จากัวร์สีดำมันเป็นเงาระยับจอดนิ่งสนิทที่ลานจอดรถชั้นสี่ของห้างเอ็มโพเรียม คนขับนิ่งเงียบมาตลอดทั้งทางหลังจากที่โดนมารดาตำหนิเอาแต่เสียงคุยกันระหว่างคุณอภิสรากับภูมิบุญดังขึ้นตลอดเวลา คุณอภิสราเองเป็นคนชวนคุยถามนั่นถามนี่ชี้นั่นชี้นี่ให้ภูมิบุญดู คนขับรถได้แต่กัดฟันเพราะหมั่นไส้คนที่นั่งอยู่ข้างๆเขาสายตาที่คอยชำเลืองมองทำทีว่ามองกระจกส่องข้างแต่แอบมองคนที่นั่งข้างๆด้วยสายตาที่เกลียดชัง
"ไปภูมิเราไปเดินซื้อของก่อนดีกว่า" คุณอภิสราจับแขนภูมิบุญให้เดินตามไปยังแผนกเครื่องแต่งกายชาย
"คุณท่านจะซื้อของให้คุณโต้เหรอครับ" ภูมิบุญถาม
"ซื้อให้ภูมินั่นล่ะมาๆดูยี่ห้อนี้สิน่ารักจังเลยป่ะแวะหน่อย"
"เอ่อคุณท่านครับ"
"ไม่ต้องภูมิอย่าขัดใจป้าตัวนี้เป็นไงลายสวยเชียวเหมาะกับภูมินะป้าว่า" คุณอภิสราปรามไม่ให้ภูมิอ้าปากจะปฏิเสธภูมิบุญก้มหน้าลำบากใจอีกรอบ
"ยี่ห้อนี้มันถูกไปไหมครับแม่ข้างล่างมีช็อปนะเท่าที่จำได้" เสียงประชดประชันดังมาจากข้างหลัง
"เออจริงสินะเดี๋ยวค่อยไปดู"
"คุณท่านครับอย่าเลยครับผมไม่ได้อยากซื้อเสื้อผ้าใหม่ของเดิมที่คุณท่านซื้อให้ก็พอแล้วครับ" ภูมิบุญพูดขึ้นเพราะรู้สึกตัวเหมือนกันเวลาโตโต้
เหน็บแนมมันคันๆที่ปากอยากจะด่าตอบเต็มทีแต่ก็เกรงใจคุณอภิสรา
"จะพอเหรอครับน้องภูมิเอาน่าแม่พี่ใจดีซื้อไปเยอะๆเลยนี่ด้วยรองเท้ากระเป๋า"
"โต้" คุณอภิสราทำตาเขียวใส่ลูกชาย
"อ้าวแม่ก็ผมช่วยเลือกให้นี่ครับไหนภูมิไปลองให้พี่ดูหน่อยซิ แม่ผมพาน้องไปลองเสื้อนะครับ" โตโต้หยิบเอาเสื้อติดมือไปด้วยสามสี่ตัวแล้วลากแขนภูมิบุญเดินเข้าไปในห้องลองเสื้อพอปิดประตูก็เอามือดันผนังไว้คร่อมตัวภูมิบุญไว้
"เอาสิมึงอยากได้อะไรหอบเอาเลยโอกาสทองแล้วนี่" หน้าของโตโต้จ่ออยู่ตรงหน้าผากของภูมิบุญ
"อะไรครับคุณโต้ผมไม่ได้อยากจะได้นะ"
"โกหก กูดูมึงออกอยากได้มึงก็ไม่ต้องทำดัดจริต ขนเอาสิเอาให้พอให้หนำใจมึงเลย" เขากัดฟันพูดก้มหน้าลงมาใกล้ภูมิบุญจ้องอยู่ที่คางของโตโต้ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
"ทำไมมึงถอนหายใจใส่กูทำไม" โตโต้กระแทกบ่าของภูมิบุญใส่ผนัง รู้สึกโกรธที่อีกฝ่ายไม่มีปฏิกริยาตอบสนอง
"เบื่อ" "มึงเบื่อใครเดี๋ยวมึงโดน"
"ปล่อยได้ยังครับคุณโต้จะลองเสื้อ เสียเวลาคุณทำให้ผมหมดเวลาในการหอบขนเอาของไปหลายนาทีแล้วนะ" ภูมิบุญพูดหน้านิ่งทำสีหน้ารำคาญอย่างไม่มีปิดบัง
"มึง" โตโต้กัดกรามจนปูดนูนขึ้นมาเขาเอากำปั้นทุบผนังดังปึงแม้เสียงไม่ดังมากแต่ก็โกรธอยู่ไม่น้อย
"ออกไปได้ไหมครับผมจะลองเสื้อ"
"ทำไมอายกูเหรอหรือว่ามึงเป็นเกย์จริงๆกูว่าแล้ว" โตโต้ทำหน้าตาล้อเลียนภูมิบุญถอดเสื้อออกทันทีโตโต้เองก็ยืนมองไม่วางสายตาภูมิบุญก็ไม่ได้อายเพราะไม่ได้รู้สึกอะไร
"ตัวมึงเนียนนี่หว่ากูว่าเป็นเกย์แหงๆ" สายตาดูมีเลศนัยแต่มองแบบเหยียดๆ
"ครับแล้วไงครับ"
"เฮ้ยมึงก็แอบมองกูสิวะ"
"เหรอครับถ้ามีคุณโตโต้เหลืออยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ ผมขอช่วยตัวเองไปจนตายดีกว่า"
"มึง" โตโต้ถลาเข้าหาจับบ่าของภูมิบุญบีบไว้แน่นจนแดงถลึงตาใส่ง้างมือขึ้น
"เอาเลยครับจะได้ให้คุณท่านรู้กันเสียทีว่าคุณโต้เกลียดผม"
"มึงอย่าคิดว่ามันจะจบง่ายๆนะ"
"ไม่คิดหรอกครับเพราะคุณโต้ไม่ยอมผมเองก็ไม่ยอม"
"มึง" ได้แต่กัดฟันพูดอะไรไม่ออกเพราะอีกฝ่ายลอยหน้าลอยตาพูดแล้วหยิบเสื้อตัวนั้นตัวนี้มาใส่ ผิวของภูมิบุญไม่ขาวมากแต่เป็นสีน้ำผึ้งซีดๆแต่กลับแดงระเรื่ออยู่สีเนียนเรียบเสมอกันทั้งตัวใบหน้าที่ผุดผาดบวกกับความหยิ่งผยองชวนให้น่าพิศมัยไม่น้อยกว่าจะออกจากห้องลองเสื้อก็นานพอสมควร พอออกมาคุณอภิสราก็ปรี่เข้ามาหา
"เป็นไงจ๊ะภูมิพอดีไหม"
"มันคับไปหน่อยครับคุณท่านแบบก็ไม่สวย ไม่เอาดีกว่าครับ"
"อ้าวลองไซส์อื่นไหมล่ะจ๊ะ"
"เอ่อไม่เป็นไรครับเกรงใจเขาเปล่าๆ ขอโทษด้วยนะครับพี่" ภูมิบุญหันไปบอกพนักงานที่ตอนแรกยิ้มร่าดีใจที่จะได้ยอดเพิ่มหลายตัวแต่หน้ามุ่ยลงเพราะภูมิบุญบอกปัดไป
"อ้าวเหรองั้นเราไปดูยี่ห้ออื่นกันโทษทีนะจ๊ะหนู" คุรอภิสราบอกพนักงานอีกที พอเดินไปเรื่อยๆคุณอภิสราก็พาแวะนั่นแวะนี่ ภูมิบุญก็ใช้ไม้เดิมคือบอกไม่ชอบแบบไม่สวย สีไม่ถูกใจจนคุณอภิสราอ่อนใจแต่ภูมิบุญไปสะดุดตากับรองเท้าคู่หนึ่งที่วางอยู่บนชั้น
"ชอบคู่นี้เหรอจ๊ะภูมิ" คุณอภิสราปรี่เข้ามาถามเมื่ออ่านสายตาของภูมิ
ออก
"อ้อเปล่าครับ"
"อะไรกันไม่ได้แล้วนะจะบอกปัดไปเสียหมดแบบนี้ดูสิยังไม่ได้อะไรสักอัน ขอลองหน่อยจ๊ะพ่อหนุ่ม" คุณอภิสราลากแขนภูมิบุญเข้าไปในร้านทันที โตโต้ทำหน้าเซ็งอย่างเห็นได้ชัด
"บ้านนอกจริงๆ" เขาบ่นอยู่คนเดียวแต่ก็ต้องเดินตามเข้าไปภูมิบุญลองรองเท้าคอนเวิร์สสีดำแบบหุ้มข้อสูงพอลองแล้วก็ลุกขึ้นเดิน
"ป้าว่ามันแปลกๆนะภูมิ"
"อ้อครับผมไม่ซื้อหรอกครับคุณท่านมันแพงไป" เสียงหัวเราะดังมาจากคอของโตโต้แค่นี้แพงแล้วรองเท้าหนังเฟอราการ์โม่ที่เขาสวมอยู่นี่ภูมิบุญจะเรียกว่าอะไร
"อ้าวเราชอบใช่ไหมเอาคู่นี้จ๊ะพ่อหนุ่ม มีกี่สีจ๊ะ" คุณอภิสราลุกขึ้นปรี่เข้าไปหาพนักงานขาย
"เอ่อคุณท่านครับเอาสีนี้ครับ" ภูมิบุญรู้ตัวว่าคุณอภิสราอาจจะเอาทุกสีที่มีก็เป็นได้จึงรีบออกตัวพอเสร็จก็เดินวนเวียนอยู่แถบนั้น
"อุ๊ยร้านรูปร้านนี้สวยจังแวะหน่อยนะจ๊ะ" คุณอภิสรามาสะดุดใจกับร้านขายรูปวาดร้านใหญ่ในส่วนของพลาซ่าพนักงานชายวัยกลางคนออกมาต้อนรับ
"รูปนี้เท่าไหร่จ๊ะ" คุณอภิสราชี้ไปที่รูปวาดสีน้ำมันรูปหน้าพระพักตร์ของขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าลงสีด้วยสีทองดำ
"อ้อรูปนี้ห้าหมื่นห้าครับคุณผู้หญิงสนใจรูปแนวนี้เหรอครับ เชิญด้านนี้ครับร้านเรามีรูปแนวนี้อยู่หลายภาพ อันนี้เป็นของอาจารย์สุรชัย ส่วนลักษณะของหน้าพระเต็มเฟรมแบบนี้เป็นของอาจารย์พิเชษฐ์ครับ" พนักงานขายแนะนำอย่างคล่องแคล่วคุณอภิสราก็ถามนั่นถามนี่
"แม่จะเอาไปติดห้องพระเหรอครับ" โตโต้เองก็สนใจเดินดูภาพวาดที่พนักงานขายบอกว่าเป็นเทรนที่กำลังมาแรงคืองานวาดจากฝั่งเวียดนามที่เน้นสีสันฉูดฉาดภูมิบุญเองก็เดินดูภาพวาดด้วยเหมือนกัน ไม่ค่อยรู้เรื่องแต่เห็น
แล้วสวยดี
"โหน้องตาถึงนะครับรูปที่น้องดูอยู่ของอาจารย์เอกชัยครับ รูปนี้ห้าแสน"
"หาอะไรนะครับพี่" ภูมิบุญอุทานออกมา
"อืมสวยดีนะป้าว่าดูลายเส้นเขาสิละเมียดละไมจริงๆ" ภูมิบุญเดินถอยห่างจากรูปวาดทันทีโตโต้เดินเอาไหล่มากระทบไหล่ของภูมิบุญจนเขาเองสะดุ้ง คนตัวใหญ่หนายักคิ้วให้ ภูมิบุญเดินเข้าไปหาคุณอภิสราทันทีพอออกจากร้านขายรูปคุณอภิสราก็ได้รูปพระพักตร์ของพระพุทธเจ้ามาราคาก็ครึ่งแสนคนถือเฟรมรูปคือโตโต้เพราะภูมิบุญอาสาถือให้แต่คุณอภิสราไม่ยอมเพราะเห็นว่าตัวเล็กกว่าโตโต้หน้าบึ้งกัดฟันอยู่
"ไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหมจ๊ะเดินนานแล้วป้าเมื่อย" คุณอภิสราบอกภูมิบุญแล้วจูงมือเดินนำหน้าโตโต้เหมือนกับภูมิบุญเป็นลูกแล้วโตโต้เป็นเด็กถือของโตโต้หน้าเริ่มยักษ์กระแทกส้นเท้าแต่คุณอภิสราไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด
"ต๊ายคุณอภิสราวันนี้ออกมาช็อปปิ้งเหรอคะ" เสียงแหลมทักมาแต่ไกล
"อ้าวคุณลินดา ค่ะพาลูกมาเดินเล่นน่ะค่ะแล้วนี่คุณลินดามาซื้อของเหมือนกันเหรอคะ" คุณอภิสราทักตอบหญิงวัยเดียวกับคุณอภิสราแต่แต่งหน้าทำผมตีกระบังมาใหญ่โตเหมือนเอาร่มอันเล็กๆกางไว้บนหัวก็ไม่ปาน
"ค่าว่าจะมาดูเพชรร้านคุณจอยหน่อยน่ะค่ะเห็นบอกว่าได้มาใหม่ แล้วนี่ลูกชายเหรอคะ" ภูมิบุญยกมือไหว้ทันที
"ค่ะคนนี้หลานค่ะเรียนอยู่ปีหนึ่งส่วนคนนั้นลูกชายเพิ่งจะกลับจากเมกา ก็ว่าจะให้มาช่วยงานที่บริษัทล่ะค่ะคุณลินดา"
"ต๊ายหน้าตาหล่อเหลาจังนะคะไม่อยากเป็นดาราเหรอพ่อคุณแต่เอ๊ะคุณอภิสรามีหลานด้วยเหรอคะ" คุณลินดาทำท่าสงสัยมองหน้าภูมิที่ก้มหน้าอยู่ใกล้คุณอภิสรา
"ค่ะเพิ่งมาจากเพชรบูรณ์"
"ตายจริงหน้าตาน่ารักเชียวผิวดีนะคะ ต๊ายนี่มันผิวสีน้ำผึ้งเดือนห้านี่คะ หายากนะคะคนผิวสีนี้ทุกวันนี้น่ะ" คุณลินดาโผเข้ามาจับแขนภูมิบุญทันทีส่วนภูมิบุญขยับตัวเบียดเข้าหาคุณอภิสรา
"งั้นดิฉันขอตัวนะคะคุณลินดาเนี่ยลูกๆบ่นตั้งนานแล้วว่าหิวข้าว เดี๋ยวว่างไว้คุยกันนะคะ" คุณอภิสราตัดบทหลังจากร่ำลากันเสร็จก็เดินจูงมือภูมิบุญเดินไป
"โต้แถวนี้มีร้านอาหารญี่ปุ่นไหมลูก" คุณอภิสราถามแล้วหันไปมองลูกชายที่หน้าบึ้งอยู่เพราะแบกเฟรมรูปอันใหญ่
"มีมั้งครับโต้จำไม่ได้" โตโต้ตอบทำท่าไม่สนใจ
"ไปกินแถวทองหล่อดีกว่าร้านอร่อยๆเยอะกว่าแถวนี้" คุณอภิสราตัดสินใจโดยไม่ฟังเสียงของลูกชายที่บ่นอุบอิบอยู่ข้างหลัง พอออกจากห้างก็ขับรถเลยไปที่ซอยทองหล่อคุณอภิสราเลือกร้านนาโนฮานะที่อยู่ชั้นสองของ J-Avenue สั่งอาหารมาเยอะแยะไปหมดภูมิบุญนั่งติดกับคุณอภิสราส่วนโตโต้นั่งตรงข้าม
"ลองกินนี่สิจ๊ะภูมิ ข้าวปั้นหน้ากุ้งที่นี่เขาทำอร่อยนะ" คุณอภิสราแนะนำแล้วเอาตะเกียบคีบยื่นให้ภูมิบุญสักพักก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
"กินกับอันนี้สิมึงอร่อยนะ" โตโต้บุ้ยปากไปทางวาซาบิก้อนสีเขียวโตข้างๆจานภูมิบุญไม่สนใจฟัง
"นี่เขากินแบบนี้ทำตัวบ้านนอกไปได้คงไม่เคยกินสินะ" คำก็เหน็บสองคำก็เสียดแทงภูมิบุญเม้มปาก
"เอ้ากินดิ" โตโต้ยื่นก้อนข้าวปั้นให้ที่เขาคีบวาซาบิยัดใส่ไส้ในก้อนโตให้ภูมิบุญ
"ไม่เป็นไรครับคุณโต้กินเถอะ" ภูมิบุญบอกปฏิเสธไปแต่โตโต้วางก้อนข้าวปั้นไว้ในจานของภูมิบุญแล้วคุณอภิสรากลับมานั่งลงที่เดิม
"อ้าวยังไม่ลองทานอีกเหรอภูมิลองสิจ๊ะแล้วจะติดใจ" คุณอภิสราเย้า
ภูมิบุญพยักหน้าแล้วเอาตะเกียบที่คีบไม่ค่อยถนัดคีบเข้าปากแล้วเคี้ยวเข้าไป
เต็มที่ภูมิบุญหยุดกึกลงทันที
"เป็นอะไรไปจ๊ะภูมิไม่อร่อยเหรอ" คุณอภิสราถามเพราะเห็นสีหน้าของภูมิบุญไม่สู้ดี ภูมิบุญส่ายหน้าพยายามกลืนลงคอไปคราวนี้ทั้งน้ำหูน้ำตาไหลออกมาหน้าแดงก่ำไม่ไหวแล้วภูมิบุญรู้สึกทรมานกับการกินมากที่สุดเท่าที่เคยกินมากลืนลงคอไปอย่างยากลำบาก
"ตายแล้วกินวาซาบิเข้าไปเหรอภูมิ" คุณอภิสราลูบหลังส่วนโตโต้หัวเราะคิกคักพอใจกับสิ่งที่ภูมิกำลังเป็น
"ฮ่า เผ็ดๆๆ" ภูมิบุญเอามือมาปัดที่ปากไวๆ แลบลิ้นออกมาน้ำตายังไม่
หยุดไหล
"โต้แกล้งน้องใช่ไหม" เสียงคุณอภิสราดุแต่โตโต้ไม่ยอมหยุดหัวเราะ
"นิสัยไม่ดีนะน้องไม่เคยกินไปทำแบบนี้ได้ยังไง" คุณอภิสราดุทำตา
เขียวใส่แต่เห็นสภาพภูมิก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้
"กินน้ำก่อนนะภูมิดูสิน้ำหูน้ำตาไหลตาโต้นี่ก็เหลือเกินนะ" กว่าจะคืนสู่สภาพปกติภูมิบุญก็ขยาดอาหารก้อนๆแบบนี้ไปแล้วโตโต้ไม่ยอมหยุดอมยิ้มอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“จะกลับเลยไหมลูกเหนื่อยไหมจ๊ะภูมิ” คุณอภิสราหันมาถามตอนที่รับประทานอาหารเสร็จภูมิบุญรู้สึกดีขึ้นมากแล้วแต่นัยน์ตายังระเรื่อเจืออยู่ด้วยน้ำตา
“แม่อยากจะกลับแล้วเหรอครับโต้ว่าอยากจะพาน้องไปเปิดหูเปิดตาสักหน่อยอ่ะ” โตโต้ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเขาอยากจะแกล้งภูมิบุญให้สาแก่ใจในฐานะที่เขาดูอวดดีเกินไปและมันทำให้เขาหมั่นไส้เกินกว่าจะปล่อยให้กลับบ้านไปเฉยๆได้
“อ้าวเหรอดีเหมือนกันนะลูกงั้นแม่นั่งรถกลับบ้านก่อนก็ได้จ๊ะ พาน้องไปเปิดหูเปิดตาบ้างตั้งแต่มายังไม่ได้ไปไหนเลยนี่นะภูมิ” หันมาทางภูมิบุญที่หน้าตาซีดเซียวลงทันที
“เอ่อไม่เป็นไรครับคุณท่านภูมิอยากจะกลับพร้อมคุณท่านครับ”
“นั่นเอาอีกแล้วอยู่กับพี่เขานี่ล่ะลูกไปดูหน่อยว่าคนเมืองเวลาเย็นๆ
เขาไปเที่ยวไหนกัน” พูดไม่ออกได้แต่ก้มหน้าเม้มปากแน่นรู้ดีแก่ใจว่าชายคนนี้
ไม่มีจุดประสงค์ดี
“เรียกรถให้แม่หน่อยลูกอย่าพาน้องกลับค่ำนักล่ะ” คุณอภิสราเดินไปขึ้นรถแท็กซี่ตรงดิ่งกลับบ้านไปแล้วภูมิบุญยืนนิ่งมองตามรถแท็กซี่ไปหัวใจเต้นระทึกไม่รู้ว่าตัวเองจะเผชิญชะตากรรมเช่นไร
“มาดิยืนบื้อทำไรอยู่ไอ้บ้านนอก” มือหนาๆที่ฟาดลงที่หลังทำให้ภูมิบุญถึงกับสะดุ้งเบี่ยงตัวออกไม่ทันเขาหันมามองชายร่างใหญ่ที่พยักหน้าท้าทายให้อยู่ เขายิ้มอย่างผู้มีชัยรอยยิ้มที่ทำให้คนตัวเล็กถึงกลับผวาไปได้เหมือนกัน
“จะไปไหนครับ”
“อย่าถามตามมา” โตโต้เดินไปยังที่จอดรถแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งในที่นั่งของคนขับ ภูมิบุญยืนลังเลอยู่ที่นี่คือที่ไหน อยู่ตรงไหนของเมืองฟ้าเมืองอมรแห่งนี้ก็ไม่รู้แสงไฟตามข้างทางที่ผ่านมาแม้จะพยายามมองศึกษาป้ายที่บอก
เกี่ยวกับเส้นทางแต่ก็ไม่คุ้นตาไม่รู้จักอยู่ดี
“ยืนทำห่าไรอยู่มึงขึ้นมาดิ” โตโต้ตวาดเสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานจอดรถไม่สนใจผู้ใดรถคันงามราคาหลายล้านแต่คนขับมีกริยามารยาทเช่นใดไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับผู้ใดภูมิบุญสั่นสะท้านค่อยๆเดินไปอีกฝั่งของรถ
“ลีลานะมึงอ้อยอิ่งทำไมคนอย่างมึงกลัวด้วยเหรอวะ” พอขึ้นนั่งบนรถก็หันมาตวาดใส่อย่างแรง แรงจนคนที่นั่งข้างๆเอาหลังดันเบาะนั่งเบียดไปอีกทาง
“ทำไมไม่พูดกูพูดกับมึงอยู่นะ” ยังไม่สาแก่ใจในเมื่อคนที่เขาบันดาลโทสะใส่เหมือนว่ากำลังควบคุมอารมณ์อยู่
“ครับ”
“ครับอะไรเชี่ยเอ้ย” โตโต้ออกรถอย่างรุนแรงเร่งเครื่องยนต์จนเสียงดังกึกก้อง ถนนทองหล่อยามพลบค่ำรถราที่สัญจรไปมามีไม่น้อยแต่เขาก็สามารถที่จะขับรถฉวัดเฉวียนทำให้ใครต่อใครที่อยู่ในบริเวณนั้นมองมาด้วยหลากหลายสายตาและความรู้สึกมีทั้งสาปแช่งและชื่นชมเพราะรถที่เขาขับแค่มองก็รู้ว่าแพง
“คุณโต้จะไปไหนครับ” ถามออกมาเสียงสั่นเพราะการขับรถของโตโต้ทำให้ภูมิบุญเริ่มหวั่นใจ
“อย่าถามไปถึงมึงก็รู้เองล่ะ” ไม่ได้หันมามองแต่น้ำเสียงที่ห้วนดุทำให้ภูมิบุญเลิกคิดที่จะไถ่ถาม เขาเมินหน้าออกนอกกระจกรถที่ติดฟิล์มกรองแสงหนาทึบออกไปมองถนนหนทางผู้คนที่รถเริ่มผ่านไปเสียงแตรรถที่ดังไล่หลังมาบ่งบอกให้รู้ว่ามารยาทในการขับรถของเขาไม่เข้าพวกแปลกแยกออกมากระนั้นคนขับเองก็ไม่ได้ใส่ใจ
“ลงไป” โตโต้ขับรถออกจากทองหล่อตัดเข้าเอกมัยทะลุออกถนนพระรามเก้าตรงไปยังถนนศรีนครินทร์และไปจอดรถโดยเหยียบเบรคหนักๆแรงๆที่มุมมืดแห่งหนึ่งแถวใต้ทางด่วน
“เอ่อ”
“กูบอกให้ลงไป” เม้มปากแน่นตอนนี้ไม่มีเงินติดตัวสักบาททั้งที่รู้แก่ใจดีว่าอะไรเป็นอะไรจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ยังทำใจให้เต้นเป็นปกติไม่ได้ นับจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจะขอยอมรับว่ามันคือชะตากรรมของตน ภูมิบุญไม่หันมามองหน้าเขาแม้แต่น้อยเปิดประตูรถก้าวลงไปในทันทีพอภูมิบุญก้าวพ้นจากรถประตูปิดสนิทแล้วโตโต้ก็บึ่งรถออกไป
“หึหึเก่งนักเหรอมึง กูอยากจะรู้ว่ามึงจะมีปัญญาหาทางกลับได้ไหม” เสียงหัวเราะที่ดังออกมาจากลำคอมันทั้งสาแก่ใจและสมใจกับการกระทำแต่อีกคนกำลังยืนสั่นเทาไปด้วยความกลัวน้ำตาที่จะปริ่มออกมาเขาสกัดกั้นมันให้ไหลกลับเข้าไปจะไม่อ่อนแอไม่ว่าจะยังไง