ภายในโถงบัลลังก์ของอาณาจักรเทพ แสงสีทองสาดส่องทั่วทุกมุม แต่กลับไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศที่ตึงเครียดระหว่างพ่อและลูกเบาบางลง นายีร่าเทพีแห่งความสงบ ผู้เป็นแม่ของเทอร์รีมัส เดินเข้ามาอย่างเงียบงัน แต่ทุกย่างก้าวของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เมื่อคิดว่าอาจจะต้องเสียลูกชายคนสุดท้องไปเป็นครั้งที่สอง
“ท่านจะให้ลูกต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกหรือ เทียร์เรส?” นายีร่ากล่าวเสียงนุ่ม ดวงตาที่เปี่ยมด้วยความห่วงใยมองไปยังเทอร์รีมัส ซึ่งนั่งอยู่บนแท่นหินตรงมุมห้อง เขาเอาแต่ก้มหน้าและคิดบางอย่างที่นางไม่สามารถจะอ่านใจเขาได้ ว่าลูกชายกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“เขาต้องเรียนรู้ และหากเขาเลือกเช่นนั้นจริง ข้าไม่ได้เป็นผู้กำหนด แต่ลูกของเราเลือกมันเอง” เทียร์เรสตอบด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงด้วยความเด็ดขาด
“ข้าจะไม่พรากสิ่งใดจากเขาอีกแล้ว หากเขาพร้อมที่จะรับผลของการตัดสินใจด้วยตนเอง สิ่งเดียวที่ข้าทำได้ คือทำตามความต้องการของเขา”
“เขาอยากกลับไปหามนุษย์คนนั้น...ท่านก็รู้ว่า...” นายีร่าหันไปมองสามีสลับกับมองไปหาลูกชาย นางเจ็บปวดเกินกว่าจะพูดคำนั้นออกมาได้
“ท่านเองก็รู้ว่าเขาละทิ้งความเป็นเทพไปนานแค่ไหน และเขาเคยลำบากมานานแสนนานที่โลกมนุษย์นั่น ถ้าเขาเพียงแค่อยากกลับไปพบแม่นางมนุษย์คนนั้น ถึงกับต้องแลกขนาดนั้นเชียวหรือ?” เทอร์รีมัสเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
“ท่านแม่....ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าเลือกท่าน” เทียร์เรสมองลูกชายของเขาด้วยสายตานิ่งสงบ หลังจากที่กลับมาเป็นเทพเต็มตัว เทอร์รีมัสได้พลังการรับรู้ความรู้สึกนึกคิดของผู้อื่นได้อย่างเต็มที่ และเขารับรู้ถึงความเจ็บปวดของนายีร่ามารดาของตัวเอง และมันช่างหนักหนาเหลือเกิน การได้ลงไปอยู่ที่โลกมนุษย์สอนให้เขาเห็นอกเห็นใจคนอื่น และเขาเลือกแล้วว่าควรจะเลือกแม่ของตัวเอง
“จริงหรือ? ลูกคิดเช่นนั้นจริงหรือเทอร์รีมัส” นายีร่าร้องขึ้นด้วยความดีใจ พลางวิ่งเข้าไปจับมือทั้งสองของลูกชาย ในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความคาดหวัง
“ถูกแล้วเทอร์รีมัส...เจ้าเป็นเทพ เจ้าไม่จำเป็นต้องละทิ้งฐานะของเจ้า หากเพียงแค่ต้องการกลับไปดูแลมนุษย์ผู้หนึ่ง” เทียร์เรสเสริมขึ้น
“แต่ข้าจะกลับไปหานางได้อย่างไร...ข้าไม่มีกุญแจที่จะเดินทางไปที่โลกมนุษย์?” เทอร์รีมัสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบ
นายีร่าหันมองหน้าสามี นางยังไม่เชื่อใจลูกชายของตัวเอง นางยังคงกลัวว่าเทอร์รีมัสจะพูดเพื่อหลอกให้ตายใจ แล้วพอได้กุญแจไปแล้ว จะหนีไปอยู่กับมนุษย์ผู้นั้นและทิ้งนางพร้อมกับสละความเป็นเทพ
“เจ้ารู้ใช่หรือไม่ ว่าเจ้าทำได้เพียงแอบดูนางอย่างเงียบๆ ช่วยเหลือนางโดยที่นางต้องไม่รู้ถึงการมีอยู่ของเจ้า และที่สำคัญที่สุด...นางขอไม่ให้พ่อลบความทรงจำของนาง”
“ท่านทำเรื่องไม่รอบคอบแบบนั้นได้อย่างไรกัน? ถ้านางเผยแพร่ความลับของเทพออกไป...”
“ท่านแม่ ข้าเชื่อใจนาง นางไม่มีทางทำแบบนั้นแน่” เทอร์รีมัสแทรกขึ้น
“ข้าจะทำให้นางไม่รู้สึกว่าข้าอยู่ตรงนั้น ข้าจะแอบดูนางเพียงห่างๆ จะไม่ช่วยเหลืออะไรนางหากไม่จำเป็น” นายีร่าก้าวเข้ามาใกล้ลูกชาย นางย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเขา มือเรียวบางสัมผัสเบา ๆ ที่มือของเทอร์รีมัส
“ลูกของข้า ความรักที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องแสดงตัวก็ได้ ถ้าลูกรักนางจริง ลูกย่อมสามารถปกป้องและดูแลนางได้ แม้ว่านางจะไม่เห็นหรือรับรู้ว่าลูกเป็นผู้อยู่เบื้องหลังก็ตามทำ”
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้น...” เทอร์รีมัสพึมพำ เขาหลับตาลง น้ำเสียงของเขาสั่นระริก
“มันจะต้องเป็นแบบนั้น และข้าขอบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ก่อนเลยว่า หากเจ้าพลาดท่า ทำให้นางรับรู้ถึงการมีอยู่ของเจ้า ความเป็นเทพของเจ้าจะต้องถูกยุติลง”
“ข้าเข้าใจ แต่ข้าขอโอกาสเจอกับนางสักครั้ง ไม่ได้หรือท่านพ่อ”
“นั่นเป็นความเห็นแก่ตัวของเจ้า เจ้าจะได้ทุกอย่าง อย่างที่ต้องการไม่ได้เทอร์รีมัส” เทียร์เรสกล่าวขึ้น เสียงของเขาดังสะท้อนทั่วทั้งโถง
“การกลับไปในฐานะเทพ หมายความว่าเจ้าต้องเฝ้ามองนางจากระยะไกล เจ้าไม่อาจก้าวล้ำไปในโลกของมนุษย์ด้วยเจตนาอันเห็นแก่ตัวของเจ้าเช่นนั้นได้ และอีกเรื่องที่เจ้าจำเป็นต้องรู้ คนกับเทพรักกันไม่ได้” เทอร์รีมัสขบกรามแน่น ความคิดของเขาวุ่นวาย เขาอยากกลับไปหาเธอ อยากบอกลา อยากให้จอแจรู้ว่าเขาไม่ได้ทิ้งเธอไปโดยไม่เหลียวแล แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่อาจละทิ้งตัวตนของเขาในฐานะเทพไปได้โดยง่าย
นายีร่ามองลูกชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังและอ้อนวอน นางกุมมือเขาไว้แน่นขึ้น เพราะต้องการจะบอกถึงความรักที่คนเป็นแม่มีต่อลูก อยากให้ลูกชายรับรู้ว่านางเจ็บปวดมากเพียงใด หากต้องเสียเขาไป
“ลูกไม่จำเป็นต้องละทิ้งฐานะเทพ แต่ถ้าลูกต้องการกลับไปหานาง ลูกจะต้องยอมรับกฎของเทพให้ได้ว่านางจะไม่มีวันรู้ว่าลูกกลับไป...”
“แล้วถ้าลูกทำไม่ได้ล่ะท่านแม่?” เทอร์รีมัสถาม เสียงของเขาเต็มไปด้วยความสับสน ทีแรกเขาก็มั่นใจว่าตัวเองจะทำได้ แต่พอย้อนคิดถึงหน้าของจอแจแล้ว เขาเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าจะทำได้หรือเปล่า
“ถ้าเจ้าทำไม่ได้ เจ้าก็ต้องเลือก” เทียร์เรสกล่าวชัดเจน
“ไม่เทียร์เรส ลูกจะไม่เลือกอะไรทั้งนั้น ลูกจะเป็นเทพต่อไป ลูกจะอยู่กับข้า ลูกจะอยู่กับเรา” นายีร่าหันไปตะคอกใส่สามี
“เลือกว่าระหว่างความรักที่ต้องยอมเสียสละ การละทิ้งความเป็นเทพที่ผู้คนต่างใฝ่ฝันที่จะได้รับโอกาส กับความเป็นเทพ พลัง ความเป็นอมตะ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะไตร่ตรองให้ดีก่อนจะเลือกมัน” เทียร์เรสกล่าวก่อนที่จะค่อยๆ สลายหายไปกับอากาศ กุญแจดอกหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเทอร์รีมัส หลังจากที่พ่อของเขาจากไป
“ไม่...เอามาให้แม่ ลูกกลับไปทบทวนให้ดีก่อน แล้วแม่จะคืนให้...”
“ท่านแม่ ลูกสัญญาว่าลูกจะกลับมา ลูกเพียงต้องการแน่ใจว่าจอแจปลอดภัยดีเท่านั้น” เทอร์รีมัสกำกุญแจเอาไว้แน่น นายีร่าน้ำตาไหลพราก นางเองก็ไม่มั่นใจในตัวลูกชายเลย แต่ก็รู้ว่าไม่มีทางจะห้ามความคิดของลูกคนนี้ได้เช่นกัน
ผ่านมานานนับเดือนตามเวลาของโลกมนุษย์ จอแจต้องจมอยู่กับความเศร้าโศก กับการจากไปของสโนว์ เธอกลับไปหางานทำอีกครั้ง ไม่ใช่แค่เพราะต้องการเงิน แต่เพราะอยากจะหาอะไรทำให้สมองไม่คิดฟุ้งซ่านด้วย
“กินเยอะๆ นะเจ้าหมา ฉันพาแกกลับบ้านก็ไม่ยอมไปอยู่ด้วยกัน” หญิงสาวเทอาหารให้กับหมาจรจัดที่อยู่แถวซอยใกล้บ้านของเธอ จอแจพยายามพาหมาตัวนี้กลับบ้านด้วยหลายครั้ง แต่มันก็หนีออกจากบ้านมาทุกที เธอจึงตัดสินใจไม่บังคับมัน
“แกแปลงร่างเป็นคนได้หรือเปล่าห้ะ!!!” หญิงสาวถามพลางลูบที่หัวของหมาตัวนั้นด้วยความเอ็นดู และนั่งมองมันกินอาหารด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ในใจของเธอรู้สึกสุขที่ได้ให้อาหารหมาตัวนี้ แต่ลึกลงไปในหัวใจนั้นกลับเจ็บปวดเมื่อนึกถึงสโนว์
เทอร์รีมัสยืนอยู่ในเงามืด ที่มุมตึกใกล้ๆ กับที่จอแจนั่งอยู่ เขามองเธอด้วยสายตาอาลัย อยากจะเดินออกไปหา ดึงเธอเข้ามากอดแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเขาสัญญากับนายีร่าเอาไว้แล้วว่าจะกลับไป
“ฉันไปแล้วนะ ถ้าวันนี้ฝนตกก็ไปหลบฝนที่บ้านก็แล้วกัน ฉันทำทางเข้าเอาไว้ให้แล้ว” จอแจลุกยืนขึ้นและเริ่มเดินกลับบ้านอย่างช้าๆ สายลมพัดผ่านเส้นผมของเธอเบาๆ ทำให้เธอหยุดเดินชั่วครู่ พลางมองรอบตัวด้วยความรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง แต่กลับไม่เห็นสิ่งใดนอกจากความว่างเปล่า
“บ้าไปแล้วเรา คิดถึงเขาอีกแล้วเหรอ...” เธอพึมพำกับตัวเองเบาๆ พลางก้าวเดินต่อไป แม้ผ่านมานานนับเดือนแต่สโนว์ยังคงอยู่ในใจของเธอ เขาไม่เคยหายไปในไม่ว่าเธอจะพยายามลืมอย่างไรก็ตาม
บนหลังคาของอาคารสูงใกล้ๆ บ้านหลังที่สโนว์เคยอยู่ร่วมกับจอแจ เทอร์รีมัสในร่างของเทพจ้องมองเธอด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรักและอาทร แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าไปพูดคุยหรือสัมผัสเธอได้อีก แต่เขากลับรู้สึกถึงความอุ่นใจเพียงแค่ได้อยู่ใกล้ๆ เธอ
“จอแจ...” เขาเอ่ยชื่อเธอเบาๆ และมองเธอจากตรงจุดนั้น ในบ้านเต็มไปด้วยแมวจำนวนมาก ทั้งแมวที่แข็งแรงและสภาพร่างกายปกติดี หรือแม้แต่แมวพิการที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ จอแจกลับมาถึงเธอก็ต้องดูแลแมวทั้งหมด ที่เธอเก็บกลับมาเลี้ยงที่บ้าน
นอกจากนี้ที่สวนก็ยังมีบ้านหมาอีก 2-3 หลังสำหรับหมาจรจัดที่แวะเวียนมานอนพักบ้าง จอแจไม่ได้คาดหวังให้หมาแมวพวกนั้นเป็นเทพที่แปลงร่างเป็นคนได้อย่างสโนว์ แต่เพาะเธอเป็นคนรักสัตว์อยู่แล้ว เห็นสัตว์พวกนี้ไม่มีที่พึ่งจึงได้รับมาเท่าที่เธอจะรับไหว บางตัวก็หาบ้านใหม่ให้ได้ บางตัวไม่มีใครรับไปเธอก็เลี้ยงเอาไว้เอง
“เธอช่างเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยนเสียจริง...จอแจ” เทอร์รีมัสเฝ้ามองหญิงสาวอยู่อย่างนั้น จอแจเดินวนไปวนมาในบ้าน เล่นกับแมว ป้อนยาแมว ให้อาหารแมว เก็บอึแมว สารพัดที่ทาสแมวคนหนึ่งจะทำให้สัตว์เลี้ยงแสนรักด้วยความเต็มใจ
กว่าเธอจะดูแลแมวพวกนั้นเสร็จก็ดึกดื่น กว่าจะได้กินข้าว กว่าจะได้อาบน้ำ กว่าจะได้เข้านอน เธอไม่เหน็ดเหนื่อยบ้างหรือไงกัน? เทอร์รีมัสได้แต่สงสัย
จอแจจัดการธุระของตัวเองเสร็จ ก็กลับมาที่เตียงนอนพร้อมกับชุดพร้อมนอน เธอทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า ก่อนจะค่อยๆ หลับไปเพราะความอ่อนเพลีย
ถ้าไม่ทำตัวให้ยุ่งจนเหนื่อยแบบนี้ จอแจก็แทบจะนอนไม่หลับเลย สมองและหัวใจของเธอ เอาแต่คิดถึงเจ้าแมวสโนว์จอมดื้อ ไม่รู้ป่านนี้เขาเป็นอย่างไรบ้าง จะคิดถึงกันบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้
เมื่อจอแจนอนหลับไปแล้ว เทอร์รีมัสจึงได้แอบเข้าไปในบ้าน เขายืนมองเธอที่ข้างเตียง เขาทำได้แค่นั้นจริงๆ
“เมี๊ยววว!!!!” เสียงแมวเริ่มร้องโวยวายทำให้เทอร์รีมัสตกใจจนต้องรีบพรางตัว จอแจสะดุ้งตื่นขึ้นมา เธอเปิดไฟหัวเตียงและมองไปรอบๆ เห็นเพียงแมวกำลังเดินไปเดินมาอย่างตื่นตระหนกเท่านั้น
“นอนกันได้แล้วพวกขนฟู” เธอบอกก่อนจะปิดไฟแล้วนอนลงอีกครั้ง เทอร์รีมัสมองหน้าจอแจครั้งสุดท้าย ก่อนจะหายลับไปกับอากาศ เขาเริ่มมั่นใจแล้ว ว่าจะเลือกอะไร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกลับไปหานายีร่าแม่ของตนเอง ตามที่ได้สัญญาเอาไว้ก่อน