ตอนที่ 10
“ร้ายกาจเหมือนกันนะที่รัก ผมเผลอหน่อยเดียว คุณก็เล่นงานผมเลย แสบจริงนะที่รัก” คนหน้าตาเหยเกต่อว่าเสียงลอดไรฟัน พลางสลัดเท้าตัวเองไปมาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ
“คุณก็อย่าทำแบบนี้กับฉันอีก ไม่งั้นคราวหน้าคุณจะเจ็บตัวมากกว่านี้” หญิงสาวต่อว่าด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจยังรู้สึกหวาดหวั่นไม่น้อยกับการกระทำของผู้ชายคนนี้
“แน่ใจแล้วเหรอที่พูดออกมาแบบนี้ ที่รักลืมแล้วหรือไงว่าครั้งหน้าของเราสองคนจะต้องไปจบกันบนเตียงนุ่มๆ ของผมเท่านั้น” มาเฟียหนุ่มตอบกลับเสียงกลั้วหัวเราะ
“อย่าฝันว่าคุณจะได้แอ้มฉันง่ายๆ” ปัญญาวีร์โต้กลับทันที
“งั้นคอยดูต่อไปแล้วกันว่าผมจะได้ตัวคุณหรือเปล่า” เอเรสตอบกลับอย่างคนไม่ยอมแพ้ ดีเสียอีกที่หญิงสาวกล้าท้าทายเขา ยิ่งได้มายากเท่าไหร่มันก็ท้าทายเขาเท่านั้น คราวหน้าก็เอาตัวให้รอดแล้วกัน!
“คุณก็อย่าคิดว่าจะพาฉันขึ้นเตียงได้ง่ายๆ เหมือนกัน” เสียงหวานทว่าเยือกเย็นตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเยาะเล็กๆ
จากนั้นสองหนุ่มสาวมองสบตากันและกันอย่างไม่มีใครคิดจะหลบเลี่ยง กระทั่งมีเสียงเคาะประตูทั้งสองจึงได้ละสายตาห่างกัน ก่อนที่มาเฟียหนุ่มจะหันไปมองประตูหน้าพร้อมคำอนุญาตให้คนที่มารบกวนเสียงห้วนๆ หนึ่งในบอดี้การ์ดหน้าห้องจึงได้โผล่หน้าเข้ามาแล้วก้มหน้านิ่ง ก่อนจะเปิดปากบอกเรื่องสำคัญ
“คุณพิตต้าต้องการพบคุณทามครับ เธอรอคุณทามอยู่ด้านล่างครับ” พูดจบก็แอบเหลือบตามองเจ้านายหนุ่มด้วยใจลุ้นระทึก เพราะไม่รู้ว่าตัวเองเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือไม่
“หล่อนรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่” เอเรสถามกลับน้ำเสียงห้วนจัด แล้วหันไปคว้าแก้วเครื่องดื่มยกดื่มพรวดเดียวหมดแก้ว
“ผมสอบถามจากเด็กในร้านจนได้เรื่องว่าเจ้าของผับเป็นคนบอกครับ” ตอบเสร็จแล้วก็ต้องรีบก้มหน้าตามเดิม เพราะเจ้านายหนุ่มกระแทกลมหายใจออกมาเสียจนตัวเขาหน้าซีดเผือด
“รู้สึกว่าเจ้าของผับที่นี่จะปากโป้งเกินไปแล้ว พวกนายสองคนไปจัดการสั่งสอนเจ้าของผับให้เข็ดว่าอย่าได้คิดปากโป้งอีก ส่วนพิตต้า พวกนายจะจัดการยังไงก็ได้ แต่อย่าให้หล่อนมารบกวนฉัน ฉันต้องการพักผ่อน”
“ครับคุณทาม” คนได้รับคำสั่งโค้งแล้วถอยจากไป
ประตูห้องวีไอพีปิดลง ภายในห้องจึงตกอยู่ในความเงียบงันชวนให้อึดอัด ปัญญาวีร์อดเป็นห่วงเจ้าของผับไม่ได้ หลังจากได้ยินคนใหญ่คับฟ้าสั่งลูกน้องไปสั่งสอน แล้วเขาจะทำอะไรเจ๊ แล้วผู้หญิงที่ชื่อพิตต้าเป็นใครกัน ทำไมคนที่มีแต่ความกระหายสตรีอย่างเขา ถึงไม่อยากพบหน้า ทั้งที่ไม่น่าปล่อยให้ผู้หญิงทุกคนหลุดมือ
“ท่านคะ” ความเงียบที่ครอบงำและปัญญาวีร์ก็คิดว่าเธอควรทำอะไรสักอย่าง เพื่อไม่ให้เจ้าของผับเดือดร้อน จึงเปิดปากเรียกเบาๆ ทั้งที่ไม่ได้อยากเสวนาด้วย
“เลิกเรียกผมแบบนั้นได้แล้วที่รัก ดูไม่ออกหรือไงว่าผมไม่ได้แก่งั่กขนาดนั้น แล้วรู้อะไรไหมว่าไอ้คำว่าท่านของที่รัก มันฟังแล้วหงุดหงิดมาก หงุดหงิดจนผมอยากลงโทษคุณด้วยการจูบคุณ” พูดจบเขาก็หันไปคว้าแก้วเครื่องดื่มมาดื่มต่อ
“ได้ค่ะท่าน” หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงเกือบกระชาก เพราะไม่ชอบใจที่ถูกเรียกว่าที่รัก
“ผมบอกให้เลิกเรียก”
“ค่ะ คราวนี้คุณคงพอใจนะคะ” เธอบอกเสียงเรียบๆ ไม่แพ้หน้าตาในตอนนี้
“พอใจมาก” คนถูกประชดก็สวนกลับหน้าเหี้ยม
“ขอบคุณค่ะที่คุณพอใจ” หญิงสาวพูดขึ้นแล้วหันไปผสมเครื่องดื่มให้แก่ลูกค้าหนุ่มอย่างไม่คิดสนใจว่าขณะนี้ใบหน้าของลูกค้าหนุ่มจะเป็นอย่างไร
ส่วนมาเฟียหนุ่มก็ได้แต่กัดฟันกรอดๆ อย่างฉุนจัด แต่ต่อให้เขาอารมณ์ไม่ดีสักแค่ไหน เขาก็ยังอยากรู้ว่าหญิงสาวคนนี้มีความลับอะไรซุกซอนอยู่กันแน่ ในเมื่อเธอแปลกจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เคยอยู่ใกล้เขา
“คุณชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ มีพี่น้องกี่คน พ่อแม่ทำงานอะไร แล้วทำไมถึงมาทำงานเป็นแบบนี้ เพราะเท่าที่สังเกต คุณน่าจะหางานที่มันดีกว่านี้ได้สบาย หรือเพราะมีคนเลี้ยงดู ก็เลยคิดทำงานเป็นสาวเสิร์ฟเพื่อฆ่าเวลาไปวันๆ” มาเฟียหนุ่มเอ่ยถามเป็นชุด หลังจากเขาเงียบไปสักพัก
“ปัญญาวีร์ค่ะ” คนถูกซักประวัติตอบออกมาสั้นๆ แล้วก็นั่งนิ่งไม่สนใจตอบคำถามต่อไป ใบหน้าสวยก็ออกจะแสดงความจองหองออกมาให้เห็น มาเฟียหนุ่มเลยกระแทกลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดที่หญิงสาวดูจะเพิกเฉยกับคำถามต่อไปของเขา
“คุณยังตอบคำถามผมไม่หมด แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่าผมไม่ชอบคนขัดคำสั่ง ช่วยตอบมาให้หมด แล้วมีชื่อที่เรียกง่ายกว่านี้ไหม แล้วปัญญาวีร์แปลว่าอะไร” หลังจากระงับอารมณ์กรุ่นๆ ในใจได้บ้างแล้วเอเรสก็เริ่มตั้งคำถามใหม่
“พ่อแม่ของฉันเสียไปนานแล้ว ฉันมีน้องชายอีกคน เราอยู่ด้วยกันที่คอนโดฯ ของเพื่อน ส่วนเรื่องมาทำงานที่นี่ ก็เพราะฉันไปสมัครงานตามบริษัทก็ไม่มีใครรับ ฉันต้องการหาเงินส่งน้องเรียน และฉันก็ไม่มีเสี่ยที่ไหนเลี้ยงอย่างที่คุณกล่าวหา ส่วนปัญญาวีร์ แปลว่าผู้มีปัญญาค่ะ” ก้มหน้าตอบด้วยเสียงสั่นเครือ ภาพบิดามารดาถูกปืนจ่อศีรษะตามหลอกหลอนให้เธอแค้นใจ แต่เธอรู้ดีว่าเธอคนเดียวไม่มีวันไปต่อกรกับนายพอลได้ และเพราะนายพอลคนนี้ ที่ทำให้เธอต้องดิ้นรนหางานทำตัวเกลียว นั่นก็เพราะเงินที่เธอควรได้รับจากการทำงานลับๆ ภายใต้ชื่อ เอสเอสเค นายพอลก็ยึดไปหมด