9

1119 คำ
“คุณเป็นใคร มาเดินเพ่นพ่านอะไรในบ้านของน้ำค้าง” เหมันต์เปิดประตูรั้วเข้ามาในบ้านของหญิงสาวอย่างคุ้นเคย ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเจ้าของบ้าน เพราะเขาเข้าออกทุกวันอยู่แล้ว เตชินมองใบหน้าของผู้มาเยือนที่หน้าง้ำ ดวงตาคมกริบมองเขาตาขวาง แล้วที่ถามเขาว่าเป็นใคร แล้วคนถามล่ะเป็นใคร “แล้วคุณเป็นใคร ถึงได้เปิดประตูรั้วเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบนี้ มันบุกรุกกันชัดๆ เลยนี่” เตชินซึ่งมีนิสัยไม่ยอมคนถามสวนทันที เรียกความโกรธให้วิ่งวนเข้ามาในร่างกายของเหมันต์ได้อย่างไม่ยาก เขาอุตส่าห์ใจเย็นถามดีๆ แล้วนะว่าเป็นใคร ยังจะมาทำยโสใส่เขาอีก ช่างไม่กลัวตายเอาเสียเลย สองหนุ่มมองสบสายตากันและกันนิ่ง อย่างไม่มีใครหลบหลีก ไม่ยอมกัน “คุณหนึ่งมาแล้วเหรอคะ น้ำค้างเสร็จพอดีเลย” เสียงใสดังแทรกเข้ามาในโสตประสาทหูของเขาพอดี หากแต่แรงโทสะหาได้ลดน้อยลงไม่ จนกว่าเขาจะรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้คือใคร “ผู้ชายคนนี้เป็นใคร” เขาละจากดวงตาของฝ่ายตรงข้าม หันมามองดวงหน้าเนียนสวยแทน น้ำเสียงนั้นเข้มห้วน หยาดน้ำค้างยิ้มละไมให้เหมันต์เจ้าของน้ำเสียงห้วนจัด ก่อนจะเฉลยคำตอบให้เขาฟัง “พี่เตชินค่ะ พี่ชายของน้ำค้างเองค่ะ” คำตอบของสาวเจ้านั้น ทำให้อารมณ์ของเขาลดระดับลงมาก แต่เธอไม่มีพี่ชายนี่ หยาดน้ำค้างเคยบอกเขาเองว่าเป็นลูกคนเดียว “น้ำค้างบอกผมว่าเป็นลูกคนเดียว แล้วจะมีพี่ชายโผล่มาได้ยังไง” เขาถามอย่างสงสัย “พี่เตชินเป็นลูกของพี่สาวพ่อของน้ำค้างเองค่ะ ถ้าจะนับญาติกันแล้วก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน” หญิงสาวตอบให้เขาคลายความกังวล ได้ผล ความสงสัยของเขาหายเป็นปลิดทิ้งทันที “ตอบตั้งแต่ทีแรกก็จบแล้ว ยืนอมสากอยู่ได้” เขาพูดลอยๆ แต่กระทบเตชินอย่างจัง “ก็คนถามทำท่าทำทางกวนฝ่าเท้าอย่างนั้นใครจะอยากตอบล่ะ” เตชินพูดลอยๆ ยืนรดน้ำต้นไม้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ปากอย่างนี้ระวังเถอะ จะกินน้ำพริกไม่ได้” เหมันต์พูดกระแทกซ้ำ แต่อยากกระแทกอีกฝ่ายด้วยกำปั้นด้วยเท้ามากกว่า “ไม่ชอบกินอยู่แล้วน้ำพริก เพราะฉะนั้นไม่ต้องระวัง” เตชินโต้กลับทันที เหมันต์กำลังจะอ้าปากกระทบ กระเทียบตอกกลับอีกฝ่าย ทว่าเสียงของหยาดน้ำค้างรีบห้ามทัพไว้เสียก่อน “ไปกันเถอะค่ะคุณหนึ่ง เดี๋ยวรถจะติดนะคะ พี่ชินคะ น้ำค้างไปทำงานก่อนนะคะ” หยาดน้ำค้างกึ่งลากกึ่งจูงชายร่างโตไปที่รถคันหรูทันที ก่อนที่ทั้งสองจะฟาดฟันกันด้วยคมปาก “ดุอย่างกับหมาบ้า” เตชินพูดไล่หลังร่างของน้องสาวและเหมันต์ที่หันกลับมาถลึงตาให้ พร้อมกับคำด่าที่แสนหยาบคายแต่ไม่ออกเสียงเป็นของแถม ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งรถหลังจากที่หยาดน้ำค้างลากเหมันต์ออกมาจากบ้าน ชายหนุ่มเอาแต่นั่งนิ่งทอดสายตามองออกไปนอกรถตลอดเวลา ทำให้หญิงสาวใจคอไม่ดี กลัวเขาจะโกรธ “โกรธน้ำค้างเหรอคะ” หญิงสาวเอ่ยถามออกมาในที่สุด หลังจากที่ทนกับสภาพอึดอัดนานสิบห้านาที “...” “น้ำค้างขอโทษค่ะ ที่ไม่ได้บอกคุณหนึ่งก่อน พี่ชินเค้ามาหาน้ำค้างเมื่อคืนนี้ค่ะ ไม่ได้โทรฯ ไปเล่าให้คุณหนึ่งฟัง เพราะน้ำค้างเห็นว่าคุณแม่ของคุณหนึ่งมา เลยคิดว่าแม่ลูกคงอยากอยู่คุยกันตามลำพัง” หยาดน้ำค้างพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจเหตุผลที่เธอไม่โทรศัพท์ไปบอกเรื่องนี้กับเขา คิดว่าตอนเช้าก็น่าจะบอกได้ คงไม่มีปัญหาอะไร “...” เขายังคงความเงียบได้เป็นอย่างดี หยาดน้ำค้างเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรให้เขาหายโกรธเธอ “คุณหนึ่งอย่าโกรธน้ำค้างเลยนะคะ น้ำค้างขอโทษว้าย” เธอร้องเสียงหลงเมื่อเอวคอดเล็กถูกลำแขนหนาตวัดรั้งให้ร่างของเธอขึ้นมานั่งซ้อนตักของเขา “ปล่อยค่ะคุณหนึ่ง” เธอพยายามใช้ลำแขนผลักที่แผ่นอกของเขา หากแต่ยิ่งเธอออกแรงผลัก เขายิ่งรัดร่างเธอแน่นมากยิ่งขึ้น จนทรวงอกคู่งามเบียดชิดกับอกแกร่ง หัวใจของหยาดน้ำค้างเต้นระรัว เธอไม่เคยใกล้ชิดเขาอย่างนี้มาก่อน อย่างมากก็แค่จับมือและถูกชายหนุ่มขโมยหอมแก้มเท่านั้น ความประหม่าและความกลัวจึงแล่นเข้ามาในหัวใจของหยาดน้ำค้าง “รู้หรือเปล่าว่าวันนี้น้ำค้างทำให้ผมคลั่งมากแค่ไหนที่เห็นผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้าเดินไปเดินมาอยู่ในรั้วบ้าน” เขากัดฟันถาม จ้องมองดวงหน้าที่ซีดเผือดของเธอเขม็ง “น้ำค้างก็บอกแล้วไงคะว่าพี่เตชินเป็นพี่ชาย” ร่างเล็กพูดเสียงอ่อย ก้มหน้านิ่งไม่กล้ามองสบตาเขา “เพราะฉะนั้นน้ำค้างต้องรับผิดชอบและโดนทำโทษ” หญิงสาวเงยหน้ามองเขาทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ไม่เข้าใจความหมายของเขาเลยสักนิดเดียว “น้ำค้างทำอะไรผิดคะ ถึงต้องรับผิดชอบ” “น้ำค้างทำให้ใจของผมว้าวุ่น ขุ่นมัว อารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดงุ่นง่านหัวใจ หึงและเจ็บปวด แค่นี้พอมั้ย” เหตุผลของเขาทำให้เธออ้าปากค้าง ความรู้สึกทั้งหลายทั้งปวงที่เขาพูดออกมานั้น มันเป็นความรู้สึกที่มาจากคำว่ารักทั้งนั้น เขาหึงก็แปลว่าเขารัก หยาดน้ำค้างคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเพียงละครฉากหนึ่ง ที่เหมันต์ต้องการให้เธอรู้ว่าเขารักเธอ ไม่พูดออกไปโจ่งแจ้ง แต่ใช้ความหมายที่ใกล้เคียงและสามารถสื่อถึงกันได้ “และน้ำค้างต้องถูกทำโทษด้วย” วินาทีแรกที่เรียวปากหนาแนบสนิทที่เรียวปากบางนั้น หัวใจของเธอแทบจะหลุดลอยออกไปจากร่าง วิญญาณของเธอแทบจะสลายไปในอากาศ ความอ่อนโยนที่เขาบดเคล้ากลีบปาก เรียวลิ้นหนาแสนอุ่นที่รุกคืบเข้าไปในโพรงปากอิ่ม ตวัดรัดพัดเกี่ยวลิ้นบางที่แสนสั่น มันทำให้รอบกายของเธอขาวโพลน ไม่มีสีใดเลยนอกจากสีขาวของปุยหมอก จุมพิตของคนที่เธอรักซาบซ่านและอ่อนโยนมากอย่างนี้เชียวหรือ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม