“หิวละสิ เดี๋ยวแม่เอาอาหารให้นะ”
หญิงสาวนำอาหารและน้ำมาเทให้มัน ก่อนจะเข้าไปในห้องน้ำ จัดการอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ กลับมาอีกทีเจ้าเหมียวน้อยก็นอนรออยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว มันคาบตุ๊กตากระต่ายออกมาจากกรง พาขึ้นไปนอนบนเตียงด้วย
“แม่หิวข้าว เดี๋ยวขอสั่งข้าวมากินก่อนนะ นอนรอแม่บนเตียงนะนินิว”
ไลลายังไม่ได้รับประทานอาหาร จึงโทรสั่งอาหารมา รออยู่ครู่ใหญ่ก็มีเสียงเคาะประตู หญิงสาวจึงไปเปิด พนักงานนำอาหารที่สั่งมาส่งให้ หญิงสาวรอจนพนักงานจัดโต๊ะให้เรียบร้อย ก็ส่งเงินค่าทิปให้ แล้วปิดประตู จากนั้นก็ลงมือรับประทานอาหารจนอิ่ม เข้าไปแปรงฟันจนสะอาดก็เข้ามานอนเล่นกับเจ้าเหมียว ทั้งที่ยังเป็นเวลาบ่ายเท่านั้น กว่าจะเดินทางถึงปาปารันก็คงเป็นช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น ผู้โดยสารส่วนใหญ่ จึงมักใช้เวลาว่างในเรือด้วยการไปเดินเล่นตามจุดต่างของเรือ นั่งชมวิวบนชั้นดาดฟ้า บางก็เข้าไปฟังเพลง รับประทานอาหารในห้องอาหารของเรือ แต่ไลลามีเจ้าเหมียวมาด้วย เธอจึงต้องอยู่ดูแลมัน หญิงสาวหยิบนิตยสารมาอ่านเล่น ปล่อยให้เจ้าเหมียวนอนซุกตัวอยู่ข้างๆ ความง่วงเข้ามาครอบงำอย่างเกินต้านทาน กว่าจะรู้ตัวก็หลับสนิทไปทั้งที่มือยังถือหนังสืออยู่
เสียงเครื่องยนต์ เสียงคลื่น และพื้นอันโครงเครง...
ปลุกให้หญิงสาวรู้สึกตัวขึ้นมาในสภาพมึนงง เธอพบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้นไม้แข็งๆ มือและเท้าถูกมัดไว้แน่น มีผ้ามัดปากไว้ ตาก็ถูกผ้าปิดไว้เช่นกัน ร่างกายขยับได้เล็กน้อยเพราะถูกพันธนาการไว้จนดิ้นไม่หลุด พยายามออกแรงดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ก็ช่างยากเย็นเหลือเกิน ยิ่งออกแรงยิ่งถูกเชือกที่มัดไว้บาดข้อมือจนแสบไปหมด
เจ้าของร่างทำได้เพียงแค่นอนนิ่งๆ พยายามตั้งสติตัวเอง ลำดับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น ภาพในความทรงจำสุดท้ายก่อนสิ้นสติค่อยๆ วาบผ่านมาในหัว เธอเดินทางกลับบ้านที่ปาปารันบนเรือสำราญ หลังรับประทานอาหารก็เผลอหลับไป แล้วทำไมถึงได้มาตื่นอยู่ที่นี่
เธอกำลังถูกลักพาตัว !
ความกลัวที่พุ่งวาบเข้ามา ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ทำไมถึงมีคนลักพาตัวเธอมา คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัว
หญิงสาวสูดลมหายใจแรงๆ นิ่งเงียบใช้ประสาทรับรู้ที่ยังพอใช้งานได้คือหู เงี่ยหูฟังเสียงรอบๆ กาย
เธอถูกพาขึ้นมาบนเรือและเรือกำลังแล่นไปที่ไหนสักแห่ง...
แกร๊ก...
เสียงเปิดประตูดังแว่วมา หญิงสาวนอนตัวเกร็งหายใจเข้าออกแผ่วเบา ความหวาดกลัวถาโถมเข้ามาอีกระรอก พยายามตั้งสติที่เหลือน้อยนิดของตัวเองไว้มั่น แต่จะหนียังไง เมื่อถูกมัดมือปิดตาปิดปากไว้แบบนี้ ได้แต่นอนรอชะตากรรมที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
แกร๊ก...
เสียงประตูปิดลง พร้อมกับเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินเข้ามา เสียงฝีเท้าหยุดลงเมื่ออีกฝ่ายเดินมาหยุดใกล้ๆ เขายอบตัวลงพร้อมกับยื่นมือมาแตะที่แก้ม ปลายนิ้วสากหนาไล้ไปมาบนแก้มนุ่ม ปลายนิ้วแตะไล้ไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนไปปลดผ้าที่คาดปากเธอออกรวมถึงผ้าปิดตาด้วย
หญิงสาวกลั้นหายใจ ขนลุกเกรียวด้วยความกลัวปนขยะแขยง พยายามไม่ขยับ กลัวอีกฝ่ายรู้ว่าเธอรู้สึกตัวแล้ว ดวงตาปิดสนิทไม่กล้าลืมขึ้นมอง จนกระทั่งได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเอ่ยว่า
“ฉันรู้นะ ว่าเธอตื่นแล้ว ”
เสียงนั้นเข้มจัดอย่างคนชอบวางอำนาจ ทำเอาไลลาต้องรีบลืมตา ก่อนจะขยับลุกขึ้นแล้วกระเถิบออกห่างจากผู้ชายร่างใหญ่ เขาตัดผมสั้นมีไรเคราล้อมกรอบดวงหน้าคมดุ จมูกโด่ง รับกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มราวกับสนิมเหล็ก คิ้วดกหนา ริมฝีปากหยักโค้งเล็กน้อย รอยสักโผล่ออกมาจากแขนเสื้อลายพรืดไปจนถือข้อมือ ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้เขายิ่งดูดิบเถื่อน น่าหวาดหวั่นไม่น้อย
“แก... นายเป็นใคร จับตัวฉันมาทำไม”
ไลลาเอ่ยถามเสียงสั่น พยายามสู้สายตาคมกริบที่มองเธออยู่ หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวราวกับตีกลอง เกิดมาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงเยี่ยงนี้มาก่อน
“ฉันชื่อ ราฟาเอล มาร์เซียอาโน่”
ราฟาเอลแนะนำตัวเอง เขากระตุกยิ้มเมื่อเห็นหญิงสาวทำตาโต เจ้าหล่อนคงกำลังตกตะลึงกับชื่อและนามสกุลของเขา แน่ละ... ผู้หญิงคนไหนได้รู้จักเขาย่อมตื่นเต้น ตระกูลมาร์เซียอาโน่ เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลที่สุดของคารัสซีเลีย ใครไม่รู้จักก็แย่เต็มทน
“โกหก...”
ไลลาเอ่ยออกมา จ้องหน้าชายหนุ่มหน้าตาราวกับมหาโจรด้วยแววตาดูหมิ่น เจ้าโจรเถื่อนนี่กล้าบอกว่าตัวเองเป็นทายาทของตระกูลมาร์เซียอาโน่ ช่างน่าขันจริง คิดเหรอว่าเธอจะเชื่อ
“นี่เธอไม่เชื่อหรือว่าฉันคือ ราฟาเอล มาร์เซียอาโน่”
ราฟาเอลรู้สึกเคืองหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมา หน้าตาก็สวยดีอยู่หรอก รูปร่างก็เย้ายวนใจ โดยเฉพาะทรวงอกอวบๆ ชวนน้ำลายสอนั่น เขาเห็นเธอครั้งแรกก็ถูกใจ ไม่คิดว่าคุณปู่จะหาหญิงสาวตามสเป็กที่เขาต้องการมาให้ได้ แต่ทำไมไม่เอาผู้หญิงที่ฉลาดกว่านี้สักหน่อย มาเป็นแม่พันธุ์ให้ลูกเขา
“หน้าตาเหมือนมหาโจรแบบนี้ บอกว่าเป็นแจ็คสแปร์โร่ ฉันยังจะเชื่อมากกว่า”
ไลลาโต้กลับไป หญิงสาวแม้จะรู้สึกกลัว แต่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“ปากเก่งจริง ถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นเจ้าหนี้พ่อของเธอล่ะ เธอจะเชื่อไหม”
ราฟาเอลขยับมาจับคางของหญิงสาวไว้ ให้หันมามองสบตาของเขา ชักอยากเล่นบทมหาโจรจอมโหดเสียแล้ว
“พ่อฉันไม่เคยเป็นหนี้ใคร อย่ามาพูดอะไรพร่อยๆ นะ”
ไลลาพยายามสะบัดหน้าหนี แต่ถูกมืออีกฝ่ายจับคางไว้แน่น
“พี่ชายของเธอยังโกงบริษัทด้วย”
ใบหน้าคมคายยื่นเข้ามาหาใกล้ๆ เพิ่มข้อกล่าวหาพี่ชายของเธออีกคนหนึ่ง
“ไม่จริง พี่อังเดรของฉันเป็นคนดี”
หญิงสาวตอบโต้เขาอย่างไม่ยอมแพ้ เขาว่าพ่อของเธอติดหนี้ ไม่พอยังกล่าวหาว่าพี่ชายของเธอเป็นคนทรยศ
“อังเดรลักลอบเอาเพชรปลอมไปขายให้ลูกค้า ทำให้ตลาดเพชรปั่นป่วน ความเสียหายนี้มูลค่ามหาศาล สร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของเลโอนิก้า ตอนนี้เขาหนีไปแล้ว พ่อของเธอต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด แบบนี้เรียกว่าคนดีหรือเปล่า ไลลา”