“คนเหี้ยอะไรจะไม่มีเหตุผลในการบอกเลิกคนอื่น” พี่เรย์ตะโกนใส่หน้าฉันอีกครั้ง
ฉันเกลียดที่สุดคือการตะโกน การขึ้นเสียงเพราะฉันไม่ชอบ ฉันกลัว ฉันเลยเกลียดสิ่งนี้ที่สุด
“ฮึก...มันไม่มี ไม่มีจริงๆ พี่เรย์ปล่อยหนูไปเถอะนะ” สุดท้ายน้ำตาที่มันเกือบจะหยุดไหลก็ไหลลงมาอีกครั้ง
“ถ้าเธอหาเหตุผลมาไม่ได้ ก็อย่าคิดว่าจะออกไปจากห้องฉันได้” พี่เรย์พูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปอีกห้อง
แน่นอนว่าทันทีเมื่อเขาเดินเข้าห้องไป ฉันก็รีบเดินมาหน้าประตูแต่ฉันพยายามจะเปิดประตูเท่าไหร่มันเปิดไม่ออก
“พยายามไปก็เท่านั้น” เสียงของพี่เรย์ก็ดังขึ้นพร้อมกับเขาเดินตรงมาทางฉันและฉันก็ถอยตัวหนีจนแผ่นหลังชิดประตูเพราะความกลัว
“หนูจะกลับ พี่เรย์ปล่อยหนูไปเถอะ” ฉันพูดขึ้นด้วยท่าทางขอร้องปนอ้อนวอน
“เอาเหตุผลที่บอกเลิกฉันมาแล้วฉันจะให้เธอกลับ” พี่เรย์พูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกระชากฉันให้ตามที่โซฟากลางห้อง
“อ๊ะ…หนูเจ็บ” ฉันร้องขึ้นเพราะแรงกระชากของเขามันทำฉันเจ็บไปหมด
แน่นอนว่าพี่เรย์ตัวใหญ่แรงของพี่เรย์ก็มากอยู่แล้ว ซึ่งฉันที่ตัวเล็กกว่าก็เจ็บไปกับทุกการกระทำของเขา
“อย่าสำออย” เขาพูดขึ้นพร้อมกับผลักฉันลงบนโซฟา
“หนูจะกลับ” ฉันพูดความต้องการขึ้นทันทีเพราะตอนนี้ฉันต้องการที่จะกลับ
“เหตุผล” แต่เหมือนพี่เรย์จะเมินคำพูดของฉัน เขาเอาแต่ถามหาเหตุผลที่ฉันไม่สามารถให้คำตอบเขาได้
“หนูไม่มีเหตุผล หนูแค่อยากเลิก” แน่นอนว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ให้มันเป็นไปตามที่เขาเข้าใจเหมือนกับสองปีก่อนว่าฉันไม่มีเหตุผลอะไร
“งั้นเธอก็อยู่ที่นี่ไปแล้วกัน”
ส่วนตัวฉันตอนนี้ก็กำลังหาวิธีที่ฉันจะออกไปจากที่นี่ให้ได้เพราะหากฉันอยู่ที่นี่ฉันคงไม่ปลอดภัยเพราะพี่เรย์ตอนนี้ไม่เหมือนพี่เรย์ที่ฉันรู้จัก
“พี่เรย์ให้หนูกลับเถอะนะ หนูขอร้อง หนูไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งเพื่อหวังว่าเขาจะเห็นใจฉันบ้าง
“เธอมันนักแสดงยอดเยี่ยมเลยว่ะ ทำไมไม่ไปเรียนการแสดงแทนการจัดการวะ แสดงเก่งฉิบหาย” น้ำตาของฉันไหลพรากกับคำพูดที่แสนเจ็บปวดของพี่เรย์ เขาไม่เคยว่าหรือด่าฉันสักนิดแต่ตอนนี้…
“หนูไม่มีเหตุผลอะไรจริงๆ หนูแค่อยากเลิกแค่อยากเลิกเท่านั้น” ฉันพูดขึ้นพร้อมตะโกนออกไปซ้ำๆในเมื่อฉันพูดแล้วเขาไม่เชื่อ ฉันจะทำยังไงได้
“เหตุผลของเธอคืออยากเลิก” พี่เรย์พูดขึ้นต่อพร้อมมองฉันนิ่ง สายตาอันร้ายกาจของเขาไล่มองฉันตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“ใช่ ! หนูอยากเลิก” ก็คนมันอยากเลิกมันเลยไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ทำไมเขาไม่เข้าใจ
“ส้นตีนฉิบหายแต่ละคำที่พูดออกมา” คำพูดคำจาของเขาบ่งบอกเลยว่าเขาไม่สบอารมณ์
“หนูพูดความจริง” ฉันยังยืนยันคำเดิมในคำตอบของฉัน
“เธอไม่คิดถึงฉันบ้างหรือไงวะ” ฉันคิดถึงเขา คิดถึงผลที่ตามมาเพราะแบบนั้นฉันถึงต้องทำแบบนี้
“เพราะหนูคิดแล้ว หนูเลยทำแบบนี้”
“ถ้าคิดแล้วเธอเอาความรู้สึกของฉันไปไว้ตรงไหน ตรงส้นตีนหรือยังไง” คำพูดที่แสนเกรี้ยวกราดถูกพ่นออกมาอีกครั้งแต่ละคำของเขาทำฉันหน้าชาไม่รู้เท่าไหร่
“พี่เรย์จำไว้แค่ว่าหนูคิดมาดีแล้ว หนูถึงทำแบบนี้” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมทำท่าจะเดินตรงไปที่ประตูแต่ก็ฉุดคิดขึ้นได้
“เปิดประตูให้หนูหน่อยได้ไหม”
“อย่าหวังว่าฉันจะเปิด ฉันรู้ว่าเธอมีเหตุผลและฉันจะเปิดต่อเมื่อเธอบอกฉันเท่านั้น” พี่เรย์พูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องเดิม เหลือแค่ฉันที่นั่งสำรวจประตูว่ามีทางไหนที่ฉันจะออกไปได้บ้างแต่ก็เหมือนจบสิ้นความหวัง เพราะประตูห้องเขาทั้งเข้าและออกต้องสแกนลายนิ้วมือโดยเจ้าของห้อง
ตอนนี้ก็เกือบสามทุ่มแล้วที่ฉันนั่งอยู่ตรงนี้ ท้องฟ้าด้านนอกมืดมิดจนเห็นแสงไฟที่สว่างจากตึกสูงแต่ภายในห้องนี้กลับมืดมิดเพราะไม่ได้เปิดไฟและแน่นอนว่าฉันนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
“ได้คำตอบของเธอยัง” พี่เรย์ที่เปิดประตูออกมาจากห้องพูดขึ้นทันที
“คำตอบของหนูเหมือนเดิม” บอกแล้วว่าฉันยังยืนยันคำเดิมคือฉันไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น
“ฉันถามเธอจริงๆนะ เธอไม่รู้สึกอะไรเลยหรือยังไงที่บอกเลิกฉัน” ฉันเจ็บไม่ต่างจากเขาสักนิด
“หนูอยากเลิกให้พูดตอนนี้คงไม่รู้สึกอะไร” ถึงแม้คำพูดที่ออกจากปากไปมันจะสวนทางกับสิ่งที่อยู่ในใจแต่ฉันก็ต้องพูดเพื่อตัวของเขาเอง
“เธอแม่งไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึกฉิบหาย”
“หนูขอโทษนะ ถ้าตอนนั้นหนูทำให้พี่เรย์ต้องเจ็บ” แต่เขาจะรู้บ้างไหมว่าฉันก็เจ็บไม่ต่างจากเขา
“ขอโทษแล้วได้อะไร ชีวิตฉันมันแย่ไปหมดเพราะเธอ”
“ถ้าพี่เรย์ต้องการให้หนูแก้ไขอะไรหนูยอมหมดทุกอย่าง”
“เธอพูดเองนะว่าเธอยอมหมดอย่าง”