เสียงตะโกนโหวกเหวกทำให้คนที่กำลังรับประทานอาหารเช้าหันไปมองทางด้านหน้าสำนักงาน เมื่อเห็นว่าเป็นแขกของแม่นายใจเดียว ทุกคนจึงเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ระหว่างรับประทานอาหารเช้า ปรายฝนยิ้มจางๆ มองสบตากับแม่นายใจเดียวที่ยิ้มให้เช่นกัน ปลากับกลอยและไตรถอนใจเพราะนอกจากคนเป็นมารดาที่แวะเวียนมาทุกวัน เช้านี้เพิ่มลูกสาวที่ส่งเสียงจนทุกคนตกใจรีบหันไปมอง ไม่รู้ว่าจะมาสร้างความวุ่นวายใจให้กับเจ้าของไร่หรือไม่
“สวัสดีค่ะ น้าเดียว” จันจิราพนมมือไหว้ทันที เมื่อเห็นเจ้าของไร่ออก มาต้อนรับ
“ทานอาหารเช้ากันมาหรือยังคะ” ใจเดียวถาม
“ยังเลย รู้ว่ายังไงเดียวคงเตรียมไว้ให้” แพรพรรณพูดขึ้น
“เดี๋ยวจัดการให้จ้ะ เชิญที่เรือนรับรองแขกดีกว่า” ใจเดียวบอก
“แพรไม่อยากเป็นแขก”
“แม่คะ แม่กำลังทำให้น้าเดียวอึดอัดนะ” จันจิราพูดขึ้น
“ไม่หรอก แขกไปใครมาน้าก็ต้อนรับหมดนั่นแหละ” ใจเดียวยิ้มๆ
“ปรายล่ะคะ น้าเดียว” จันจิราถาม
“ทานอาหารเช้าอยู่ที่โรงอาหารโน่น” ใจเดียวบอก
“ถ้าอย่างนั้น จันไปทานข้าวที่โรงอาหารนะคะ น้าเดียว” จันจิราพูดจบก็รีบเดินไปทันที
“เด็กๆ อยู่ด้วยกัน เข้ากันง่ายดี เหมือนผู้ใหญ่อย่างเราๆ” แพรพรรณพูดยิ้มๆ แต่ใจเดียวเฉยไม่ได้พูดอะไรและบอกให้ปลากับกลอยช่วยเรื่องจัด เตรียมอาหารเช้าให้กับแพรพรรณ
“อ้อนทั้งแม่ทั้งลูก งานการไม่ต้องทำกันหรือไง” ปลาพูดบ่นกับไตร
“ขึ้นอยู่กับคนถูกอ้อนว่าอยากให้เขาอ้อนหรือเปล่า” ไตรบอก
“หมายความว่าไง พี่ไตร” กลอยถาม
“ไม่รู้เว๊ย แยกย้ายไปทำงานได้แล้ว มีหน้าที่อะไรก็ไปทำ”
“ที่บ้านก็ร๊วยรวย ทำไมไม่กินข้าวกันมาก่อนนะ” ปลาพูดบ่นแต่ไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา เพราะไม่อยากให้ใครมาว่าเอา
ไว้
ปรายฝนยิ้มๆ ขณะเดินมายังอาคารสำนักงานพร้อมกับจันจิรา ซึ่งรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว
“มาสมัครงาน น้าเดียวจะรับไหมนะ แม่ไปเล่าว่า ไร่น้าเดียวสวย”
“ไร่จันก็น่าจะสวยนะ ปรายว่า” ปรายฝนบอกและนึกถึงบ้านหลังใหญ่อันแสนสวยของจันจิรา
“ไม่ค่อยได้ไปดูหรอก คนงานเยอะเหลือเกิน ชอบมองแปลกๆ”
“แปลกยังไง ปรายก็เห็นปกติดี บางคนคุยสนุกอีกต่างหาก”
“คุยกับคนงานสนุกตรงไหนกัน ปรายนี่ก็แปลก” จันจิราพูดว่า
“ปรายเป็นคนแปลกๆ อยู่แล้วล่ะ” ปรายฝนพูดยิ้มๆ มองไปทางเรือนรับรองเห็นแม่นายแพรพรรณกับแม่นายใจเดียวอยู่ด้วยกัน
“แต่ปรายแปลกแบบน่ารักดี ปรายพาจันเที่ยวดูที่สวยๆ หน่อยสิ ถ่ายรูปให้ด้วยนะ นะ” จันจิราพูดอ้อน
“ไม่น่าได้นะ จัน เพราะปรายต้องทำงานพาแม่นายไปตรงโน้นตรงนี้เป็นคุณผู้ช่วยต้องดูแลเจ้านาย” ปรายฝนบอก
“จันไปขออนุญาตน้าเดียวให้ก็ได้ เรื่องแค่นี้เอง” จันจิราพูดขึ้น
“อย่าเลย ดูไม่ดีเหมือนปรายขี้เกียจทำงาน”
“ถือว่า เป็นงานสิคะ คุณผู้ช่วย การพาแขกเที่ยวชมไร่ถือเป็นงานอย่างหนึ่งนะคะ” จันจิราหัวเราะคิกคักก่อนจะรีบวิ่งตรงไปหา
ใจเดียว ซึ่งหันมามองสบตากับปรายฝนที่ทำหน้างออยู่
“เจ้าตัวเขาเต็มใจหรือเปล่าล่ะ” ใจเดียวถามจันจิรา
“เต็มใจมากค่ะ แต่เกรงใจน้าเดียวเลยให้จันมาขออนุญาต”
“ถ้าเขาเต็มใจ น้าก็ไม่ว่าอะไร เดี๋ยวน้าขี่จักรยานไปทำงานเอง”
“ขอบพระคุณค่ะ น้าเดียว” จันจิรายิ้มกว้างทันที เมื่อได้รับอนุญาต แพรพรรณยิ้มๆ กับลูกสาวที่เหมือนช่วยกันคุณผู้ช่วยออกไป
“ให้แพรช่วยทำงานไหม” แพรพรรณถาม
“ที่ไร่โน้นก็มีงานตั้งเยอะ คนช่วยงานเดียวมีถมเถไป”
“แพรปั่นจักรยานพาไปแทนคุณผู้ช่วยก็ได้” แพรพรรณเสนอตัว
“อย่าเลยกว่าจะเสร็จงาน ขาคงระบม”
“เดียวก็ทายาแล้วนวดให้สิ” แพรพรรณอมยิ้ม
“เดียวคงดูแลแพรตลอดไม่ได้หรอก ถ้าจะมาเที่ยวมาเยี่ยมเยียนกันบ่อยขนาดนี้ แพรจะพักที่เรือนหรือเดินเที่ยว หรือจะใช้รถก็
บอกกับคนงานหรือเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานได้เลย” ใจเดียวยิ้มจางๆ ให้
“ไม่ให้ปั่นให้ ก็ปั่นตามไปด้วยก็ได้ ไปทำงานกันดีกว่า แพรอิ่มแล้วล่ะค่ะ แม่นายใจเดียว” แพรพรรณลุกขึ้นยืนทำท่าโค้งให้เล็ก
น้อยและยื่นมือไปตรงหน้าเพื่อช่วยพยุงตัวใจเดียวให้ลุกขึ้น แต่เจ้าตัวเมินเฉยไม่ได้ยื่นมือไปให้ลุกขึ้นเองและเดินตรงไปที่สำนักงาน เพื่อสั่งงานกลอยกับปลาก่อนจะออกไปทำงานของตัวเอง
“เมื่อก่อนก็ทำนิ่งแบบนี้แหละ แต่สุดท้ายเดียวก็ยอมเป็นแฟนแพร” แพรพรรณยิ้มๆ และเริ่มขี่จักรยานตามใจเดียวไป
ปรายฝนพาจันจิราไปยังบริเวณที่เจ้าตัวต้องการ โดยนำภาพที่มีนิตยสารถ่ายเอาไว้มาเปิดให้ดู ซึ่งปรายฝนยังไม่ค่อยมั่นใจบาง
ที่นัก จึงถามไถ่เอาจากคนที่พบเจอขณะทำงานกันอยู่ ปรายฝนยิ้มๆ ขณะมองดูจันจิรากดถ่ายภาพในบริเวณที่ตัวเองต้องการมาเห็น
ซึ่งดูเหมือนเป็นนักท่องเที่ยวทั้งๆ ที่ครอบครัวตัวเองก็ทำไร่เช่นกัน
เสียงหัวเราะที่ได้ยินดังแว่วๆ มาทำให้ปรายฝนหันไปมอง ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นเสียงของใคร จันจิราเองก็เช่นกันหันไปตามเสียงที่ได้ยินและได้เห็นว่าเป็นมารดาของตัวเองกับแม่นายเจ้าของไร่แห่งนี้
“แม่เวลาอยู่กับน้าเดียวดูสดใสมากๆ จันดีใจที่น้าเดียวกับแม่กลับ มาสนิทสนมกันอีก” จันจิรายิ้มๆ มองดูสองสาวที่ขี่จักรยาน
ตามกันไป
“ก่อนหน้าไม่สนิทกันหรอกหรือ” ปรายฝนถาม
“แม่ดูเกรงๆ น้าเดียวไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” จันจิราบอกและเริ่มหันกลับไปถ่ายภาพอีก ปรายฝนโดนถ่ายรูปโดยไม่รู้ตัว เพราะมัวแต่มองไปทาง
แม่นายใจเดียวที่หันมามองดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผ่านไป
“อู้งานนะเรา” เสียงของไตรดังขึ้น
“ตกใจหมดเลย พี่ไตร” ปรายฝนยิ้มๆ หันมามองสบตากับไตร
“หน้าที่ปราย คือ ดูแลแม่นาย ไม่ใช่รับรองแขก” ไตรพูดเสียงเข้ม
“แม่นายคงอยากดูแลแขกตัวเองตามลำพังมั้งคะ พี่ไตร” ปรายฝนยิ้มๆ มองสบตากับไตรที่มองไปทางจันจิรา
“ไร่เขาสวยกว่าไร่ของเราเสียอีก เนื้อที่มากกว่าสองสามเท่า เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่กลับมาเที่ยวไร่เราซะงั้น” ไตรถอน
ใจ
“วัตถุประสงค์ไม่น่าจะใช่ไร่นะ” ปรายฝนพูดขึ้น ไตรหัวเราะ
“อย่าลืมนะ ไอ้น้อง หน้าที่ตัวเองคือ ดูแลแม่นาย” ไตรพูดย้ำก่อนจะไปทำหน้าที่ของตัวเอง
“ก็เจ้าตัวไม่ได้อยากให้ดูแลนี่นา” ปรายฝนพูดเสียงอ่อยๆ และหันกลับไปมองดูจันจิราที่ยังคงสนใจถ่ายภาพบรรยากาศโดย
รอบ แต่ส่วนใหญ่ถ่ายภาพตัวเองเสียมากกว่า
ใจเดียวรู้สึกอึดอัดกับการมาตรวจดูงาน โดยมีแพรพรรณประกบจนตัวเกือบจะติดกัน คนงานมองดูด้วยสายตาแปลกๆ เพราะรู้ดีว่า ผู้หญิงสวยแต่งตัวดี คือ เจ้าของไร่ที่อยู่ติดกัน
“เห็นเขาเอาควายลงอาบน้ำกัน แม่นายไม่ไปดูหน่อยหรือ” ชายสูงวัยหัวเราะเล็กๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มของใจเดียว
“นี่เลี้ยงควายด้วยหรือ” แพรพรรณถาม
“มีคนเอามาขายให้ เดียวเลยซื้อเอาไว้” ใจเดียวบอก เมื่อเห็นท่าทีแปลกๆ ของแพรพรรณทำให้ใจเดียวยิ้มๆ กับชายสูงวัยที่ยิ้ม
จนเห็นฟันหลอ แม่นายของไร่พยักหน้าให้เล็กน้อย
“ไม่ได้ไปดูนาน ไปดูสักหน่อยก็ดี” ใจเดียวพูดยิ้มๆ เพียงแค่ไม่กี่อึดใจก็มาถึงบริเวณที่เป็นหนองน้ำ ซึ่งมีควายอยู่ห้าตัวด้วยกัน แม่นายของไร่เดินลุยลงไปในหนองน้ำและวักน้ำไปยังลำตัวของสัตว์มีเขาที่หันมามองดู
“ดูดู๊ไปลูบเนื้อลูบตัวไม่ขยะแขยงหรือไงกัน” แพรพรรณพูดขึ้นด้วยความที่ไม่ทันระวังขยับถอยหลังออกมาเล็กน้อย จึงชนเข้ากับจักรยานของปลากับกลอยที่ผ่านมาทำให้เซถลาตกลงไปในหนองน้ำ สองสาวออกอาการตกใจเล็กน้อย แต่พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ เพราะสภาพของแม่นายไร่ข้างๆ ดูไม่ได้เอาเสียเลย จึงรีบไปช่วยดึงตัวขึ้นมาจากหนองน้ำ ส่วนใจเดียวเพียงแค่มองดูแล้วหันกลับมายิ้มให้กับคนงาน
“ไม่ไปดูหน่อยหรือครับ แม่นาย” เด็กหนุ่มที่พาควายมาอาบน้ำถามแม่นายใจเดียวที่ยิ้มน้อยๆ ให้
“ไม่เป็นไรหรอก ก็ชาวไร่เหมือนพวกเรา” แม่นายใจเดียวพูดขึ้น
“ใช่หรือครับ” เด็กหนุ่มหัวเราะ แม่นายใจเดียวหันไปมองดูแขกที่ขึ้นจักรยานและกำลังปั่นกลับไปทางอาคารสำนักงาน
“เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกัน คนเรา” ใจเดียวถอนใจ แต่เมื่อชะเง้อมองไปทางปรายฝนจึงเห็นว่ากำลังพาจันจิรากลับไปเช่นกัน
“รอดไปเราสองคน นึกว่าจะโดนแม่นายเอ็ดเข้าให้” ปลาพูดขึ้นขณะมองตามแพรพรรณ
“แม่นายยิ้มได้ เราก็รอด ตกลงเราสองคนไม่ได้ตั้งใจ ใช่ไหม” กลอยหัวเราะ แต่เมื่อหันไปเห็นแม่นายใจเดียวเข้า จึงหุบยิ้ม
ทันที
“ตั้งใจอะไร หันมาโดนเอง เซลงไปนอนในหนองน้ำเอง” ปลายิ้มๆ
“ไปทำงานกันได้แล้ว มายืนยิ้มกันอยู่ทำไม” เสียงแม่นายใจเดียวพูดคล้ายเอ็ด แต่สองสาวเห็นรอยยิ้มทำให้รู้สึกโล่งใจ
“ไปแล้วค่ะ” ปลากับกลอยพูดขึ้นพร้อมกัน แถมยังหัวเราะคิกคักให้ได้ยินแว่วๆ
ปรายฝนหลังจากทำหน้าที่ส่งแขกทั้งสองของแม่นายใจเดียวขึ้นรถกลับไป ก็รีบกลับมาทำหน้าที่ของตัวเอง โดยมานั่งอยู่ริม
หนองน้ำมองดูคนที่ยังคงสนุกสนานกับการอาบน้ำให้กับเจ้าควายทั้งห้าตัว โดยไม่ได้สนใจเลยว่าปรายฝนมานั่งอยู่ตั้งแต่เมื่อใด
“แม่นายแพรพรรณท่าทางจะโกรธนะคะ” ปรายฝนพูดขึ้น
“ตกลงไปเอง โกรธใครได้ล่ะ” แม่นายใจเดียวบอก ขณะนั่งลงข้างๆ ปรายฝนที่นำผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาช่วยเช็ดหน้าให้
“โกรธที่ไม่มีใครดูแลมากกว่า”
“ฉันทำเท่าที่ทำได้และอยากทำ” แม่นายใจเดียวบอก
“ถ้าปรายตกลงไป จะมีคนลงไปช่วยไหมนะ” ปรายฝนถามพร้อมด้วยรอยยิ้มทะเล้น แม่นายใจเดียวยิ้มน้อยๆ และแกล้งเอามือที่เปื้อนโคลนป้ายไปตามเนื้อตามตัวของปรายฝนที่หัวเราะคิกคักวักน้ำในหนองน้ำรดไปตามเนื้อตัวของแม่นายใจเดียวเช่นกัน
“คุณผู้ช่วยทำให้แม่นายของพวกเราดูสวยสดใสขึ้นมากเลยทีเดียว” เด็กหนุ่มอมยิ้มมองดูสองสาวต่างวัยที่เนื้อตัวเปียกเลอะโคลนด้วยกันทั้งคู่
เสียงหัวเราะของแม่นายใจเดียวที่ดังแว่วๆ อยู่ทำเอาคนที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ เหลียวมองไปตามเสียงที่ได้ยิน จึงได้เห็นความสดใสของผู้หญิงที่ดูเรียบนิ่งซึ่งดูเปลี่ยนไปและเล่นเป็นสาวๆ กับคุณผู้ช่วย สองสาวต่างวัยไม่ได้สนใจใครเลย แม่นายใจเดียวยิ้มน้อยๆ ด้วยวัยที่ล่วงเลยผ่านเลขห้ามาทำให้ถึงกับต้องหยุดหอบหายใจครู่หนึ่ง
“ชอบแกล้งอะ แม่นาย ดูสิเลอะเทอะหมดแล้ว” ปรายฝนมองดูตามเนื้อตัวของตัวเอง
“เป็นสาวสำอางหรือยังไงกัน” แม่นายใจเดียวถาม
“เป็นสาวเป็นนางก็ต้องมีบ้างสิคะ แม่นายปากซีดแล้วลมพัดเย็นๆ ด้วยเดี๋ยวจะไม่สบายเอา” ปลายฝนพูดขึ้น แล้วเดินไปที่
กระติกน้ำตักน้ำมาลูบๆ ให้ที่ใบหน้าของแม่นายใจเดียวที่จ้องมองไม่วางตา
“ยายจันเป็นอย่างไรบ้าง” แม่นายใจเดียวถาม
“สดใสน่ารักตามวัยค่ะ” ปรายฝนบอก
“วัยเดียวกันคงเข้ากันได้ดี”
“แม่นายก็ลดวัยสิ เดี๋ยวปรายเพิ่มวัยเอง เผื่อจะเข้ากันได้ดี” คนพูดยิ้มๆ เดินอ้อมตัวแม่นายใจเดียวไปดันหลังให้ไปนั่งซ้อนท้าย
จักรยานเพื่อทำหน้าที่ของตัวเอง แม่นายใจเดียวยิ้ม ขณะเอื้อมแขนไปโอบเอวของปรายฝนเอาไว้
“หยอดฉันตลอดเลยนะ เธอ” แม่นายใจเดียวคิด