สาวใช้นำกระเป๋ามาวางไว้กลางห้องนอนห้องใหญ่ที่แยกเป็นสัดส่วน ห้องแต่งตัวอยู่ทางด้านซ้ายมือ ทางด้านขวามือเป็นส่วนดูทีวี มีโซฟาชุดใหญ่ตั้งอยู่ ส่วนด้านในจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำ
“คุณหมิวจะเก็บเสื้อผ้าเองหรือให้น้อมเก็บให้คะ ตู้ของคุณหมิวอยู่ทางด้านซ้ายค่ะ” น้อมที่รู้จักมักคุ้นกับพรนับพันเอ่ยถาม มองหน้าเจ้านายคนใหม่ที่ในบ้านหลังนี้ไม่ชอบหน้าพรนับพันเลยสักคนด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก ให้กำลังใจอยู่เงียบๆ
“เดี๋ยวฉันเก็บเองจ้ะ ขอบใจมากนะที่ยกกระเป๋าขึ้นมาให้” พรนับพันตอบกลับ ยิ้มแห้งให้น้อมที่เดินออกไปจากห้องทันทีที่หมดหน้าที่ น้อมออกไปจากห้องไม่กี่อึดใจ ร่างสูงใหญ่ของพีรภัทรได้เดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าเขายังคงเป็นเช่นเดิม พรนับพันมองสามีที่เดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ไม่ถึงสองนาทีเขาเดินออกมาด้วยชุดลำลอง “พี่พีจะไปไหนคะ”
คนถูกถามหันมามองหน้าเจ้าสาวหมาดๆ ช้าๆ นัยน์ตาแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจเต็มที่ พรนับพันเหมือนชาชินกับสายตาแบบนี้ แต่เปล่าเลย เธอเจ็บปวดหัวใจทุกครั้ง
“ทำไม...เธอคงคิดล่ะสิว่า ฉันจะต้องเข้าหอกับเธอ” น้ำเสียงค่อนข้างเข้มห้วน “ฝันไปเถอะ นอนกับเธอไปซื้อกินดีกว่า กระเดือกเธอไม่ลงจริงๆ แค่เห็นหน้าก็จะอ้วก”
เจ็บ...
ช่างเป็นคำพูดที่เฉือนความรู้สึกคนฟังยิ่งนัก พีรภัทรไม่ปิดบังความรู้สึกที่มีต่อพรนับพันสักนิดเดียว ไม่ว่าจะเป็นคำพูด สายตาและกิริยาท่าทางของเขาชัดเจนตลอดเวลาว่า...เกลียดเธอเข้าไส้
ปัง...
สิ้นเสียงประตูห้องโครมใหญ่ปิดลง พรนับพันทรุดกายนั่งบนพื้นห้อง เธอหลั่งน้ำตาที่เก็บกักไว้หลายชั่วโมงออกมาอย่างไม่กลั้น ไหล่เธอห่อและโยนไปมาตามแรงสะอื้นไห้ พรนับพันกอดเข่าร้องไห้ ร้องให้กับความทุกข์ ความเสียใจ ความเจ็บปวดที่ต่อจากนี้ คงได้รับมันทุกเมื่อเชื่อวัน
พ้นจากบ้านหลังหนึ่ง...ก็ต้องมาทนทุกข์กับบ้านหลังใหม่ ที่ทุกคนในบ้านต่างไม่ต้องการให้เธออยู่เช่นกัน พรนับพัน หญิงสาวที่มีความหมายของชื่อว่า มากด้วยพร ทว่าพรที่เธอขอนั้นไม่เคยสุขสมหวังเลยสักข้อ พรนับพันหวังลึกๆ ว่า สวรรค์คงเมตตาพรให้ตนสักข้อ แค่ข้อเดียวเท่านั้น
‘ขอให้เธอได้รับความรักจากใครสักคน รักเธอจากใจจริง ขอแค่คนเดียวเป็นพอ’
เป็นความรักที่พรนับพันโหยหาและต้องการมาตลอด เพราะความรู้สึกที่เธอได้รับมีแต่ความเกลียดชัง ไม่ชอบหน้าและรังเกียจ ได้รับมากจนหัวใจดวงนี้บางครั้งแทบทานทนไม่ไหว ซึ่งไม่รู้ว่า ความรักที่ต้องการนั้นจะมีหรือไม่ พรนับพันเฝ้ารอด้วยความหวัง แม้ว่าจะริบหรี่...แต่ก็หวัง
หวังว่าสักวันความหวังนั้นจะเป็นจริง...สักวันหนึ่ง
หนึ่งเดือนต่อมา
ความเย็นชาของคนในครอบครัวพิพัฒน์พงศ์สกุลทำให้ลูกสะใภ้ที่ไม่มีใครต้องการปวดร้าวจิตใจ และถูกตอกย้ำราวกับค้อนปอนด์ที่กำลังทุบไปบนพื้นคอนกรีต ทุบซ้ำๆ จนแตกละเอียดไม่หลงเหลือความแข็งแกร่ง เมื่อพรนับพันเดินกลับไปยังบ้านที่อาศัยตั้งแต่อ้อนแต่ออด ทว่าพรนับพันกลับไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบ้าน
“ส้มให้คุณหมิวเข้าบ้านไม่ได้ค่ะ คุณท่านสั่งไว้ว่า ไม่ให้คุณหมิวเข้าบ้าน แล้วคุณท่านฝากบอกคุณหมิวว่า ไปแล้วไปลับไม่ต้องกลับมา บ้านนี้ไม่ต้อนรับคุณหมิวอีกต่อไป” ส้มจีนสาวใช้บอกตามที่สมสมรสั่ง ซึ่งเธอก็รู้สึกสงสารพรนับพันไม่น้อย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ “คุณหมิวไปจากที่นี่ได้ก็ดีแล้ว อยู่ไปก็มีแต่จะทุกข์ ไปอยู่บ้านคุณพีในฐานะลูกสะใภ้ของตระกูลดังมีแต่สบายนะคะ ไม่ต้องทนให้คนในบ้านนี้โขกสับ ทำร้ายอย่างกับหมูกับหมา ดุด่าสารพัดทั้งที่บางเรื่องคุณหมิวไม่ผิดเลยด้วยซ้ำไป”
ส้มจีนอยู่รับใช้บ้านหลังนี้มาสิบสามปี เป็นระยะเวลาที่เธอรู้เห็นอะไรหลายอย่าง เธอไม่เคยคิดเลยว่า คนที่เรียกตัวเองว่าผู้ดี มีคนนับหน้าถือตา ทำบุญสุนทานไม่เคยขาด มอบเงินให้มูลนิธิเด็กกำพร้าต่างๆ มากมาย ทว่าเด็กที่ชุบเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย กลับไม่ได้รับความรัก ความเมตตาจากครอบครัวนี้อย่างที่ควรจะเป็น ทุกครั้งที่พรนับพันถูกทำร้าย ส้มจีนอยากเข้าไปช่วย แต่เธอก็เป็นแค่สาวใช้รับเงินเดือนไม่อาจเข้าห้ามปรามเจ้านายได้ ทำได้แค่เพียงทำแผลหรือทายาแก้ฟกช้ำให้พรนับพันเท่านั้น
พรนับพันยิ้มแห้ง เดินถอยห่างประตูบานเล็กที่เชื่อมต่อระหว่างสองบ้านทั้งน้ำตา หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านพิพัฒน์-พงศ์สกุล บ้านที่ไม่ต่างกับอีกหลังหนึ่งเลย
วันแรกที่เข้ามาอยู่บ้านหลังใหม่ พรนับพันถูกคนในบ้านหมางเมิน แสดงออกให้รู้ว่า ไม่อยากให้เธอมาอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน อาหารมื้อเย็นอันที่จริงเธอจะต้องร่วมโต๊ะด้วย แต่พอพรนับพันเดินเข้าไปในห้องนั้น สายตาสามคู่มองมาที่เธอด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่กนกวรรณจะกระแทกช้อนลงบนจานอย่างคนไม่มีมารยาท และลุกขึ้นยืน
“ใครจะกินก็กินไป ฉันกินไม่ลง” ขณะพูดสายตาก็พุ่งมองไปยังดวงหน้าของลูกสะใภ้คนโตเขม็ง คนถูกมองรู้สึกราวกับว่า ตัวลีบลงทันใด
“ผมไปด้วย” เจ้าของเสียงคือพัฒนา ประมุขของบ้าน
“ข้าวเย็นหน้าตาน่ากินทั้งนั้น แต่บรรยากาศกลับเน่าเสีย” ภาษิต ลูกคนเล็กของบ้านและเป็นน้องชายของพีรภัทรไม่ออมคำพูด
แล้วทั้งสามก็พากันก้าวเดินออกจากห้องกินข้าว เดินผ่านร่างพรนับพันราวกับว่า เธอไม่มีตัวตน เป็นอากาศที่มองไม่เห็น แต่รู้สึกได้ว่ามี มันทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งนัก น้ำตารินไหลลงมาอย่างสุดกลั้น นับตั้งแต่วันนั้น พรนับพันกินข้าวในห้องครัวมาตลอด เธอพยายามหลีกเลี่ยงการพบหน้าคนในบ้าน กินข้าวเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในห้องนอน แล้วขลุกตัวอยู่ในห้อง หัวใจเธออ้างว้างและเปลี่ยวเหงามาก
ส่วนพีรภัทรไม่ได้กลับบ้านเลยนับแต่วันนั้น เขาพักอาศัยในคอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ราคาสูงถึงเจ็ดสิบล้านบาท โดยไม่คิดจะกลับมาบ้านหลังนี้ เขาแสดงออกชัดเจนว่า ไม่ปรารถนาพรนับพันเป็นเมีย ผู้หญิงที่เขาไม่ชอบหน้าตั้งแต่เด็ก
พรนับพันตื่นแต่เช้าด้วยความเคยชิน และทุกเช้าเธอจะเข้าไปช่วยป้าก้อยและน้อมทำอาหารเช้า แม้ว่าเจ้านายบ้านหลังนี้จะไม่ชอบหน้าเธอ แต่ยังดีที่คนรับใช้ไม่ได้ชิงชังตาม กลับคุ้นเคยกับพรนับพัน เป็นเพราะพวกเธอเดินผ่านประตูเล็กที่เชื่อมต่อระหว่างสองบ้าน ไปทำส้มตำกินกันบ่อยๆ และแบ่งปันอาหารมาให้เจ้านายทั้งสองบ้าน ซึ่งคนที่นำอาหารมาให้บ้านหลังนี้คือ พรนับพัน