“ทำไมไม่ตอบ”
“...ไม่จำเป็นต้องตอบ”
“หึ ๆๆ ทำไมล่ะ...จะมีผัวใหม่แล้วก็เลยลืมผัวคนแรกรึไง?”
“จะมีผัวใหม่แล้วก็เลยลืมผัวคนแรกรึไง”
นี่ปากเหรอ?
นี่คิดแล้วเหรอ?
นี่มีสมองใช่ไหมถึงได้พูดออกมา?
“ใครผัวเก่า” ฉันจ้องเขม็งจะเอาเรื่องเลยล่ะ เอาเลือดหัวออกได้ก็จะเอาเลย แต่พอจ้องเขาที่เลวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ดูไม่สะทกสะท้านหรอกยังมีหน้าขยับตัวเอาแขนวางบนโต๊ะแล้วโน้มตัวมาทางนี้นิดหน่อยเพื่อแสดงท่าทางคุกคามใส่
“นอนกับใครล่ะ” เป็นคำถามที่น้ำเสียงเย็นชาแต่ฟังแล้วดูสะใจมากกว่าทำน้ำเสียงเยาะเย้ยออกมาตรง ๆ ซะอีก
“ครั้งเดียวนี่นะ? นับเป็นผัวได้ด้วยเหรอ” ความจริงแล้วฉันโกรธมากนะคะ แล้วความโกรธในหัวใจก็สั่งสมองให้ฉันอย่ายอมแพ้เด็ดขาด
“คิดว่าไงล่ะ ครั้งเดียวแต่...เปิดซิง”
ไอ้...เหี้ย
เขามีความสุขมากเลยรึไงที่ได้พ่นคำพูดหมา ๆ ออกมาเพื่อทำลายศักดิ์ศรีและด้อยค่าความเป็นคนของผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันไปทำอะไรให้นักหนา! หรือแค่ฉันไม่ยอมเป็นของเล่นเขาต่อเขาถึงได้หาเรื่องฉัน
“ขอโทษนะคะ ถ้านอนครั้งเดียวแล้วนับเป็นผัวมิ่นขอนับแค่คนค่ะ...เหี้ยไม่นับ”
“...ขมิ้น” หึ! บอกแล้วไงว่าใจมันโกรธมาก โกรธจนหัวใจสั่งสมองให้อดทนไม่โวยวายแล้วเอาชนะเขาด้วยคำพูดบ้างแล้วก็ดูเหมือนจะได้ผลเพราะเขากำลังมองด้วยสายตาโกรธจัด
“เข้าใจนะคะ...พี่เวร เอ๊ย! พี่เวล” จบคำพูดฉันก็ยิ้มสะใจส่งไปให้ทันที ยิ้มสะใจให้ไอ้คนที่กำลังมองด้วยสายตาดุดันปนโกรธแถมยังทำท่าเหมือนจะขยับปากพูดอะไรด้วยสิ พูดมาเลยจะพ่นคำพูดหมา ๆ แบบไหนก็พ่นมาฉันจะตั้งรับแล้วตอกกลับไปให้หมดเลยคอยดู
“อย่า... / คุยอะไรกันคะหนุ่มหล่อสาวสวย” เขากำลังจะพูดแต่น้องสาวตัวเองเดินมาก่อนไงเลยต้องหุบปากหมา ๆ ที่เห่าน้อยแต่เห่าโคตรดังซะ
สะใจดีจัง ตอนแรกก็ว่าจะกลับก่อนล่ะแต่ไม่กลับดีกว่า อยู่ให้ไอ้คนเลวคนนี้โมโหต่อสักนิดก็น่าจะดี
-เวลาต่อมา-
“ไม่ต้องให้พี่ชายแกไปส่งหรอก” ฉันหันไปบอกเพื่อนระหว่างที่กำลังรอเช็คบิลแล้วยัยวีญ่าก็พูดขึ้นว่าให้พี่ชายไปส่งฉันก่อนแต่ฉันไม่ต้องการ ไม่อยากให้เขากลับไปที่หอของฉันอีกต่อให้เขาจะแค่ขับรถไปส่งหน้าทางเข้าหอฉันก็ไม่ต้องการ
“ได้ไงแล้วแกจะกลับยังไงจะนั่งวินเหรอ ไม่เอาหรอก”
“แต่ฉันนั่งวินแค่แป๊บเดียวก็ถึงแล้วแก พี่แกจะได้ไม่ต้องเสียเวลากลับบ้านไง หอฉันอยู่ใกล้ ๆ แค่นี้เอง”
“ไม่ได้ลำบากอะไรเลยแก คอนโดพี่เวลก็อยู่ไม่ไกลเลย ไม่ต้องปฏิเสธอะไรเลยยัยมิ่นให้พี่เวลไปส่งนี่แหละ เนอะพี่เวลเนอะ”
“...อืม” เขาเงยหน้าจากโทรศัพท์มองหน้าน้องสาวแล้วมองฉันแค่แว๊บเดียวแล้วตอบเบา ๆ ด้วยท่าทางเย็นชาตามสไตล์ของเขา
เหอะ! เท่ตายล่ะไอ้คนเลว
“ขออนุญาตเช็คบิลนะคะ ทั้งหมดสามพันแปดร้อยเก้าสิบห้าบาทค่ะคุณลูกค้า” พนักงานเสิร์ฟวางบิลค่าอาหารลงที่โต๊ะเขาก็หยิบกระเป๋าเงินออกมาทันที ได้ยินราคาฉันก็ตกใจพอสมควรก็รู้อยู่หรอกว่าอาหารที่นี่ราคาแพง ที่นี่เป็นร้านโปรดของเราสองคนเพราะอร่อยมากแต่ไม่ใช่ร้านประจำหรอกนะคะนาน ๆ จะมาทีส่วนเหตุผลก็เพราะมันแพงนี่ล่ะ หลายครั้งวีญ่าชวนมาแล้วก็อาสาจะเลี้ยงแต่ฉันไม่เคยยอมให้เลี้ยงสักครั้งถึงเพื่อนรวยมากแต่ฉันไม่คิดจะรบกวนหรอกนะ เวลามาก็สั่งอาหารจานเดียวหรือไม่ก็อาหารแค่สองสามอย่างแค่นั้นแต่วันนี้ยัยวีญ่าสั่งเยอะมาก ฉันจะไม่กินก็คะยั้นคะยอตักอาหารให้จนสุดท้ายก็ต้องกินแต่ก็พยายามไม่มองหน้าเขาตอนเคี้ยวไม่งั้นเดี๋ยวตัวฉันจะมีปัญญาเรื่องระบบย่อยอาหารได้
“นี่ครับ” เขาวางบัตรเครดิตลงที่บิลพนักงานก็รับไปพอโต๊ะแค่พวกเราฉันก็หยิบเงินออกมาให้เขา ไม่กินฟรีหรอก ให้เป็นแค่เขาเถอะที่ กินฟรี
“นี่ค่ะ” ฉันยื่นเงินแบงค์พันหนึ่งแบงค์ไปให้เขา สามพันแปดร้อยเก้าสิบห้าบาท หารสามก็คนละพันกว่า ๆ แต่ทั้งตัวมีแค่นี้ล่ะ เอาไปแค่นี้ก็แล้วกันถือซะว่าเขาเป็นผู้ชายออกเยอะกว่านิดหน่อยไม่เป็นไรหรอกมั้งคะ -_-
ฉันยื่นเงินไปตรงหน้าแต่พี่เวรของเพื่อนรักกลับแค่มองด้วยสายตาเรียบนเฉยส่วนคนที่ไม่เฉยคือเพื่อนรักของฉันต่างหาก
“อะไรของแกเนี่ยมิ่น ให้พี่เวลทำไม เก็ยเงินเลยแค่นี้เอง บอกแล้วไงว่าพี่เวลเลี้ยง”
“ไม่ได้หรอกแกฉันไม่สบายใจ นี่ค่ะ แชร์กันดีกว่า” ...ไม่อยากกินฟรีให้เป็นบุญคุณ
ใจอยากจะพูดต่อให้จบประโยคอย่างที่ใจอยากพูดที่สุด คันปากจริง ๆ เลยแต่ก็ทำไม่ได้ฉันเลยยื่นเงินไปใกล้เขามากขึ้นซึ่งถ้ายื่นไปใกล้กว่านี้อีกนิดนึงนมจะพาดอยู่บนโต๊ะได้อยู่แล้วแต่เขากลับไม่ยื่นมือมารับสักที ทำไมยะ? คิดว่าคนคุณภาพชีวิตต่ำอย่างฉันจะไม่มีปัญญาแชร์ค่าอาหารแสนแพงกับไฮโซอย่างนายรึไง
“ไม่ต้อง...เลี้ยงได้”
“ขอบคุณค่ะแต่ไม่ดีกว่า” ฉันรู้ตัวนะว่าเสียงเริ่มแข็งซึ่งมันไม่ดีเลยเพราะวีญ่าอยู่ตรงนี้ด้วย เดี๋ยวเพื่อนได้สงสัยกันพอดีว่าเป็นอะไรแต่ก็มีแว๊บหนึ่งที่ฉันเผลอหลุดเหมือนกันซึ่งฉันก็ทำได้แค่บอกตัวเองว่า ช่างมันเถอะ
“แก ไม่เอาน่ามิ่นเก็บเงินเร็วแค่นี้เองไม่ต้องเกรงใจหรอก”
“ไม่ได้หรอกแกฉันไม่อยาก... / บอกว่าเลี้ยงได้ไง” ฉันกำลังคุยกับเพื่อนแต่เขาพูดแทรกซึ่งครั้งนี้น้ำเสียงของเขาไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนเดิมจนทั้งฉันและวีญ่าต้องหันไปมองพร้อมกันตั้งแต่เขาพูดขึ้นมาเพราะมันเป็นน้ำเสียงที่ไม่ได้เย็นชาแต่กลับเป็นน้ำเสียงดุดันที่ฟังดูน่ากลัวแถมเขายังกำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตาดุชนิดที่ไม่กลัวน้องสาวตัวเองสงสัยเลยสักนิดว่าทำไมคนที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกถึงได้กล้าดุใส่อีกคนแบบนี้
“เอ่อ...” นี่ไง วีญ่ามันเหวอเลย เหวอแล้วก็มองพี่ตัวเองที่เอาแต่มองมาทางฉันที่แบบงงขั้นสุด วีญ่ามีอาการคล้ายคนทำอะไรไม่ถูกเพราะกำลังเหวอไม่รู้จะประมวลความคิดไปทางไหนดีแต่ทั้งที่น้องสาวของตัวเองกำลังงงเขากลับเอาแต่มองฉันเหมือนเดิม นี่นายไม่คิดจะรู้ตัวเลยรึไงว่ากำลังทำให้น้องสาวนายงงจนอาจจะเริ่มตะหงิดใจสงสัยว่าระหว่างฉันกับนายมันมีอะไรแอบแฝง
“เก็บเงินซะ...มากกว่านี้พี่ก็เลี้ยงเธอได้”
“...” ฉันมองเขาที่ยังเอาแต่มองดุแต่แค่แป๊บเดียวนะคะเพราะฉันกลัวเพื่อนสงสัยจากนั้นก็เก็บเงินทันทีพร้อม ๆ กับที่พนักงานเอาบัตรเครดิตกับสลิปมาให้เขาเซ็นนั่นแหละแล้วจากนั้นก็ต่างคนต่างลุกแล้วเดินไปที่รถโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรทั้งที่ฉันโคตรอยากปฏิเสธไม่ให้ไปส่งแต่ก็ต้องเงียบไว้เพราะกลัวเขาทำอะไรให้ยัยวีญ่ารู้สึกแปลกใจขึ้นมาอีก
-เวลาต่อมา-
“พี่เวลส่งน้องเลยไหมหรือจะย้อนมาส่งทีหลัง” ระหว่างทางที่ขับรถออกจากร้านได้ประมาณสามกิโลเมตรวีญ่าก็ถามพี่ชายตัวเองขึ้นหลังจากที่ไม่มีใครพูดอะไรเลยตั้งแต่เขาดุฉันออกมาเมื่อเกือบแปดนาทีก่อนนี้ในร้านอาหารซึ่งคำถามของวีญ่าทำให้ฉันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าทางกลับยัยหอวีญ่าถึงก่อนแถมหอมันยังอยู่ที่ฝั่งเดียวกันกับทางกลับแต่หอของฉันอยู่อีกฝั่งซึ่งแน่นอนว่าทางยูเทิร์นเข้าหอฉันกับทางยูเทิร์นเข้าหอวีญ่ามันไกลมาก ๆ ทั้งคู่
“ส่งเลย”
...?
ฮะ ???
ฉันได้ยินคำตอบเรียบ ๆ ของเขาก็ถึงกับเหวอ ส่งเลยแปลว่าเขาจะส่งน้องเขาก่อนถูกต้องใช่ไหมคะ
“โอเคค่ะส่งน้องก่อนจะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมาเนอะ”
“อื้ม”
“เดี๋ยวฉันลงกับแกเลยก็ได้ญ่า ไม่ต้องให้พี่เวลไปส่งหรอก” ฉันจะไม่ยอมอยู่กับเขาสองต่อสองอีกต่อไปแน่นอนต่อให้ต้องอยู่แค่แป๊บเดียวก็ไม่เอา
“ไม่เป็นไรหรอกน่ามิ่นแค่ให้พี่ชายฉันไปส่งแกเอง พี่เพื่อนก็เหมือนพี่ตัวเองจำไว้สิจ้ะเพื่อน” รู้แต่มันคิดแบบนั้นไม่ได้ไง เพราะเขาไม่ได้เป็นแค่พี่ชายเพื่อนแบบธรรมดาทั่วไป
“ไม่เป็นไร... / เอ๊ะ! หรือว่าแกกลัวว่าอาจารย์ปกป้องสุดหล่อหวานใจของแกรู้ว่าแกมีผู้ชายที่หล่อมากอย่างพี่เวลไปส่งแล้วเข้าใจผิดวะยัยมิ่น~”
“จะ...”
บรื๊น!!!
ฉันกำลังจะทำปากขมุบขมิบปฏิเสธเพื่อนที่หันมายิ้มล้อแต่อ้าปากขยับได้แค่นี้รถก็กระชากตัวทันที
“เฮ้ย ๆๆ พี่เวลขับช้า ๆ หน่อยเดี๋ยวเลยทางเข้าหอน้อง...”
เอี๊ยด!!!
“พี่เวล! ช้า ๆ ไงไอ้พี่บ้า!” น้องสาวของเขาบอกให้ขับช้า ๆ เดี๋ยวเลยทางเข้าหอแต่เขาก็ทำให้น้องสาวมั่นใจว่าจะไม่เลยทางเข้าหอเพราะเขาหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายตรงปากซอยได้ทันเวลาเป๊ะ ๆ ยัยวีญ่าเลยยิ่งโวยวายใส่พี่ชายด้วยความกลัวแต่เขาก็เอาแต่จับพวงมาลัยนิ่งเหมือนเดิม!
ขับรถบ้าอะไรของนายฮะไอ้คนเลว! ขับแบบนี้เชิญไปคุยกับยมบาลในนรกคนเดียวเถอะไป!
เขาเงียบไม่พูดอะไรเลยแต่ก็ยังดีที่ลดความเร็วลงแล้วแต่ในรถก็ยังมีเสียงบ่นของยัยวีญ่าอยู่จนกระทั่งถึงหอยัยวีญ่าก็ขอบคุณพี่ชายที่มาส่งแล้วหันมาโบกมือให้ฉันซึ่งฉันก็ไม่ได้พูดอะไรแค่พยักหน้ารับเพราะพูดไปเพื่อนฉันก็ไม่ยอมให้ฉันกลับเองอยู่ดี เสียเวลาเปล่า ๆ สู้รอเวลาให้ยัยวีญ่าลงไปแล้วลงตามไปเลยดีกว่าง่ายดี
“ขับรถดี ๆ นะคะพี่เวล ฝากเพื่อนญ่าด้วย” วีญ่าลาอีกรอบจากนั้นก็ลงรถพอประตูรถปิดลงฉันก็ขยับตัวทันที
“อยากให้เพื่อนรู้เหรอถึงคิดจะลงไป” เสียงเขาดังขึ้นในขณะที่ฉันกำลังทำท่าจะลงรถตามเพื่อนไปติด ๆ ทำเอามือฉันที่กำลังจะเปิดประตูชะงักไปเลย
...นี่ขู่เหรอ?
ฉันหันไปมองหน้าเขาทันที ตอนแรกก็โครตเกลียดนะแต่ตอนนี้เกลียดโคตร ๆ เลยไอ้คนเลว!
“จะเอาอะไร?” วีญ่าไม่ได้อยู่บนรถแล้วเลยไม่มีความจำเป็นที่ฉันต้องใช้น้ำเสียงที่ดีกับคนอย่างเขา
“ย้ายมานั่งข้างหน้า” เสียงเขาเรียบนิ่งตอนที่สั่งฉัน หึ! คิดว่าตัวเองเป็นใครวะไอ้เวร!
“ไม่มีทาง! ฉันจะลงตรงนี้ไม่มีทางที่ฉันจะนั่งรถไปกับคนอย่างนายสองต่อสองแน่นอน!” ฉันพูดจบก็ดึงที่เปิดประตูจนมันคลายล็อก
“ถ้าลงก็เตรียมคุยกับยัยวีญ่าทั้งวันได้เลย” กำลังจะดันประตูให้เปิดเขาก็ขู่ขึ้นมาอีกรอบ มันจะอะไรนักหนาวะ ทำไมไม่ต่างคนต่างอยู่จะเอาอะไรกับฉันนักหนา ฉันไม่มีอะไรจะให้แล้วเขาไม่รู้เลยรึไง!
“อย่ามาขู่ ต่างคนต่างอยู่ก็จบ!”
“คนอย่างฉันไม่เคยขู่ ถ้ายังดื้อก็ลองดู...จะได้บอกให้ยัยวีญ่ารู้ให้หมดว่าเธอกับฉันเป็นผัวเมียกันเมื่อไหร่ ได้กันแบบไหน เอากันท่าไหนบ้างแล้วที่สำคัญ...ฉันปล่อยในกี่ครั้ง”
“...ไอ้เหี้ย” ฉันด่าเขาเพราะเหลืออด ถึงแม้เสียงที่ด่ามันจะโคตรเบาก็ตามแต่เชื่อเถอะว่าตอนนี้ฉันกำลังโมโหจนถึงขั้นที่เดือดสุดขีด
“หึ ๆๆ ลองไหมล่ะที่รัก มิ่นอยากลองท้าทายคำพูดของพี่เล่น ๆ สักครั้งรึเปล่า จะได้รู้ว่าคนอย่างฉัน...เหี้ยได้มากกว่าที่เธอคิดแค่ไหน”