Chapter 20

1411 คำ
“ไม่รู้สิ... ฉันว่า... มันแปลก ๆ” ตอบอึก ๆ อัก ๆ อีกคนก็ยังลอบยิ้มอยู่ในที่ของเขาคือให้ไออุ่นกับคนตัวเล็กที่ห่อไหล่ลงก้มหน้ามองสายน้ำ อลันเห็นอยู่ว่าเธอค่อย ๆ วางมือลงบนราวเหล็กแต่ยกมือแตะหน้าอกตัวเองอยู่เป็นระยะ ดวงตาสว่างใสเหลือบขึ้นมองกลับมาทางเขาและถ้าหากว่าได้สบตากันอีกครั้ง เธอจะไม่พูดอะไรแต่เบือนหน้าไปอีกทาง อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่าแม่ตัวดีคงเกิดความรู้สึกบางอย่างตามปากว่า... มันคงไม่ดีแน่ ๆ ตอนที่ 10 : ผลของการสร้างเรื่อง... ธามไทได้แต่เก็บความโมโหหวงเอาไว้พร้อมจิตใจร้อนรุ่มที่ต้องเสียแฟนสาวให้ชายอื่น เขาไปขอโทษปานทิพย์ ก่อนจะไปทวงถามพนักงานบนเรือ ซึ่งได้ฝากให้ช่วยเป็นหูเป็นตาดูนัชชาและคู่เดทของเธอ! สามเดือนที่คบหากันมาแม้แต่ขาอ่อนยังไม่ได้เห็น อย่างมากสุดคือหอม กอด ตัวเขาก็คงไม่พอใจ ตามวัยหนุ่มกลัดมันที่แค่อยากจะมีความสัมพันธ์ในแบบคนรัก ดันต้องมาอกหักซ้ำรอบสอง ‘พี่ปิ่น... เรื่องยัยปริมกับไอ้ฝรั่งนั่นมันยังไง ผมมีเรื่องต้องคุยกับพี่นะ’ พอส่งข้อความบอกพี่สาวของปานทิพย์ที่เขาเองก็รู้จัก ปิ่นแก้วกลับไม่ได้ตอบข้อความของเขามากนัก ด้วยความที่ตัวหล่อนเองอยู่ฟิลิปปินส์ เขาพยายามใช้ความคิดอยู่ครู่ หนีไม่พ้นว่าเป็นคนของพ่อเลี้ยงปรเมษฐ์ นานแล้วที่มีคนมาข่มขู่ให้เลิกยุ่งกับปรายลดา เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องเลิกคุยกับเธอไปอย่างช่วยไม่ได้ รอบนี้ก็ยัยปริม! ชายหนุ่มเก็บความคิดแค้น ตั้งใจว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้มันถูกต้องอย่างที่ควรทำทันทีที่เรือเข้าเทียบท่าส่งลูกค้าแต่ก็ไร้วี่แววของบุคคลทั้งสอง คงไม่มีใครเจอนัชชาแม้แต่ปรายลดาหรือปรเมษฐ์เอง เธอแค่ส่งข้อความไปบอกเพื่อนว่าจะกลับกับอลัน ในช่วงนักดนตรีลงจากเวที พอดีกับที่ลูกค้าเริ่มทยอยลงจากเรือ จึงอาศัยจังหวะฝูงชนคนเยอะจับมือผู้ชายตัวโตหลบไปในอีกทางหนึ่ง แต่พ่อคุณก็เป็นเป้าสายตาเสียจริง ด้วยความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร รูปร่างกำยำเป็นล่ำสัน ไปไหนมาไหนชะนีมองคอแทบหลุด! การหลบธามไทเลยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเธอที่ย่ำรองเท้าส้นสูงสองนิ้วครึ่งแทบจะวิ่งไปจนถึงลานจอดรถยนต์ อลันถึงได้หงุดหงิดตลอดเวลา ขับรถกลับบ้านเหมือนขี่เครื่องบินเจ็ท ทั้งที่ปรกติแล้วเลขานุการอย่างเขาไม่เคยขับรถเร็วเกินอัตรากฎหมายกำหนด “ทำเรื่องไม่ดีเอาไว้ มันจะใช้ชีวิตลำบาก ต่อไปนี้ คุณควรทำอะไรด้วยความบริสุทธิ์ใจนะ แล้วอย่าลืม... กลับบ้านไปหาพ่อแม่ซะด้วย” เป็นคำสั่งสอนของคนอายุมากกว่า เมื่อมาถึงคอนโดมิเนียม ตลอดทางมาเขาไม่ได้พูดคุยอะไร ถามคำตอบคำเพราะหงุดหงิดเรื่องไอ้เด็กหนุ่มธามไท! เขาคงไม่อยากไปคุยกับมันอีกเป็นรอบที่สอง เพราะไม่ได้คุยดี ๆ อย่างแน่นอน... “บ้านคุณอลันก็เป็นมาเฟียกันทุกคนไม่ใช่เหรอ ได้ข่าวว่าตั้งแต่มาอยู่เมืองไทย ไปไล่ตบเด็กยัยพุดด้วยนี่ มาทำพูดดีไป” “ผมแค่ขู่... ตามคำสั่งบอส” “แล้วนี่ขู่ฉันด้วยใช่ป่ะ ฉันตัวเล็กแต่ฉันสู้ขาดใจนะ บอกไว้ก่อน อย่ามาเลียปากฉันอีกเชียว” กระเสียงใส่แล้วเธอก็เปิดประตูรถออกไป โดยไม่สนคนข้างหลังที่จะต้องไปส่งเธอถึงห้องให้เรียบร้อย ตามหน้าที่ของเขา อลันรู้ว่าบางคนว่าเขาเป็น ‘หมา’ เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อบอก “ผมไม่กล้าทำเรื่องเด็กน้อยขนาดนั้นอีกแล้วล่ะ ผมคงจะเลียอย่างอื่น” ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงมองคนที่ตีหน้าเฉยยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงว่าทำแน่ “รับรองว่าถ้าคราวหน้าเกิดอารมณ์ขึ้นมา ผมอาจจะอึ้บคุณตรงนั้นเลย ปริม...” “บ้า! ไอ้เลขาฯ มาเฟีย กลับบ้านไปเลยนะ” บริภาษเขาในทันที เพราะไม่คิดว่าอลันจะกล้าพูด คนหน้าหนาอย่างเธอยังไม่เคยอายกับเรื่องพรรค์นี้มาก่อน พอไขกุญแจเข้าห้อง นัยน์ตาคู่สวยสั่นไหวมองตามคนที่ไม่ยอมไป ยังปิดประตูให้เบา ๆ ไม่แปลกที่ผู้หญิงใจกล้าหน้าด้านจะเกิดความหวั่นกลัว “คุณ... ส่งฉันแค่นี้ก็ได้ ขอบคุณนะ กลับบ้านดี ๆ ล่ะ ไปได้แล้ว” ใบหน้าสดสวยพรั่นพรึงปลุกสัญชาตญาณดิบเถื่อนของเขาขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ทว่าอลันก็พยายามข่มใจไว้ในเมื่อเขายังอยู่ในหน้าที่ “ผมจะให้เพื่อน ๆ มาเฝ้าแถวนี้นะ” เขาบอกเพราะคิดว่าควรบอก นัชชาทำตาโตตกใจอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ในอีกประเด็นหนึ่ง “หา…! คุณอลันมีเพื่อนด้วย?” “มีสิ ตอนผมมาอยู่เมืองไทยก็ไม่ได้มาคนเดียว เด็กวัยรุ่นที่บราซิลทั้งเจมส์ บรูโน ลูคัส... มีน้า อา คนภูเก็ตมาอยู่กรุงเทพฯ มีลูกครึ่งไทยอีกคน ลูกน้องพ่อผมมาด้วยตั้งหลายคน” “แล้วที่คุณ… ให้ฉันไปเฝ้า...” “ผู้หญิงไทยเก่งงานเทคแคร์มากกว่า ดูแลดี กับข้าวอร่อยทุกมื้อ กวนหนวดให้ด้วย ผมจะเรียกพวกมันมาเป็นก้างทำไมล่ะ” ในที่สุดเขาก็ยอมบอกความจริงว่าเธอเข้าใจผิดมาตลอดเรื่องที่เขาไม่มีญาติสักคน “อลัน! คุณหลอกใช้ฉันใช่ไหม? ไอ้บ้า!” เสียงแหลมเล็กตวาด ความโกรธของหญิงสาวก็คงฉุดไว้ไม่อยู่ประสาเธอที่เงื้อมือขึ้นเตรียมฟาดและถูกคว้าหมับ “ทำไมเป็นคนโมโหร้ายจัง... ผมไม่ใช่แบร์นาร์ดหรือเบ๊ที่บ้านคุณหนูปริมนะ สงบสติอารมณ์หน่อยครับ” ว่าด้วยอารมณ์หงุดหงิดและอารมณ์ลึกลับบางอย่างกับข้อมือเล็ก ๆ น่าทะนุถนอมที่สามารถกำได้มิด ริมฝีปากบางเฉียบเม้มเข้าหากันจนเหยียดตรง ในท่าทีกระเง้ากระงอด “ก็ไม่ได้จะตีแรงขนาดนั้นป่ะ แค่โกรธ หมั่นไส้ มือฉันเล็กแค่นี้ แขนคุณหนาเท่าขาวัวขาควาย ตีไปก็คงไม่รู้สึก” เป็นเพราะว่าบางคนเริ่มอาละวาดมาตั้งแต่เกิดอาการเขินบนเรือ เขาก็คงจะโกรธไม่ลงเหมือนกัน ปลายนิ้วเรียวยาวค่อย ๆ เลื่อนขึ้นสอดประสานเข้าทุกง่ามนิ้วแนบแน่นจนสัมผัสได้ถึงอุ้งมือของกันและกัน “นั่นสิ... มือเล็กจริง ๆ ด้วยแฮะ... หักทีเดียวคงเละ” หัวใจของเธอเต้นรัวแรง ยามสบนัยน์ตาคู่คมสีฟ้าครามฉายแววเย็นยะเยียบ เขาดูจริงจังทั้งสีหน้าและแววตา “กลัวผมหรือไง? นัชชา...” น้อยครั้งที่อลันจะเรียกเธอแบบนั้น และเมื่อเจ้าของร่างสูงกระตุกมือเบา ๆ จนต้องเซเข้าหาเมื่อรองเท้าส้นสูงเป็นอุปสรรคในการยืนขึ้นมา กลิ่นโคโลญจน์บุรุษหอมเข้มเหมือนน้ำหอมเพลย์บอยลอยวนอยู่ทุกช่วงลมหายใจ ดวงตาคู่หวานจรดอยู่ตรงปลายจมูกเป็นสันคมที่เคลื่อนเข้าหา และหยุดลงเหนือปลายจมูกของเธอ ที่เพิ่งจะสังเกตเห็นแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงอาฆาต เพราะเสียงสั่นดังจากกระเป๋าใบเล็กที่พาดบ่าอยู่ “ทำไมไม่รับโทรศัพท์มันล่ะ?” เสียงเข้มผ่านสันกรามที่ขบกัดกันกรอด ๆ ร่างกายของเขาไม่ต่างจากกาน้ำร้อนใกล้ระเบิด! นัชชาสังเกตเห็นมันมาตั้งนานแล้วเธอมีความกล้ามากพอที่จะถาม “คุณหึงฉันเหรอ? คุณอลัน” “ทาสในเรือนเบี้ยอย่างผมจะมีสิทธิ์อะไรไปหึงคุณหนูปริม ผมเป็นแค่เลขานุการฝรั่งจน ๆ” คำพูดแสนน้อยเนื้อต่ำใจของเขาไม่ใช่ความจริงทั้งหมด เป็นเรื่องที่นัชชารู้มาจากเพื่อนสาว ผ่านคอนแทคเลนส์สีฟ้าครามเป็นประกาย ลมหายใจอุ่นร้อนรดลงบนริมฝีปากทำเอาคนตัวเล็กลอบกลืนน้ำลายลงคอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม