Chapter 6

1610 คำ
สถาปนิกหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบสองปีกลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นพร้อมเพื่อนร่วมงานสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน เนื่องมาจากว่าปิ่นแก้วจำเป็นต้องหอบงานโปรเจคใหญ่จากฟิลิปปินส์กลับมาทำต่อ มันเป็นงานที่จะต้องทำร่วมกันเป็นทีม ซึ่งเจ้าของบ้านก็ให้เกียรติภรรยา ไม่พาผู้หญิงเข้าห้องทำงานส่วนตัว แต่ใช้สถานที่ในห้องรับแขกโปร่งโล่ง เปิดกระจกไว้ทุกบาน สำหรับวางกระดานแบบงานอันใหญ่ นัชชาสนิทสนมกับบ้านนี้มาตั้งแต่ยังเรียนอยู่อนุบาล ก็ไม่แปลกที่เธอจะต้องรู้จักทั้งพ่อเลี้ยง และอดีตผู้หญิงของพ่อเลี้ยง อย่างหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจว่าพวกเขาเลิกกันไปนานแล้ว ยังต้องติดต่อกันด้วยความเป็นเพื่อนร่วมงาน ทำไมปรเมษฐ์ถึงไม่หาทางปลีกตัวจากผู้หญิงร้ายกาจอย่าง ‘ปิ่นแก้ว’ แม้ปิ่นแก้วจะเคยเป็นเพื่อนคนสนิทในกลุ่มของปรเมษฐ์ จบสถาปนิกมาด้วยกัน อยู่ในสายงานเดียวกันคือสายวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม ผู้หญิงคนนี้ต่อหน้ายิ้มแย้มได้อย่างไร้เดียงสา แต่จ้องจะแทงข้างหลังปรายลดาอยู่เสมอ ด้วยความอิจฉาอยากได้ความรักของเขาที่มีให้แค่ลูกเลี้ยงมาโดยตลอด ผีเห็นผี... มองตากันก็รู้ว่าอีกคนมีนิสัยยังไง ใต้ร่มไม้ของม้านั่งหินในสวนหย่อมหน้าบ้าน ดวงตาของเพื่อนสาวจ้องเขม็งผ่านขอบจอโน้ตบุ๊คไปยังบุคคลทั้งสองในบ้าน พวกเขากำลังยืนอยู่หน้ากระดานแบบงานหน้าบ้านหน้าตาคร่ำเครียด “ฉันกลับมาขายเสื้อกับแกต่อได้มั้ย?” ว่าพลางเท้าคางอย่างเซ็ง ๆ ขณะที่ปรายลดาไม่ตอบอะไร แต่เพื่อนอย่างเธอก็พอรู้ได้ว่าฮอร์โมนคนท้องทำให้คุณแม่กลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวนอยู่สักหน่อย “แกไม่ฟังที่ฉันพูดเลย หึงผัวล่ะสิ ให้ฉันจัดการเหอะ” “ไม่เป็นไร... ขอบใจนะ ปริม แกเอาตัวแกเองให้รอดเหอะ” ย้อนคำคนที่มีกำลังปัญหาความรักและชีวิตครอบครัวขนาดว่าไม่ยอมกลับบ้าน ก่อนจะหันมองใบหน้าสดสวยสลดเศร้าลงจนต้องถาม “ตกลงแกทะเลาะอะไรกับพี่ธาม ร้องไห้จนหลับ ไม่เห็นเล่าให้ฉันฟังสักอย่าง” “เรื่องมันยาวอ่ะ ไปคุยกันข้างนอกได้ไหมล่ะ?” คำถามของนัชชาไม่ได้คาดหวังอะไรนัก รู้เหตุผลดีว่าทำไมอีกคนถึงยอมอยู่บ้านอย่างหงุดหงิด “แกจะให้ฉันทิ้งผัวไว้กับอดีตชู้รักในบ้านตามลำพังเนี่ยนะ?” “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? แกไม่เชื่อใจพ่อเลี้ยงเหรอ ฉันว่าเขาออกจะรักแก” ‘รัก’ พาแววตากร้าวอ่อนลง ปรายลดาฉุกใจคิดขึ้นมาได้ควรมีเหตุผลสักหน่อย หากเพื่อนไม่แย้งขึ้นมาด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด “แต่ฉันว่าเขาควรมีเวลาให้แกกับลูก! ไม่ใช่เอาแต่ทำงาน บ้านก็รวย ส่งลูกเรียนอินเทอร์เงินเหลือกินเหลือใช้สบาย ๆ ทั้งชาติ เห็นงานสำหรับกว่าเมียท้องอ่อนได้ยังไง? แล้วอีนั่นมันก็รู้ว่าแกท้อง ยังหอบงานมา มันหมายความว่าไงวะ!” สิ้นคำประกาศกร้าว หญิงสาวที่ยังคงอยู่ในชุดอยู่บ้านกางเกงขาสั้นของเพื่อนลุกพรวดขึ้น ดึงข้อมือเรียวไว ๆ “ไป...” “หา..? อะไร ๆ ไปไหน?” เธอแค่ถูกบังคับให้เดินไปอย่างไปงุนงงและตกใจ ด้วยนิสัยส่วนตัวของนัชชา บวกกับความไม่ชอบปิ่นแก้วอยู่แล้วแทบมองไม่เห็นหนทางสดใส ปิ่นแก้วเห็นสองสาวกำลังจูงมือกันเดินเข้าบ้าน แสร้งยกมือขึ้นแตะบ่าชายหนุ่มให้มองงานว่ามีเรื่องผิดพลาด ทั้งที่มันไม่มีอะไร คนมาใหม่เห็นได้จากแววตาริษยาที่สาดมองมา แม้ปากว่าอีกอย่าง “อ้าว... สองคนมาพอดีเลย พี่กับเปากำลังบ่นถึงอยู่” ปรายลดาแค่เปรยยิ้มให้ ต่างจากนัชชาโดยสิ้นเชิง ใบหน้าสดสวยโฉบเฉี่ยวออกอาการไม่พอใจ ที่ผ่านมานอกจากปิ่นแก้วจะเข้าหาพ่อเลี้ยงด้วยคำว่า ‘เพื่อนร่วมงาน’ หล่อนยังมีจุดประสงค์จะเคลมเขาอยู่ตลอดเวลา แม้รู้ดีว่าตอนนี้ทั้งสองคนจดทะเบียนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็ตาม! “พ่อเลี้ยง ปริมจะพาพุดไปโรงพยาบาลนะ วันนี้โรงพยาบาลที่พุดฝากท้องมีลงทะเบียนคอร์สคุณพ่อคุณแม่มือใหม่...” “ลูกพี่นะ ปริม ทำไมปริมต้องไป?” ปรเมษฐ์แย้งขึ้นมาด้วยสีหน้าสงสัย มือเปรอะเปื้อนยังคงกำดินสอ หลุบตามองสองมือเรียวที่กอบกุมกันอยู่ ด้วยความรู้สึกเจ็บจุกประหลาด เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับงานจนไม่ได้ทำหน้าที่พ่อเลย “ก็เห็นว่ายุ่งนี่คะ... ปริมว่าง ปริมอยากดูแลคนท้องคนไส้ แม่พุดกับลูกสำคัญที่สุดกับปริมอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงนะคะ ปริมจะดูแลคุณแม่พุทราอย่างดี” คำพูดของนัชชาเหมือนยิ่งตอกย้ำ ว่าที่คุณพ่อมือใหม่ไม่รู้ว่าภรรยาฝากท้องที่โรงพยาบาลไหนด้วยซ้ำ พอเลื่อนสายตามองไปยังอีกคนที่มีสีหน้าเรียบเฉย เขารู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจ “เราสองคนน่ะ มีเรื่องอะไรปิดบังพี่อีกหรือเปล่า? อย่ามาประชดพี่นะ ที่พี่ทำงานงก ๆ นี่ก็ตั้งใจจะหาเงินให้ลูก” “ปริมไม่เคยมีเรื่องปิดบังอะไรใครอยู่แล้ว หมอบอกว่าวันนี้ควรจะไป หมอย้ำว่าสำคัญมาก! ใช่ไหมพุด?” ปลายเสียงบอกคนข้างกายที่ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะคลายปมตรงหัวคิ้วแล้วเออออตาม “นั่นสิ... ถ้าแกไม่เตือนฉันคงลืมไปแล้วแน่ ๆ ขอบใจนะเพื่อน อุตส่าห์ดูตารางคนท้องให้ด้วย น่ารักที่สุดเนี่ย ยัยปริม” ว่าแล้วก็บีบแก้มขาวนวลเล่น เหมือนที่หยอกกันอยู่บ่อย ๆ นัชชายิ้มหวานกว้างเต็มวงหน้า ทว่าพอโดนหยิกแก้มเสร็จตวัดหางตามองไปทางสถาปนิกหนุ่ม “ขอโทษที่แย่งหน้าที่พ่อเลี้ยงนะคะ ปริมแค่หวังดี เห็นอยู่ว่ากำลังยุ่ง ๆ กับเพื่อนร่วมงาน ให้เป็นหน้าที่ของคนว่างงานอย่างปริมแล้วกันค่ะ ตอนนี้ปริมว่างมาก พ่อกับแม่โกรธปริมเพราะปริมทำแบบนี้ในห้องประชุม...” คนพูดก้าวขาไปใกล้ ๆ ร่างบางในชุดทำงานดูดีมีภูมิฐาน เปล่งเสียงดังสุดเสียง “กรี๊ด!” ต่างคนปิดยกมือขึ้นปิดหูแม้กระทั่งคนกรี๊ดเอง เว้นแค่ปรายลดาที่ยืนหัวเราะเพื่อน เห็นอยู่ว่านัชชาจงใจตะเบ็งเสียงคอแทบแตกใส่หน้าปิ่นแก้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้าเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “โดนตัดออกจากกองมรดกแล้วค่ะ ปริมแค่แวะมาบอก โตแล้วเนอะจะไปไหนก็ได้นี่ ไปกันดีกว่า พุด...” “พุด... รอไปพร้อมพี่” ชายหนุ่มแทรกขึ้นมาแล้วเดินไปคว้ามือเรียวไว ๆ แต่ก็ถูกสะบัดออกด้วยสีหน้าดื้อรั้นซึ่งเลือนหายไปในอีกครู่ เป็นรอยยิ้มใส ๆ “พุดไปกับปริมดีกว่าค่ะ พุดรีบ เดี๋ยวไปไม่ทัน วันนี้อาจารย์หมอมาด้วย พุดมีคำถามตั้งเยอะแยะ พี่ทำงานไปก่อนเถอะ เรื่องลูกเมื่อไรก็ได้” พูดแล้วก็คว้ามือเพื่อนสาว รีบเดินหนีเจ้าของบ้านไป ปรายลดาโมโหอย่างไรยังสำรวมกิริยา ถึงเธออยากจะกรี๊ดใส่หน้าใครสักคนให้ได้อย่างนัชชาสักแค่ไหน ทางด้านเลขานุการหนุ่มตื่นแต่เช้ามาเคลียร์งานให้เจ้านาย ยังต้องทำหน้าที่ล้างจานแทนแม่บ้าน เพราะมีคนจงใจแกล้งทำรกเลอะเทอะเอาไว้ กองใหญ่เท่าภูเขา อาหารบำรุงคนท้องมีพนักงานมาส่งของทั้งวัน เขายังต้องคอยไปเปิดประตูรับตั้งแต่ผลไม้ เชอร์รี สตรอว์เบอร์รี ที่คนสั่งเหมือนจะสั่งมาเรื่อย ๆ ทีละเล็กทีละน้อยให้เขาต้องเดินไปบ่อย ๆ ได้อาหารอะไรมาก็ใส่จานเป็นหย่อมแล้วเปลี่ยนจานใหม่ มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ! “ยัยเด็กบ้า! คอยดูเถอะ...” First Kiss บ้าบอคอแตกอะไร!? ท่าทางแก่แดดอย่างยัยเด็กแรดนี่ น่าจะผ่านมือผู้ชายมาโชกโชนด้วยซ้ำ บางครั้งเขาได้ยินสองสาวคุยกัน ขนาดปรายลดาที่ผ่านเรื่องอย่างว่ากับสามีมายังมีจริต มียางอาย หากจะต้องพูดเรื่องบนเตียงกับใครต่างจากนัชชา เธอจะแค่หัวเราะแล้วพูดว่า ‘เล่าให้ฟังบ้างดิ’ อลันเป็นคนสุขุมมีสติอยู่เสมอด้วยนิสัยของเขาเองเว้นคราวนี้ ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งเพราะอารมณ์โกรธเกรี้ยวอยู่ในห้องครัวตามลำพัง ก่อนที่เสียงประตูบานเลื่อนอัตโนมัติจะดังเตือนว่ามีใครสักคนกำลังจะออกจากบ้าน มันทำให้เขาต้องสะบัดน้ำยาล้างจานจากมือ รีบล้างด้วยน้ำสะอาดไว ๆ วิ่งพรวดพราดออกไป “นี่! รอก่อน จะไปไหนกันน่ะ?” ตะคอกตามหลังไปติด ๆ สองสาวที่จับจูงมือกันเตรียมออกจากบ้านรับรู้ได้ว่าบางคนคงไม่ปล่อยให้ไปกันตามลำพัง ยิ่งเป็นคนปากไวอย่างนัชชา เสียงแหลมเล็กต่อว่า “จะไปไหนมันก็เรื่องของฉันกับเพื่อนไหม? นี่คุณ... พุทราไม่ใช่นักโทษ จะมากักตัวอะไรกันตลอดเวลา ผัวก็ไม่ใช่ ผัวเขายังไม่ว่าเลย มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลขั้นพื้นฐานนะคะ หัดมีมารยาทบ้าง” คนถูกด่าทอด้วยท่าทางประชดประชันชุดใหญ่ไฟกะพริบ! กัดฟันกรอด ๆ มองผู้หญิงตัวเล็กที่ปากดีเหลือเกิน ครั้นพอจะอ้าปากเถียง...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม