“อ่านจดหมายแม่ดอกแก้วแล้วถึงกับยิ้มขนาดนั้นเชียวรึแม่ดอกรัก” เพ็ญที่กำลังนั่งร้อยมาลัยอยู่เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“น้องดูมีความสุขมากเจ้าค่ะคุณหญิงแม่ เขียนเล่ามาเสียลูกเห็นภาพทุกอย่างที่น้องบรรยายเลยเจ้าค่ะ”
“หายห่วงแล้วใช่ไหมเล่า น้องอย่ากังวลไปเลย พ่อเพียรกับแม่อินเป็นคนดี พี่เองก็คิดเหมือนกันว่าจักให้ลูกไปอยู่กับใครที่ใด คนคนนั้นก็ต้องเป็นคนดี ไม่ใช่จะผลักไสไล่ส่งลูกไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ ที่ไม่รู้จักนิสัยในคอกันมาก่อน”
“น้องรู้เจ้าค่ะว่าพ่อเพียรกับแม่อินเป็นคนดี แต่ลูกทั้งคนน้องก็อดที่จักห่วงเสียไม่ได้”
“ตอนนี้พี่ว่าเราต้องห่วงพ่อเพียรกับแม่อินเสียมากกว่ากระมัง ไม่รู้แม่ดอกแก้วจะไปแผลงฤทธิ์กระไรอีกหรือไม่”
“คงมิถึงขนาดนั้นดอกเจ้าค่ะคุณพี่”
“น้อยไปสิไม่ว่า” โมกข์ยิ้มกว้างออกมาเพราะรู้จักนิสัยของลูกสาวคนเล็กดี ซุกซนเป็นที่หนึ่ง เฉลียวฉลาดไม่เป็นสองรองใคร แลรู้ทันคนอื่นไปเสียหมด
“ลูกขอเขียนจดหมายถึงน้องก่อนนะเจ้าค่ะเจ้าคุณพ่อคุณหญิงแม่”
“ได้สิจ๊ะ ตามสบายเลยจ้ะ” เพ็ญเอ่ยกับบุตรสาวด้วยรอยยิ้ม ดอกรักจึงบรรจงเขียนจดหมายถึงน้องสาวที่รักด้วยความคิดถึง ลายมือของสองพี่น้องสวยและเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะโมกข์นั้นหัดให้ลูกอ่านเขียนตั้งแต่เด็ก แลคัดลายมือทุกวัน ด้วยว่าเขานั้นเป็นหนอนหนังสือ ชอบอ่านหนังสือและเขียนหนังสือ ลูก ๆ ทั้งสองจึงได้นิสัยส่วนนี้มาจากบิดา
ดอกแก้วคลี่จดหมายจากทางบ้านออกอ่านด้วยรอยยิ้ม พลางอ่านให้อาทั้งสองฟังด้วยน้ำเสียงสดใส
“ตอนนี้คุณหญิงแม่ตั้งครรภ์แล้ว มีอาการแพ้ท้องพอสมควร เจ้าคุณพ่อนั้นตื่นเต้นดีใจ คาดหวังว่าครานี้จักได้ลูกชายเสียที พี่อยู่ทางนี้สบายดี น้องอยู่ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เราจักได้เจอหน้ากันอีกคราเมื่อใด พี่คิดถึงน้องเหลือเกิน”
“พี่เพ็ญท้องลูกอีกคนแล้วหรือเจ้าคะ น้องดีใจกับพี่โมกข์กับพี่เพ็ญจริงๆ เจ้าค่ะคุณพี่” อินพูดแล้วยิ้มกว้าง ถึงหล่อนจะไม่มีลูก แต่ก็มีดอกแก้วแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าทรัพย์สินจะไม่มีใครดูแล
“ดอกแก้วขอเขียนจดหมายตอบพี่ดอกรักก่อนนะเจ้าคะคุณอา”
“ตามสบายเลยจ้ะ อีกไม่กี่เพลาอาจะพาแม่ดอกแก้วไปเยี่ยมเจ้าคุณพ่อกับคุณหญิงแม่ของหลาน” อินพูดกับหลานสาว ดอกแก้วจึงเขียนจดหมายไปบอกพี่สาวว่าอีกไม่นานจะได้เจอกัน
“หลานเขียนจดหมายเสร็จแล้ว ฝากคุณอาส่งให้หลานด้วยนะเจ้าคะ หลานขอลงไปเล่นข้างล่างก่อนนะเจ้าคะ”
“ไปเถิด” สองสามีภรรยาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม มองตามร่างเล็กไปด้วยความเอ็นดู โดยมีแพง ซึ่งเป็นบ่าวรับใช้คนสนิทตามลงไปด้วย
“คุณหนูดอกแก้วจักทำอันใดหรือเจ้าคะ” แพงเอ่ยถามเจ้านายสาว แพงเป็นบ่าวรับใช้ประจำตัวของดอกแก้วที่เพียรกับอินให้คอยติดตามคอยดูแลรับใช้หลานสาวให้ดี
ดอกแก้วไม่เหมือนเด็กสาวธรรมดาทั่วไป เพราะแก่นแก้วแลซุกซนเกินใคร แถมยังเฉลียวฉลาดเรียนหนังสือก็เก่ง เอาตัวรอดก็เยี่ยม เรื่องงานเย็บปักถักร้อยไม่ใคร่จะใส่ใจเหมือนลูกสาวผู้ดีมีอันจะกินบ้านอื่น แต่เพียรกับอินก็รักและตามใจเป็นอันมาก จึงไม่เคยบังคับให้ดอกแก้วต้องนั่งเย็บปักถักร้อยหรือทำกับข้าวกับปลากระไร
“ฉันอยากกินมะม่วงบนต้นโน้น”
“คุณหนูดอกแก้วจักกินมะม่วงหรือเจ้าคะ”
“ใช่จ้ะพี่แพง”
“เดี๋ยวบ่าวให้คนสวนมาเก็บให้นะเจ้าคะ”
“ไม่เอาดอกจ้ะ ฉันจะเก็บเอง มะม่วงต้นแค่นี้ ฉันปีนขึ้นไปเก็บเองได้สบายอยู่แล้ว”
“ตายแล้วคุณหนู ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณเพียรกับคุณอินรู้เข้าบ่าวได้โดนเฆี่ยนหลังลายเป็นแน่ คุณหนูเป็นผู้หญิงจะปีนป่ายขึ้นไปบนต้นมะม่วงได้อย่างไรกันเจ้าคะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ฉันปีนต้นไม้เก่งที่สุดเลยนะจะบอกให้”
“ไม่ได้เจ้าค่ะคุณหนู ถ้าคุณหนูจะทำเยี่ยงนั้น ฆ่าบ่าวให้ตายเถิดเจ้าค่ะ” แพงรีบจับขาของดอกแก้วเอาไว้เพื่อเอ่ยขอร้อง
“ก็ได้ งั้นพี่แพงไปตามคนสวนมาช่วยเก็บมะม่วงให้ฉันที ฉันจะรออยู่ตรงนี้”
“ได้เจ้าค่ะคุณหนู แต่คุณหนูห้ามปีนเองเด็ดขาดนะเจ้าคะ”
“เอาน่า ไม่ปีนก็ไม่ปีน” ดอกแก้วรับคำพลางยิ้มแป้น แพงจึงรีบวิ่งไปตามคนสวนมาช่วยปีนต้นมะม่วงให้เจ้านายสาว
ดอกแก้วชะเง้อคอมองตามพี่เลี้ยงสาวที่วิ่งไปทางหน้าบ้านจนสุดตา ก่อนจะหัวเราะชอบใจ ร่างเล็กรีบปีนขึ้นไปบนต้นมะม่วงอย่างสนุกสนานและคล่องแคล่ว ก่อนจะค่อย ๆ เก็บผลมะม่วงและโยนลงไปใต้โคนต้น
“โอ๊ย!” เสียงนั้นทำให้ดอกแก้วตกใจ รีบก้มลงไปมองเบื้องล่าง ว่าหล่อนโยนผลมะม่วงใส่หัวผู้ใด
เกื้อเงยหน้าขึ้นไปมองบนต้นมะม่วง เขาถึงกับชะงักเมื่อเห็นเด็กสาวหน้าตาน่ารักอยู่บนต้นมะม่วง ชายหนุ่มวัยยี่สิบสามถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้เห็นเช่นนั้น เกิดมาเขาไม่เคยเจอเด็กผู้หญิงคนไหนอาจหาญปีนป่ายต้นไม้เช่นนี้มาก่อน
“ขึ้นไปทำอันใดบนต้นไม้ล่ะนั่น”
“นี่ต้นกระไรเจ้าคะ” ดอกแก้วเอ่ยถาม
“ต้นมะม่วง” เขาตอบพลางทำสีหน้างุนงง
“นั่นแหละคำตอบ นี่ต้นมะม่วง ปีนขึ้นมาก็ต้องมาเก็บลูกมะม่วงสิเจ้าคะ จะให้ปีนขึ้นมาเก็บลูกขนุนหรืออย่างไรกันเจ้าคะ” ประโยควกไปวนมาแถมยังกวนอีกทำให้เกื้อถึงกับทำหน้าดุใส่ในทันที เพราะเขาอายุมากกว่าเจ้าหล่อนหลายปี