บทที่ 1.1
แม่ที่เปลี่ยนไป
“ผมไม่ไป! ปล่อย! แม่ช่วยพวกเราด้วย แม่!”
เสียงของเด็กชายฝาแฝดวัยสามขวบร้องประสานหาคนเป็นแม่ลั่นอยู่ที่หน้าบ้านตระกูลหลี่ แม้จะรู้ว่าต่อให้อีกฝ่ายยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีทางช่วยเหลือปกป้องพวกเขา แต่เวลานี้พวกเขานึกถึงใครไม่ออกแล้วจริงๆ แขนเล็กของทั้งสองคนถูกหญิงแปลกหน้าสองคนฉุดกระชากไปคนละทิศละทาง โดยมีหม่าอิงหงผู้เป็นย่ายืนนับเงินหยวนด้วยสีหน้าพอใจ ไม่แม้แต่จะชายตามองหลานชายตัวน้อยทั้งสองคนที่ถูกผู้อื่นฉุดกระชากอย่างไร้ความปรานี
ก็แค่หลานนอกไส้ ที่พ่อมันตายแล้ว ส่วนแม่มันก็หนีตามชู้ เธอจะเลี้ยงดูให้ยากลำบากต่อไปทำไม สู้ขายเอาเงินมาซื้อผ้าใหม่ตอนสิ้นปีไม่ดีกว่าหรือ
“ปล่อย! ย่าช่วยพวกเราด้วยครับ อย่าขายพวกเราเลยพวกเราจะไม่ดื้อ จะเชื่อฟัง ย่าครับ!”
เด็กชายที่ตัวเล็กกว่าอีกคนร้องอ้อนวอนย่า ก่อนจะทิ้งตัวดิ้นรนต่อต้านสุดกำลัง ทว่าไม่เพียงหญิงแปลกหน้าที่ฉุดกระชากจะไม่สนใจเขา เธอยังง้างมือขึ้นฟาดลงมาที่เขาสุดแรง
เพี๊ยะ! ใบหน้าตอบแห้งของเด็กชายตัวน้อยพลันชาวาบ ริ้วแดงขึ้นเป็นแถบรอยนิ้วมือ ยังไม่ทันส่งเสียงร้องร่างกายก็ถูกทุบตีอย่างต่อเนื่องจนดวงตากลมแดงก่ำ หยาดน้ำตาไหลรินร้องโหออกมา
“อย่าทำร้ายอาชุนนะ!”
เด็กชายอีกคนร้องห้ามเสียงลั่นเมื่อเห็นน้องฝาแฝดของตนถูกทุบตี ริมฝีปากเล็กอ้าออกแล้วก้มลงกัดข้อมืออวบอ้วนที่จับเขาไว้จนหลุดจากพันธนาการ ก่อนจะวิ่งไปผลักคนที่ทุบตีน้องของเขาจนอีกฝ่ายล้มลง
“ไอ้เด็กสารเลว วันนี้ฉันจะตีพวกแกให้ตาย”
สองพี่น้องฝาแฝดกอดกันกลมเมื่อเห็นหญิงแปลกหน้าสองคน ง้างมือเดินเข้ามาตบตีพวกเขาอย่างไม่ออมแรง หลี่หมิงกระชับวงแขนโอบน้องชายเอาไว้แน่น หลี่ชุนร่างกายไม่แข็งแรงย่อมไม่อาจทนความเจ็บปวดได้ไหว แต่ถึงอย่างนั้นหลี่หมิงก็เป็นแค่เด็กสามขวบถูกแรงหญิงวัยกลางคนทั้งทุบตีทั้งกระชาก สุดท้ายน้องชายก็หลุดออกไปจากอ้อมแขน
“อาชุน!”
“พี่ชาย... โอ๊ย!”
หลี่ชุนถูกฝ่ามือหยาบตีลงบนเนื้อตัวก็ร้องไห้โฮเสียงดังลั่น ความเจ็บปวดแผ่กระจายไปร่างกายจนต้องงอตัวหลบเลี่ยง
“อย่าตีอาชุนนะ ปล่อย! อย่านะ อย่าตีอาชุน!”
หลี่หมิงร้องลั่น ทั้งดิ้นรนต่อต้าน ทั้งร้องขออ้อนวอน สายมองไปที่น้องชายด้วยความห่วงใยระคนคับแค้นใจ พยายามสุดกำลังเพื่อไปช่วยอีกฝ่าย โดยไม่สนใจแรงฝ่ามือที่ทุบตีบนตัวของเขา
“โอ๊ย!”
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของหญิงแปลกหน้าสองคนดังขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน พร้อมกับแรงทุบตีพวกเขาที่หยุดลง หลี่หมิงที่หลุดจากการจับกุมรีบพุ่งตัวไปโอบกอดตรวจสอบอาการบาดเจ็บของน้องชาย
“อาชุนเจ็บตรงไหมบ้าง”
หลี่ชุนเม้มริมฝีปาก ยื่นแขนที่แดงช้ำให้พี่ชายดูทั้งน้ำตา ก่อนจะขยับงอตัวซุกอยู่ในอกของคนเป็นพี่ แต่ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมองเหตุการณ์ตรงหน้า ดวงตากลมใสก็พลันเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าบนศีรษะของคนที่ทำร้ายพวกเขาตอนนี้อาบไปด้วยเลือดจนดูน่ากลัว
“เฉินซิ่วลี่!”
หม่าอิงหงร้องอย่างตื่นตระหนก สะใภ้น่ารังเกียจผู้นี้ไม่ใช่ว่าหนีตามชายชู้ไปแล้วหรือไร เหตุใดจึงยังอยู่ตรงนี้ได้เล่า อย่างนี้แล้วเธอจะขายเจ้าภาระสองคนนี้ออกไปได้อย่างไรกัน
“ธะ... เธอกล้าตีคนเหรอ”
“พวกคุณกล้าตีลูกฉัน ทำไมฉันจะไม่กล้าตีคุณล่ะ”
เฉินซิ่วลี่ตอบกลับอย่างไม่เกรงกลัว เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยของเธอไม่ว่ายากลำบากอย่างไรเฉินซิ่วลี่ก็ต้องปกป้องเด็กชายฝาแฝดคู่นี้เอาไว้ให้ได้ ดังนั้นตลอดทางจากริมแม่น้ำเธอจึงพยายามสุดชีวิตวิ่งตามความทรงจำเดิมของร่างกายกลับมาที่บ้านหลังนี้ จุดหมายก็คือ ขัดขวางหม่าอิงหงในการขายลูกชายฝาแฝดของเธอและหลี่อันเฉิง
“ฉันจะไปแจ้งคณะกรรมการหมู่บ้านของเธอ ว่าเธอทำร้ายคน”
“แจ้งก็แจ้งสิ เช่นนั้นก็ไปพร้อมกันในตอนนี้เลยดีหรือไม่”
เสียงตอบโต้ที่แข็งกร้าวมั่นคงทำให้หญิงสองคนเกิดความหวั่นเกรงอยู่ในใจ ไม่ใช่ว่าแม่ของเด็กแฝดคู่นี้ เป็นผู้หญิงฉาวโฉ่ที่ไม่เคยใส่ใจลูกๆ หรือไง เหตุใดตอนนี้จึงกลายเป็นแม่ไก่หวงไข่เช่นนี้เล่า
“ทำเป็นแสนดีปกป้องลูก หึ! เธอจะเอาเงินเพิ่มใช่หรือไม่”
แน่นอนว่าต้องเป็นเหตุผลนี้อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นคนแบบเฉินซิ่วลี่จะกลายเป็นมารดาที่แสนดีในช่วงข้ามคืนได้อย่างไร
“พวกฉันจ่ายแล้ว จะไม่จ่ายเพิ่ม รีบส่งคนมาได้แล้ว”
“แม่ของพวกเขายังอยู่ตรงนี้ใครกล้าขายพวกเขากัน”
“เอ่อ...”
“หลี่หมิงกับหลี่ชุนเป็นลูกของฉันหากใครกล้าเอาตัวพวกเขาไปฉันจะแจ้งความ”
อย่างไรเสียเธอก็ตัวคนเดียว ถึงแม้อายุจะน้อยกว่าแต่หากหญิงสามคนนี้ร่วมมือกันคิดแย่งคนไปขายจริงๆ เฉินซิ่วลี่ก็คงสู้ไม่ไหวอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินคำว่าแจ้งความใบหน้าของหญิงต่างหมู่บ้านสองคนก็ซีดเผือดหม่าอิงหงรีบเก็บเงินหยวนในมือซ่อนไว้ด้านหลัง เตรียมขยับตัวหนี ทว่าไม่ได้คนจะยอมเสียเงินได้อย่างไร คนทั้งสองจึงเดินมาแย่งเงินคืนแล้วสบถด่าหม่าอิงหงอีกหลายประโยคที่คิดหลอกขายคน โชคดีที่วันนี้พวกเธอไม่ได้นำตัวเด็กไป ไม่อย่างนั้นหากแม่ของเด็กไปแจ้งความจับพวกเธอก็จะกลายเป็นอาชญากรลักพาตัวคนแล้ว
“เฉินซิ่วลี่! นังตัวดีแกกล้าต่อต้านฉันเหรอ ฉันเป็นแม่ของอาเฉิง เป็นย่าของเด็กสองคนนี้นะ”
“แต่ฉันไม่เคยได้ยินพี่เฉิงเรียกคุณว่าแม่เลยนะคะ แบบนี้แล้วคุณจะนับเป็นย่าของลูกฉันได้อย่างไร”
ไม่ผิด หลี่อันเฉิงนั้นตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยเรียกขานหม่าอิงหงว่าแม่เลยสักคำ ยิ่งไม่เคยแสดงท่าทีเคารพต่อเธอเลยแม้แต่น้อย เงินทองที่ส่งมาก็มอบให้เพียงเฉินซิ่วลี่ผู้เป็นภรรยาไม่ส่งให้มารดาเลี้ยงเช่นเธอเลยแม้แต่หยวนเดียว
“ฉันคิดว่าพวกเราควรอยู่กันแบบน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลองจะดีกว่านะคะ หรือไม่พวกเราสองบ้านก็ไปสำนักทะเบียนทำเรื่องแยกบ้านกัน”
แยกบ้าน หากทำแบบนั้นหม่าอิงหงก็ไม่มีสิทธิในตัวเด็กแฝดคู่นี้น่ะสิ ภายหน้าจะขายพวกเขาได้อย่างไรกัน สุดท้ายเพื่อไม่ให้สิทธิความเป็นย่านี้หายไปหม่าอิงหงก็หันหลังเดินกลับเข้าบ้านของตนเองไป
เมื่อทุกอย่างสงบลงเฉินซิ่วลี่ก็เข้าไปประคองลูกชายที่นอนขดตัวอยู่บนพื้นทั้งสองคนขึ้นมา เด็กชายทั้งสองแสดงอาการตื่นกลัวและหวาดระแวงเธออยู่ในที นี้คงเป็นเพราะก่อนหน้านี้เจ้าของร่างเดิมคงทำตัวร้ายกาจต่อเด็กชายทั้งสองไม่น้อยเช่นกัน
“อาหมิง อาชุนเข้าบ้านไปทำแผลกันก่อนเถอะ”
หลี่หมิงและหลี่ชุนเม้มริมฝีปากแน่น สายตามองท่าทีของคนเป็นแม่ที่เปลี่ยนแปลงไปแบบกะทันหันด้วยความไม่ไว้ใจ ทว่าเมื่อเทียบกับคนแปลกหน้าที่ทุบตีพวกเขาเมื่อครู่ หรือย่าที่ขายพวกเขาให้กับผู้อื่นด้วยสีหน้ายินดี เด็กชายทั้งสองย่อมเลือกที่จะเชื่อฟังแม่ที่เปลี่ยนไปของพวกเขามากกว่า
“ครับ”
แม้ตามนิยายหม่าอิงหงจะขายหลายชายนอกไส้สองคนออกไป แต่เจ้าของร่างเดิมก็ยังหวังว่าคนที่ซื้อลูกชายทั้งสองไปจะดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี ไม่ต้องยากลำบากเหมือนยามอยู่กับเธอจึงไม่คิดออกตามหารับตัวกลับมา แต่ดูจากท่าทีโหดร้ายที่คนเหล่านั้นลงมือต่อเด็กทั้งสองเมื่อครู่แล้วไม่อยากจะคิดเลยว่าหากวันนี้เธอกลับมาไม่ทันเด็กชายฝาแฝดคู่นี้จะมีชีวิตอย่างไรในอนาคต
.........................................
แต่งตอนนี้แล้วอยากจะเข้าไปทุบหม่าอิงหง
ถึงไม่ใช่ย่าแท้ๆ แต่ก็เห็นกันมาตั้งแต่เด็กตัดใจขายเด็กๆ ได้ยังไงกัน>