“เหี้ยเอ้ย!!!! ไอ้แม็คไอ้ฮัท จับตัวเหี้ยอะไรมาให้กูคุยวะเนี่ย”
ก่อนที่คารอสจะอารมณ์พุ่งไปมากกว่านี้เขาต้องหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โมโหแล้วหันไปถามหญิงสาวที่ถูกมัดไว้อีกรอบ
“นี่ตอบฉันมาดี ๆ ฉันสัญญาว่าจะปล่อยเธอไป”
ด่าไปขู่ไปไม่ได้ผล คราวนี้คารอสลองวิธีใหม่
“ฮึก ๆ ๆ จริงหรอ คุณหัวหน้าโจรจะปล่อยเปาะแปะจริง ๆ หรอคะ ฮึก” คนที่ถูกเรียกว่าหัวหน้าโจรถึงกับไปไม่เป็น
คารอสทำได้แค่ถลึงตาใส่ลูกน้องที่พยายามกลั้นขำเอาไว้จนสุดความสามารถ
มองหน้าหล่อ ๆ แบบนี้ว่าเป็นโจรได้ยังไง!
เขามาเฟียแห่งกรุงโรมโว้ยยย ยัยนางนกกระจิบปัญญาอ่อน!
“เออ!! นั่นขึ้นอยู่กับความร่วมมือของเธอ ทีนี้บอกมาใครส่งเธอมา” เปาะแปะมองหัวหน้าโจรอย่างไม่เข้าใจ ก็หล่อนบอกแล้วว่ามาเอง มาเอง ยังจะถามอยู่อีก
“ฮึก ก็เปาะแปะมาเอง คุณหัวหน้าโจรจะถามอีกทำไมคะ”
หล่อนยังยืนยันคำพูดเดิมไม่เปลี่ยน
“อย่ามากวนประสาทกูนะ!! ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”
มือหน้ายกขึ้นบีบแก้มทั้งสองข้าง
“ฮือ ๆ ๆ ๆ เจ็บ ฮึก ฮือ ๆ ๆ ๆ” เสียงที่เพิ่งหยุดร้องเริ่มส่งเสียงขึ้นมาอีกรอบและดูท่าจะไม่หยุดลงไปง่าย ๆ จนคารอสต้องปล่อยแล้วหันไปถีบเก้าอี้ข้าง ๆ ที่วางอยู่เพื่อระบายอารมณ์
“จะร้องอะไรนักหนาห๊ะ!! จับทำเมียซะดีมั้ง”
มาเฟียหนุ่มตะโกนในสิ่งที่ลูกน้องคิดไม่ถึง จับนางนกต่อมาเค้นความลับหลายต่อหลายคน เจ้านายไม่เคยแม้แต่จะเสียเวลานานและยืดเยื้อเท่านี้
หากไม่ได้คำตอบก็ยิงทิ้งไปเท่านั้น แต่นี่อะไรจะไปจับนางนกต่อคนนี้มาเป็นเมีย ดูเหมือนจะมีอะไรในกอไผ่ซะแล้ว มาโคคิดในใจ
“พวกมึงเอาผ้าไปปิดปากอย่างเดิม เห้ย!! เดี๋ยวไปหาผ้านิ่ม ๆ มาปิดล่ะ แล้วเอาขึ้นรถ ออ โปะยาสลบไปเลยยิ่งดี ฉันจะไปเค้นความลับต่อที่เซฟเฮาส์” มาเฟียหนุ่มหันมาสั่งจนลูกน้องหันมามองหน้ากันงง ๆ
แต่สุดท้ายก็แยกย้ายกันไปทำตามแต่โดยดี ด้วยการหาผ้าที่คิดว่านิ่มที่สุดมาปิดปากและโปะยาสลบ ร่างน้อยดิ้นไปมาสักพักก่อนจะหลับไปกับพื้น
“เออ จะดีหรอครับ ปกติไม่เคยพาหนอนเข้าไปนี่ครับ”
มาโคถามผู้เป็นเจ้านายอย่างสงสัย
“คนนี้ดูท่าทางร้ายกาจ เก็บไว้ใกล้ ๆ ตัวก็ดีแล้ว”
เขาให้เหตุผลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือสักนิด
“ร้ายกาจ ตรงไหนครับ ผมว่าอย่าสนใจเลยเรายิงทิ้งไปก็หมดเรื่อง” ลูกน้องคนสนิทเสนอทางออกที่ทำเป็นประจำ
“ฉันรึแกเป็นเจ้านาย ไปได้แล้ว ส่วนพวกแกวางยัยนั่นลง เดี๋ยวฉันอุ้มไปเอง” ร่างสูงนั่งลงแกะมือที่ถูกมัดเอาไว้จนเป็นแผลออกจากราวเหล็ก ก่อนจะอุ้มร่างบอบบางนั้นออกจากโกดังท่ามกลางความแปลกใจของลูกน้องที่มองเขาด้วยความแปลกใจ
“เจ้านายดูท่าทางแปลก ๆ จะเอายัยนั่นไปด้วยทำไมวะ”
“เออ นั่นสิ เสียเวลายิงทิ้งก็จบไปละ” ลูกน้องหันมาคุยกันด้วยความสงสัย
“แต่ยัยนั่นดู ๆ ไปก็สวยใช่เล่นนะ แถมยังดูเด็กเอ๊าะ ๆ เจ้านายเราอาจจะเอาไปเล่นสนุกด้วยสักคืนสองคืนละมั้ง”
“แต่ปกติเจ้านายไม่เคยเอานางนกต่อนะ” คนสวยหาที่ไหนก็ได้
“ก็ไม่เคยมีใครสวยเท่านี้นี่หว่า”
“ไปทำงานได้แล้วพวกมึง อย่ามาสงสัยเรื่องของเจ้านาย”
มาโคหันหลังมาตะคอกใส่ลูกสมุนที่คุยกันถึงเจ้านายอย่างออกรส ทั้งที่ตนเองนั้นก็คิดในใจไม่ได้แตกต่างจากพวกลูกสมุนนั้นเท่าไหร่นัก
ใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าคนอย่างคารอสมาเฟียแห่งกรุงโรมไม่เคยปล่อยให้หนอนบ่อนไส้ได้อยู่สบาย ๆ เกินครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่นี่ถึงขนาดพาไปเซฟเฮาส์ส่วนตัวที่แม้แต่ผู้หญิงที่คารอสควงยังไม่เคยมีใครได้มีโอกาสเหยียบเข้ามาด้วยซ้ำ
“มาโค มึงจะยื่นเหม่ออีกนานมั้ย มาเปิดประตูสิวะ”
คารอสตะโกนเรียกลูกน้องคนสนิทที่เอาแต่ยืนเหม่อลอยไม่ยอมมาเปิดประตูสักที
“ครับ ๆ ๆ มาแล้วครับ” มาโคถึงกับสะดุ้งก้อนจะรีบสาวเท้าเข้ามาให้ถึงตัวรถพร้อมทั้งเปิดประตู
“ตัวนิดเดียวทำไมหนักจังวะ” มาเฟียหนุ่มบ่นกับตัวเองเบา ๆ แล้วตาคมก็เหลือบไปมองอกอวบชิดที่ลอดออกมาจากคอเสื้อ ‘หรือจะหนักตรงนี้’
ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะยิ้มมุมปาก ที่ทำเอาทั้งคนขับรถและมาโค ถึงกลับต้องขยี้ตาใหม่อีกรอบ เกิดมาเพิ่งเคยเห็นเจ้านายยิ้มแบบนี้ครั้งแรก ปกติที่เห็นจะยิ้มเหี้ยม ๆ ใส่ศัตรู
ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโคตรมหาซวยกันแน่….