอก็สะท้านเยือกขึ้นมา
“ ลูกมิ้นนอนแต่หัววันนะครับ พรุ่งนี้เดินทางแต่เช้า” บอกเสร็จก็ออกจากห้องของลูกสาว
“เคค่ะพ่อ” คนสวยรับคำพ่อยิ้มๆ
"ยัยแก้ว แกไปอาบน้ำ ไวไว” เร่งเพื่อน
“เออรู้แล้วๆ ” ถอดเสื้อผ้าออกจากตัว ร่างกายขาวผ่องของพื่อน ปรากฏตรงหน้า มินตราจึงเดินเข้าไปลูบๆ คลำๆ อื้อ มันเนียนดีอ่ะ
“ยัยมิ้น แกจะลูบไมเนี่ย จั๊กกะจี๋” หญิงสาวคอย่น เมื่อเพื่อนรักลูบไปลูบมา มันคนละอารมณ์ที่ถูกหนุ่มใหญ่จับ เพราะนั่นมันเกิดความวูบวาบไปทั่วทั้งร่าง