บทที่ 14 หาเรื่อง

1786 คำ
เพียงแค่การฝึกในวันแรกนั้น ผู้หญิงหลายคนก็ถึงกับเป็นลมล้มพับไปหลายต่อหลายครั้ง เจี่ยงหร่านยกน้ำขึ้นดื่ม ก่อนจะมองดูเหล่าสตรีร่างกายบึกบึนหลายคนที่ถูกหามกลับไปที่ห้องพัก แม้ร่างกายจะใหญ่โตแต่เพราะไม่เคยผ่านการฝึกเช่นนี้มาก่อน จึงทำให้ร่างกายรับไม่ไหว เรื่องนี้นางเองเข้าใจดี เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ยังอยู่ในร่างเดิม เจี่ยงหร่านก็ผ่านการฝึกอย่างหนักเช่นเดียวกัน ซ้ำยังต้องฝึกร่วมกับบุรุษอีกด้วย เจี่ยงหร่านหันไปมองโจวลี่และอากัวที่เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างกายนาง คนทั้งสองยิ้มซื่อๆ ให้นาง ใบหน้าดูเหนื่อยล้าไม่ต่างจากนางมากนัก อากัวหันมามองจางเหมี่ยวลี่ แล้วชมเชยเป็นการใหญ่ "เจ้าใช้ได้นี่ ครั้งแรกข้าเห็นเจ้าบอบบาง ได้ยินว่าเป็นบุตรสาวของท่านแม่ทัพใหญ่ด้วย คาดไม่ถึงว่าจะแข็งแรงขนาดนี้" โจวลี่ที่ได้ยินอากัวเอ่ยเช่นนั้นก็พยักหน้า ก่อนเสริมขึ้นว่า "นั่นสิ ปกติพวกคุณหนูในเมืองหลวงน่ะ บอบบางราวกับต้นหลิว แต่เจ้าเป็นข้อยกเว้น" เจี่ยงหร่านในร่างของจางเหมี่ยวลี่ได้ยินก็คลี่ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ผุดซึมออกตามใบหน้า พร้อมกับสนทนากับโจวลี่และอากัวอย่างสนิทสนม เซียวจิ้งที่มองดูอยู่บนหอสังเกตการณ์พลันขมวดคิ้ว พร้อมกับจ้องมองจางเหมี่ยวลี่ด้วยความสงสัย เหตุใด นางจึงพูดคุยกับคนอื่นอย่างสนิทสนมได้ถึงเพียงนี้ แต่ไหนแต่ไรมา จางเหมี่ยวไม่ชอบคบหากับสหายสตรีคนไหน นางมักจะริษยาคนอื่นไปทั่ว แต่วันนี้กลับพูดคุยกับสตรีที่มาจากนอกเมืองหลวงได้อย่างออกรสออกชาติ เมื่อทุกคนวิ่งจนครบแล้ว ครูฝึกทหารก็เรียกทุกคนมารวมตัวกัน ก่อนจะบอกให้ไปพักกินอาหารได้ จากนั้นพักผ่อนให้ดี ทุกเช้าจะมีการวิ่งเช่นนี้ และหากใครทำผิดกฎ ตื่นสาย ไม่ทำตามกฎระเบียบจะต้องถูกลงโทษตามกฎทหาร เจี่ยงหร่านมิได้ใส่ใจเท่าใดนัก นางคุ้นเชินเสียแล้ว แต่กับคุณหนูคนอื่นๆนั้นนางมองเห็นแววตาที่เหนื่อยล้าและทนไม่ไหวของพวกนางได้อย่างชัดเจน เมื่อกลับมาถึงห้องพัก เจี่ยงหร่านก็เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ในขณะที่กำลังจะก้าวออกจากห้อง ก็พบว่ามีคนมาหานาง บอกว่าเป็นคำสั่งจากแม่ทัพใหญ่จางให้นำอาหารมาให้คุณหนู เจี่ยงหร่านได้ยินเช่นนั้นก็โคลงศีรษะ แม่ทัพใหญ่จางรักใคร่บุตรสาวมาก แต่ไหนแต่ไรมา มักจะประคบประหงมราวกับไข่มุกในอุ้งมือ แต่นางกลับเอาร่างบุตรสาวของเขามาทำเช่นนี้ เจี่ยงหร่านรับกล่องอาหารมาถือเอาไว้ก่อนจะบอกไปว่า "เจ้าไปบอกท่านพ่อที ว่าครั้งหน้าไม่ต้องทำเช่นนี้ ข้ากินอาหารกับคนในค่ายทหารได้ ถึงอย่างไรข้าก็เข้ามาแล้ว จะให้ข้าทำตัวอยู่เหนือผู้อื่นได้เช่นไร ไม่อย่างนั้นคงจะเสียชื่อท่านพ่อแย่" "ขอรับ" "อืม เจ้าไปเถอะ" เอ่ยจบเจี่ยงหร่านก็เดินกลับมาหาโจวลี่และอากัว ก่อนจะชักชวนพวกนาง "พวกเราไปกินอาหารกันเถอะ บิดาข้านำอาหารมาให้ด้วย ข้าจะแบ่งพวกเจ้ากินด้วยกัน กินหลายคนอร่อยดี" โจวลี่และอากัวสบตากันเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าจางเหมียวลี่จะต้องเป็นสตรีที่หยิ่งยโส เพราะตั้งแต่ก้าวเข้ามาในค่ายทหาร พวกนางได้ยินเสียงคนพูดกันว่านางชอบเล่นคุณไสยมนต์ดำ อีกทั้งยังทะเลาะตบตีคนไปทั่ว แต่เท่าที่พวกนางเห็นในยามนี้ กลับไม่เป็นเช่นที่ผู้คนเล่าลือกันเลย หรือว่าจะเป็นเพียงเรื่องซุบซิบนินทาเท่านั้น เจี่ยงหร่านออกจากห้องพร้อมกับสหายทั้งสองและเดินตรงมายังโรงอาหาร นางวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ ก่อนจะไปรับอาหารที่โรงครัวแจกมารับประทาน ในขณะที่นางกำลังเดินกลับมาก็เห็นสตรีหน้าตาดุดันนางหนึ่ง เดินมาที่กล่องอาหารของนางและใช้มือปัดกล่องอาหารร่วงหล่นลงไปบนพื้น อาหารร่วงตกกระจัดกระจายทั่วพื้นไปหมด ผู้คนต่างหันมามองเป็นตาเดียว เจี่ยงหร่านปรายตามองสตรีนางนั้นแวบหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา แม้กระทั่งในกลุ่มบุรุษยังมีการเขม่นกันเอง นับประสาอะไรกับค่ายทหารหญิงที่มีสตรีเช่นนี้ โจวลี่และอากัวที่เห็นเหตุการณ์พลันรี่เข้าไปหาสตรีนางนั้น อากัวเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน "ข้าเห็นนะว่าเจ้าปัดกล่องข้าวของจางเหมี่ยวลี่" สตรีนางนั้นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ปฏิเสธทันที "ผู้ทำใดทำกัน มันหล่นเองต่างหาก ทำไมหรือ คุณหนูจางจะใช้อำนาจเหนือคนอื่นด้วยการให้บิดาเอาอาหารมาให้กินทุกวัน ในขณะที่คนอื่นๆ ได้กินของในค่าย เจ้านี่ช่างเป็นลูกแหง่เสียจริง" เจี่ยงหร่านในร่างจางเหมี่ยวลี่ไม่ชอบมีปัญหากับใคร โดยเฉพาะกับผู้หญิงเพศเดียวกัน นางมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ จึงดึงโจวลี่และอากัวให้กลับมานั่งกินอาหาร "อย่ามีปัญหาเลย ข้ากินอาหารในค่ายได้ ข้าบอกท่านพ่อไปแล้วว่า ไม่ต้องนำมาให้อีก" "น่าเสียดายแย่" โจวลี่พูดด้วยความเสียดาย อากัวก็เช่นเดียว คนทั้งสามจึงนั่งลงกินอาหารด้วยกันโดยไม่สนใจสตรีนางนั้นอีก เมื่อเห็นว่าจางเหมี่ยวลี่ไม่แสดงอาการใดออกมานางก็เริ่มมีโทสะ "เหอะ ทำเป็นเงียบไปเถอะ ก่อนจะเข้าค่ายทหารผู้ใดบ้างไม่รู้ ว่าเจ้าน่ะเล่นคุณไสยมนต์ดำสาปแช่ง ชอบตบตีคนอื่น ผู้ใดจะรู้ นางอาจจะอยากเป็นที่หนึ่งในค่ายทหารจนทำของสาปแช่งพวกเราก็เป็นได้" เจี่ยงหร่านที่ได้ยินเช่นนั้นก็หลับตาลงพยายามระงับความโกรธ ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าคลื่นอารมณ์แห่งความดุดันของเจ้าของร่างนี้ยังคงมีอยู่ และมันจะแสดงออกมาทุกครั้งที่มีคนมายั่วโมโห เจี่ยงหร่านพยายามระงับโทสะ ก่อนจะวางตะเกียบในมือลง แล้วจึงหันไปตอบโต้กับสตรีนางนั้น "เจ้าบอกว่าข้าเป็นคนไม่ดี เล่นคุณไสย แล้วไหนเล่าหลักฐานเจ้ามีหรือไม่ หรือเพียงแค่กล่าวหาลอยๆ ข้าจะบอกเอาไว้นะ ข้าเข้ามาที่นี่เพราะอยากฝึกทหาร ไม่ได้มาแย่งความดีความชอบกับใคร และไม่ได้มาทำร้ายผู้ใดทั้งสิ้น ขอเตือนว่าให้ต่างคนต่างอยู่ ข้าไม่โต้ตอบมิได้แปลว่าข้าไม่สู้คน เพราะหากข้าลงมือขึ้นมา เกรงว่าแม้แต่สตรีร่างหนาเช่นเจ้า ก็เอาข้าลงไม่ได้! อ้อ หากควบคุมสติตนเองไม่ได้ จิตใจมีแต่ความมืดดำ เช่นนั้นก็ออกจากค่ายทหารไปเสีย!" เจี่ยงหร่านเอ่ยจบก็เตรียมจะกินข้าวต่อ แต่สตรีนางนั้นเหมือนไม่ยอมลดราวาศอก อีกทั้งยังพุ่งเข้ามาหมายจะทุบตีนาง เจี่ยงหร่านหมดความอดทนแล้ว นางลุกขึ้นก่อนจะเบี่ยงกายหลบฝ่ามือสตรีผู้นั้น และยกมือขึ้นไปจับแขนของสตรีเจ้าปัญหา บิดอย่างแรงจนนางร้องไห้โฮ “ทำอันใดกัน ก่อเรื่องหรือ!" เสียงของครูฝึกตะโกนอย่างดุดัน เมื่อเห็นว่าจางเหมี่ยวลี่ลงไม้ลงมือกับสตรีนางนั้น จนนางร้องไห้โฮจึงจัดการรวบตัวจางเหมี่ยวลี่กดลงกับพื้น ออกคำสั่ง "พานางไป!” โจวลี่กับอากัวตั้งท่าจะข้ามาช่วย แต่เจี่ยงหร่านส่งสายตาห้ามพวกนางเอาไว้ นางถูกพามาที่ห้องสอบสวน และคนที่อยุ่ในนั้นก็คือเซียวจิ้ง เขากวาดตามองนางครู่หนึ่ง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เขารับทราบแล้ว "เจ้าก่อเรื่องอีกแล้ว" เจี่ยงหร่านที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระพลันเงยหน้ามามองเซียวจิ้งก่อนจะทักท้วงว่า "ก่อเรื่องอันใดกัน นางหาเรื่องข้าก่อน อีกทั้งยังคิดจะมาทุบตีข้าอีก ข้าก็ต้องปกป้องตนเอง ทำไม หรือว่ากฎทหารของที่นี่ห้ามป้องกันตนเอง ต้องยอมให้ถูกคนอื่นทุบตีเช่นนั้นหรือ" "สามหาว! สั่งให้นางงดอาหารมื้อเย็น" "งดก็งดสิ! พูดจบแล้วใช่หรือไม่ ข้าขอตัว" "ช้าก่อน" ยังไม่ทันที่จางเหมี่ยวลี่จะเดินออกไปเซียวจิ้งก็เอ่ยเรียกนางเสียก่อน เขายกมือสั่งให้ทหารคนอื่นๆออกไปให้หมด เมื่อเหลือกันเพียงสองคนแล้ว เขาจึงกล่าวกับนาง "เจ้าเห็นหรือยัง ว่ามีคนไม่ชอบเจ้ามากเพียงใด" เจี่ยงหร่านถอนหายใจออกมาก่อน แล้วถามว่า "ในสายตาท่านข้าเป็นคนไม่ดีใช่หรือไม่ ไม่ดีมากเลยใช่หรือไม่" เซียวจิ้งไม่ตอบ เพียงจ้องมองนางด้วยแววตาคมกริบ เจี่ยงหร่านลอบหัวเราะเยาะหยันตนเองในใจ ให้ตายเถอะ ผู้ใดใช้ให้นางมาอยู่ในร่างสตรีทีเขาไม่ชอบกันเล่า "จางเหมี่ยวลี่ เจ้าจะอดทนได้อีกเท่าใดกัน" "เท่าใดก็เท่านั้น แต่ขอบอกท่านว่าข้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก ข้าคนเดิมอาจจะนิสัยไม่ดี แต่ตอนนี้ข้าฟื้นจากความตายมาแล้ว ข้าย่อมรักชีวิตตนเอง ข้าย่อมไม่มีทางเดินซ้ำรอยเดิม ขอตัวก่อน ข้าจะรีบไปกินข้าว จะได้ไม่หิวยามที่ต้องงดมื้อเย็น" กล่าวจบนางก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้เซียวจิ้งยืนอยู่เพียงลำพัง ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา ก่อนจะเรียกครูฝึกทหารเข้ามา "ไล่สตรีที่เป็นคนหาเรื่องจางเหมี่ยวลี่ออกจากค่ายทหาร ผู้ที่เข้ามาแล้วก่อปัญหาข้าไม่เลี้ยงเอาไว้" "ขอรับ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม