วันเปิดเทอมมาถึงแล้ว ความจริงภูมิบุญลงทะเบียนเรียบร้อยตั้งแต่วันที่มาถึงวันแรกก่อนที่จะเข้าพบคุณอภิสราโดยจันทร์เป็นคนพาไปให้ลุงหมายคนขับรถพาทั้งสองไป วันนี้ภูมิบุญตื่นตั้งแต่เช้าสวมเสื้อผ้านักศึกษาตามระเบียบที่ทางมหาวิทยาลัยกำหนดพอแต่งตัวเสร็จก็นั่งอยู่ในครัวรอพบมารดาเพื่อที่จะขอพรก่อนออกไปเผชิญชีวิตในเมืองหลวง
"อ้าวตื่นแต่เช้าจังลูกตื่นเต้นเหรอ" จันทร์ร้องทักมาภูมิบุญสะดุ้งหันไปมองตามเสียงแล้วพยักหน้า
"ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกลูกเดี๋ยวก็ชินเองล่ะพอชินคราวนี้คงตื่นเอาสายโด่ง" จันทร์ล้อแต่ภูมิบุญได้แต่ยิ้มแห้งๆ
"มาๆกินอะไรก่อนลูกเดี๋ยวไปเป็นลมเป็นแล้ง" จันทร์ตบบ่าภูมิบุญเบาๆ แล้วไปเปิดตู้กับข้าวดูของกินที่เหลือจากเมื่อคืนเพื่อที่จะเอามาอุ่นให้ภูมิบุญกินก่อนไปมหาวิทยาลัย
"ไม่เป็นไรครับแม่เดี๋ยวภูมิไปหากินเอาแถวหน้ามหาฯลัยตอนนี้คงกินไม่ลง"
"อ้าวเป็นงั้นไปงั้นแม่ชงโอวัลตินให้ก่อนละกันรองท้องไปก่อน" พูดจบก็เดินไปตักผงโอวัลตินใส่แก้วแล้วไปกดน้ำร้อนยื่นแก้วให้ภูมิบุญ
"ขอบคุณครับแม่" ภูมิบุญยกแก้วโอวัลตินขึ้นจิบพอจันทร์ให้พรให้ตั้งใจเรียนเสร็จสักพักก็ออกจากบ้านเดินออกไปหน้าปากซอยเสียงแตรรถดัง
ขึ้นข้างหลังทำให้ภูมิบุญถึงกับสะดุ้ง
"ภูมิๆไปมอเหรอมาๆไปกับพี่" แทนทวีพูดอย่างเป็นกันเองภูมิบุญมองหน้าของเขาที่ยื่นออกมานอกกรอบกระจกรถยนต์สีดำมันจนมองเห็นตัวของภูมิที่ยืนอยู่ข้างรถ ยี่ห้อรถก็เป็นญี่ห้อดังจากฝั่งยุโรปรถคันกระทัดรัดแค่นี้ไม่อยากจะเชื่อว่าราคามันไม่ได้เล็กเท่ารถเลย
"เอ่อไม่เป็นไรครับ ผมอยากไปเอง"
"เอาน่าวันแรกจะไปยังไงเดี๋ยวก็หลงทางนะขึ้นมาเถอะพี่จะไปมอเหมือนกัน" แทนทวีตื้อ
"ไม่เป็นไรครับผมอยากรู้จักเส้นทางจะได้ไปเองได้วันหลัง" ภูมิบุญยังยืนกระต่ายขาเดียว พอยืนยันหนักแน่นก็เดินไปเลยไม่ได้สนใจฟังคำขอร้องของแทนทวี
"ฮึฮึ โดนแต่เช้าเลยกู" แทนทวีบ่นกับตัวเอง
"นะน้องภูมิไปกับพี่นะครับพี่จะได้มีเพื่อนไปมอ" ภูมิบุญเม้มปากรู้สึกรำคาญเต็มที่หันหน้าไปหาเขาที่โผล่หน้าออกมาจากรถ
"แล้วปกติพี่ไปยังไงล่ะครับมีเพื่อนไปเหรอผมไม่สะดวกครับ ขอโทษจริงๆ พี่รีบไปเถอะครับอย่ามาใส่ใจผมเลย" ภูมิบุญพูดจบก็เดินจ้ำเร็วแม้เขาจะพยายามขับตามบีบแตรสร้างความงงงวยให้คนที่สัญจรไปมาพอเดินมาถึงหน้าปากซอยภูมิบุญก็กวักมือเรียกรถสองแถวให้จอดแทนทวีไม่ยอมแพ้ขับช้าๆตามรถสองแถวภูมิบุญมองไปข้างหน้าไม่ได้สนใจรถสองแถววิ่งไปเรื่อยๆขยับไปได้ทีละนิดพอเข้าถนนอ่อนนุชเพราะปลายทางของรถสองแถวคือปากซอยอ่อนนุชนั่นเองภูมิบุญเริ่มไม่แน่ใจว่าตนอยู่ที่ใดในเมืองฟ้าอมรแห่งนี้
"เอ่อพี่ครับโทษนะครับผมจะไปมหาฯลัยนี่ใช่ไปทางนี้ไหมครับ" ภูมิบุญถามถึงทางไปมหาฯลัยกับชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
"เอ่อพี่ก็ไม่รู้จักน่ะครับน้องโทษที" คำตอบทำให้ภูมิบุญใจแป้ว
"นี่อุตส่าห์ศึกษาทางมาแล้วนะ" ภูมิบุญบ่นให้ตัวเองแต่ก็ไม่อยากกระโตกกระตากให้คนรู้ว่าเป็นคนบ้านนอกไม่รู้จักทางเพราะกลัวว่าจะโดนหลอกเอาง่ายๆ ภูมิบุญตั้งใจว่าจะถามคนเอาตอนที่ลงจากรถ อ้อยเคยบอกว่าให้สังเกตคนเอาถ้านั่งสองแถวจุดหมายคือใต้สะพานข้ามคลองพระโขนงแต่คนจะลงรถหน้าคาร์ฟูลเยอะที่สุดก็ลงกับเขาพอรถสองแถวจอดให้คนลงภูมิบุญก็ลงรถ สายตาก็มองไปข้างหลังไม่มีรถคันนั้นคอยกวนใจแล้ว ภูมิบุญแอบยิ้มแล้วเดินตามผู้คนไปภูมิบุญเลือกที่จะถามผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวภูมิฐานน่าเชื่อถือ
"อ้อน้องข้ามไปฝั่งโน้นนะคะ แล้วนั่งสาย ๒๕ ๔๘ ผ่านค่ะน้องไม่นั่งรถไฟฟ้าไปล่ะคะถึงเลย" เธอบอกอย่างคล่องแคล่วภูมิบุญค่อยโล่งใจกล่าวคำขอบคุณแล้วเดินไปตามทางที่หญิงคนนั้นบอก
"เฮ้ย" ภูมิบุญตวาดเสียงดังเพราะมีคนมาจับบ่าเขาเหวี่ยงตัวออกทันที พอรู้ว่าใครก็ทำหน้าไม่ถูกไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี
"ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น" แทนทวีเดินดันหลังให้ภูมิบุญเดินตามคนไปยังถนนสุขุมวิทที่อยู่เบื้องหน้า
"แล้วมาจับทำไมไม่ให้เสียง ตกใจนะพี่"
"ฮ่าๆๆ ก็นึกว่ารู้ตัวโอ๋ๆๆ ขวัญเอ๋ยขวัญมา"
"อย่ามาตลกแล้วเดินตามมาทำไม"
"ใครว่าพี่ตามเราพี่จะไปมอ ทางนี้ไปมอนี่" แทนทวีแถไปยิ้มอย่างพอใจที่แกล้งภูมิบุญได้
"อย่ามาเกาะได้ไหมเดี๋ยวเสื้อยับ" ภูมิบุญแกะมือเขาออกแต่ก็เหนียวเหมือนตุ๊กแกไม่ยอมปล่อยง่ายๆ
"อ๊ายตัวเองอ่าอย่าจับก้นเค้าดิอายคนน้า" ภูมิบุญแตกสาวใส่จริตพูดเสียงดังคนที่ได้ยินมองกันใหญ่แทนทวีรีบปล่อยมือทันที ยืนอึ้งอยู่ ส่วนภูมิบุญยกริมฝีปากขึ้นแล้วสะบัดหน้าเดินไปแล้วแทนทวียืนนิ่งสักพักพอรู้ตัวว่าโดนแกล้งจึงรีบเดินตามไป ภูมิบุญเดินไปตั้งใจว่าจะขึ้นรถไฟฟ้าแต่มองกลับหลังไปแทนทวียังคงเดินตามมาอยู่จึงคิดว่าถ้าขึ้นรถเมล์ไปเขาคงจะเลิกล้มความตั้งใจเพราะดูท่าทางคงเป็นคุณหนูอยู่ไม่น้อย
"แสบนักนะภูมิ" เขากัดฟันพูดแล้วเดินขึ้นสะพานลอยตามหลังภูมิบุญไป พอรถเมล์สายที่ภูมิบุญจำได้จากผู้หญิงคนเมื่อครู่บอกก็ก้าวขึ้นไปบนรถ
ทันทีแทนทวีรีบตามขึ้นไป
"พี่ครับคันนี้ผ่านมอฯใช่ไหมครับ" ภูมิบุญถามพนักงานเก็บเงินบนรถเมล์
"ใช่" เสียงตอบห้วนๆแล้วทำเสียงกร๊อบแกร๊บจากกระป๋องเก็บสตางค์ที่
ไม่ยอมเสวนามากความเพราะจุดประสงค์คือเงินจากภูมิบุญ
"เอ่อพี่ครับถ้าถึงแล้วรบกวนบอกด้วยนะครับ" ไม่มีเสียงตอบแต่เป็นการพยักหน้าแทนคนบนรถเมล์ในตอนเช้าแน่นขนัดไม่มีแม้ที่จะแหย่ขาเข้าไปยืน ภูมิบุญเอาตัวเองขึ้นไปยืนบนรถได้แต่ก็เบียดคนบนรถอยู่เหมือนกัน
"ไม่ไปรถไฟล่ะแบบนี้สายแน่ๆเลยภูมิ" เสียงดังอยู่ข้างหูแทบจะจ่อเข้ามาในรูหู ภูมิบุญเบียดตัวออกเพราะแทนทวีเบียดกายเข้ามาอยู่ด้านหลังเขาแล้ว
"เอ๊ะพี่ไม่ไปล่ะตามมาทำไม" ภูมิบุญพูดเสียงเครียดแต่เบาเพราะกลัวว่าคนที่อยู่ใกล้ๆจะได้ยินรู้สึกอายขึ้นมา
"ไม่ได้ตามซะหน่อยหลงตัวเองเหมือนกันนะเรา" แทนทวีแหย่ ภูมิบุญได้แต่เม้มริมฝีปากเข้าหากันไม่ยอมพูดกับเขาอีกแต่พอถึงป้ายพระโขนงคนก็ดันขึ้นมาแน่นอีกแทนทวีจงใจเอาช่วงล่างเบียดดันสะโพกของภูมิบุญหน้าของภูมิบุญเริ่มแดงเพราะรู้สึกว่าเขาจาบจ้วงมากเกินไป
"ถอยไป" เสียงดุเด็ดขาดแต่แทนทวีไม่ได้สนใจภูมิบุญจึงแทรกตัวขอโทษคนที่อยู่ด้านหน้าแล้วไปยืนข้างหน้าเขาแทนทวีตามไปไม่ได้แต่เหมือนฟ้าแกล้ง คนที่ภูมิบุญไปยืนข้างหน้าลงป้ายถัดไปแทนทวีรีบแทรกตัวเข้าไปทันที ภูมิบุญเห็นว่าแทนทวีกำลังแทรกเข้ามาก็หันหน้าเข้าหาทันที
"ว่าไงพี่ เอาไง" ภูมิบุญจ้องหน้าเขาแทนทวียิ้มแห้งๆหน้าเกือบจะชนกัน ลมหายใจร้อนของแทนทวีทำให้ภูมิบุญทนไม่ได้ต้องกดกริ่งลงตรงเอกมัย กว่าจะเอาตัวเองออกมาจากรถเมล์ได้ก็ใช้เวลาพอสมควร แทนทวียังเดินตามอยู่ภูมิบุญรู้สึกเหลืออดเต็มทน
"นี่พี่ตามผมทำไมหาจะเอาอะไรบอกมาเลยพี่"
"เฮ้ยก็ลงอ่ะทำไมล่ะไม่ได้ตามเราซะหน่อย" ภูมิบุญส่ายหน้าไม่อยากจะแสดงอิทธิฤทธิ์ต่อหน้าสาธารณชนจึงได้แต่เม้มปากแล้วเดินขึ้นบันไดไปพอถามพนักงานว่าต้องทำยังไงกับตั๋วรถไฟฟ้าแลกเหรียญมาหยอดเสร็จก็เดินขึ้นไปรอรถไฟที่ชานชลา แทนทวีก็ไม่ยอมเลิกตื้อแต่ภูมิบุญก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ทนได้ทนไป ภูมิบุญไม่สนใจดูโทรทัศน์บนรถไฟฟ้าส่วนแทนทวีก็พยายามแหย่ทุกวิถีทางแต่ไม่เป็นผลพอถึงสถานีสยามภูมิบุญก็นิ่งอยู่เพราะไม่รู้ว่าต้องลงที่นี่ แทนทวีอมยิ้มทันทีพอคนลงเยอะจนบางตาภูมิบุญก็เริ่มแปลกใจ
"เอ่อโทษนะครับมอฯนี่ลงสถานีไหนครับ"
"อ้าวเมื่อกี๊ไงน้องเลยแล้ว" เสียงตอบของชายวัยกลางคนที่เปล่งเสียงออกมาทำให้ภูมิบุญรู้สึกอายหน้าแดงขึ้นมา
"ลงสถานีหน้าก็ได้น้องแล้วข้ามไปอีกฝั่งค่อยนั่งกลับมาใหม่" เขาคงดูรู้ว่าทำให้ภูมิบุญอายจึงพูดอีกประโยคภูมิบุญพยักหน้า ส่วนทวีอมยิ้มกลั้นหัวเราะอยู่
"มีความสุขมากนักเหรอที่แกล้งผมน่ะ" ภูมิบุญพูดขึ้นตอนลงจากรถไฟแล้วเห็นแทนทวีเดินตามมา
"อ้าวพี่ไม่ได้แกล้งพี่ก็ไม่เคยขึ้นเอาน่าเป็นประสบการณ์"
"ฮึ" ภูมิบุญทำหน้ายักษ์ใส่แล้วปรี่เข้าไปหาพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนดูแลความเรียบร้อยอยู่ตรงบริเวณทางเข้าสถานี
"ทางนี้ภูมิไม่ต้องถามเขาหรอกมาพี่ไม่แกล้งแล้วก็ได้ สายแล้ว" เขาทำให้ภูมิบุญหยุดแล้วหันมามองแทนทวีหยุดอมยิ้มแล้วยักคิ้วให้ ภูมิบุญจำใจเดินตามเขาขึ้นไปรอรถไฟอีกขบวน ใช้เวลาอยู่พอสมควรจึงเดินเข้ามหาวิทยาลัย แทนทวีชี้บอกทางไปคณะให้ภูมิบุญก่อนจะแยกไปภูมิบุญเดินไปที่คณะไปดูบอร์ดหน้าคณะเพื่อดูรายชื่อ
"หวัดดีนายเรียนคณะนี้เหมือนกันเหรอ" เสียงใสๆทักมาจากข้างหลัง ภูมิบุญหันไปตามเสียงสาวน้อยร่างสูงโปร่งยืนอยู่ข้างหน้าผมหยักศกเป็นลอนแต่งกายในชุดนักศึกษาดูหน้าตาสวยแต่งกายสะอาดเรียบร้อยถูกระเบียบ เธอช่างเหมือนเพื่อนรักอย่างพิมพ์ใจเหลือเกินเหมือนจนภูมิบุญอ้าปากค้าง พิมพ์ใจ
"เอ่อใช่เธอก็เรียนคณะนี้เหมือนกันเหรอ" ภูมิบุญตอบและถามออกไป
อย่างตะกุกตะกักจ้องมองดวงหน้าของเธอไม่วางตา
"ใช่เราชื่อพลอยนะ ยินดีที่ได้รู้จักทำไมมองเราเหมือนนายรู้จักเราเลยอ่ะมีไรป่ะเคยเจอเราที่ไหนเหรอ" สาวน้อยแนะนำตัวแล้วยิ้มให้ถามออกมาตรงๆคำถามที่ทำให้ภูมิบุญยิ้มเขินๆ
"อ๊ะ ปะเปล่าหรอกหน้าตาเธอเหมือนเพื่อนสนิทเราคนหนึ่งน่ะเช่นกัน เราชื่อภูมิแล้วเธอเข้าไปข้างในแล้วเหรอ"
"อื้มตามมาสิเรารู้จักเพื่อนใหม่ด้วยนะ" พลอยเดินนำหน้าภูมิเข้าไปใน
คณะเพื่อนใหม่เป็นชายหนุ่มตัวสูงผิวคล้ำแต่ดวงหน้าแววตาดูสดใสสมวัย รอยยิ้มที่เขาฉายออกมาทำให้ภูมิบุญยิ้มตอบรับเช่นกัน
"เราชื่อก้องยินดีที่ได้รู้จักนะภูมิ เรามาจากระนอง"
“ยินดีเช่นกันก้องเรามาจากเพชรบูรณ์” ทั้งสามคุยกันอยู่สักพักก็ไปปฐมนิเทศน์ภูมิบุญเองคอยมองพลอยอยู่ตลอดเวลาไม่อยากจะเชื่อว่าจะเจอคนเหมือนกันขนาดนี้ทั้งรูปร่างหน้าตาและบุคลิก พลอยเตือนความทรงจำเกี่ยวกับพิมพ์ใจได้ดีเหลือเกินอีกอย่างก็รู้สึกถูกชะตากับพลอยคนนี้เสียจริงๆ พอเลิกก็ไปรับน้องของคณะกว่าจะเสร็จก็ค่ำเดินออกมาจากมหาวิทยาลัยพร้อมกันด้วยหน้าตาที่มอมแมมแม้จะล้างคราบสีต่างๆออกแล้วก็ตามที
"แล้วนายพักที่ไหนอ่ะภูมิ" ก้องถาม
"อ้อเราอยู่บ้านนายของแม่น่ะแถวสวนหลวง นายล่ะ"
"เราอยู่กับน้าที่ห้วยขวางบ้านนายของแม่นี่ยังไงอ่ะ" ก้องทำหน้าสงสัย
"อ้าวก้องทำไมถามแบบนั้นก็เป็นแม่บ้านไง ใช่ไหมภูมิ" พลอยชิงตอบ ภูมิบุญพยักหน้าเม้มปากแน่นไม่ได้อายที่แม่เป็นคนใช้แต่ก็ใช่ว่าอยากจะได้ยินคำถามแบบนี้อยู่ร่ำไปแต่ก็นึกชื่นชมพลอยเป็นอีกเท่าตัวที่เหมือนเธอจะจับความรู้สึกของเขาได้ รู้สึกประทับใจแล้วช่างเหมือนกับพิมพ์ใจอะไรแบบนี้
"ดีจังนายก็ได้อยู่บ้านหลังโตๆดิ"
"ไม่เห็นจะดีเลยบ้านเขานะไม่ใช่บ้านของเรา"
"เออนั่นดิบ้านเราก็ใหญ่ไม่เห็นดีเลยหยุดทีไรขี้เกียจทำความสะอาดจะตาย" พลอยบอกแล้วหัวเราะทั้งสามสนิทกันอย่างรวดเร็ว พอแยกย้ายกลับบ้าน ภูมิบุญก็ขึ้นรถไฟฟ้าเช่นตอนขามาเพราะคิดว่ารถคงจะติดแต่แล้วก็ทำหน้าเสียอารมณ์เพราะคนที่ไม่อยากจะเจอที่สุดยืนยิ้มแป้นอยู่แทนทวีเดินตามภูมิบุญตั้งแต่ออกจากมหาวิทยาลัยแล้วแต่ไม่ได้สังเกต ภูมิบุญทำเป็นมองไม่เห็นแต่แทนทวีเดินมาประชิดตัวแล้ว
"ว่าไงภูมิวันแรกเป็นไงบ้าง สนุกไหม มีเพื่อนใหม่เยอะป่าว" แทนทวียิ้มกริ่มยื่นหน้าเข้ามาถาม
"ก็ดีนี่พี่"
"หิวป่ะ"
"ไม่ครับ"
"หิวหน่อยดิ" ไม่มีเสียงตอบจากภูมิบุญส่ายหน้าถอนหายใจเหนื่อยหน่ายที่จะต่อกร
"ไปกินข้าวกับพี่นะพี่หิว" แทนทวีพูดอยู่คนเดียวภูมิบุญพลิกหนังสือดูไม่ได้สนใจ จนรถไฟถึงอ่อนนุชจึงลุกจากที่นั่งหลังจากที่ยืนงงอยู่สักพักภูมิบุญก็เดินกลับไปทางเดิมที่จะไปคาร์ฟูลแทนทวีเดินตามไม่ยอมห่าง
"ทางนี้ดิภูมิทางลัดพี่จอดรถไว้ที่คาร์ฟูล" แทนทวีสะกิดแขนให้ภูมิบุญเดินลัดเข้าซอยหลังคาร์ฟูล ภูมิบุญเดินตามอย่างว่าง่ายที่ยอมเดินตามเพราะเห็นคนเดินเข้าในซอยนั้นเยอะ พอถึงคาร์ฟูลแทนทวีก็เดินนำเข้าไปทางลานจอดรถ แต่ภูมิบุญเดินเลี่ยงไปอีกทาง
"อ้าวไปไหนล่ะ"
"กลับบ้าน"
"ภูมินะพี่ขอร้องพี่เหนื่อยมากแล้ววันนี้ไปกับพี่หน่อยนะยังไงเราก็กลับบ้านทางเดียวกัน" เสียงของแทนทวีจริงจังจ้องหน้าไม่ยอมวางตาภูมิบุญเม้มปากถอนหายใจคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้ายินยอม
"ยังไงเสียก็มีแต่ได้กับได้คิดอะไรมากภูมิ" ภูมิบุญบอกกับตัวเองแล้วยกริมฝีปากขึ้นตนไม่ใช่หญิงสาวที่จะมาคอยถือตัวระแวดระวังอะไรเกินเหตุ อีกอย่างท่าทางของเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมายนักหากแม้นว่าเขาเลวร้ายจริงก็เป็นชายเฉกเช่นเดียวกันพละกำลังก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก นั่งรถกลับบ้านฟรีๆมันดีออกจะตายไป