รีบหาเมียทำหลานให้แม่ที 1/3
วันนี้เป็นวันที่ไรวินท์ ต้องเดินทางไปฝรั่งเศสเพื่อเข้าร่วมงานมงคลของเพื่อนสนิทสมัยเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ก่อนเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน เขาแวะมาทานอาหารกับ หัทยา ผู้เป็นมารดาและ รุ้งนภา, ราตรี, โรสริน พี่สาวทั้งสามคนของเขาที่บ้านใหญ่
“เรย์...” หัทยาเรียกชื่อของลูกชายเพียงคนเดียวด้วยน้ำเสียงจริงจัง หลังจากดื่มน้ำเสร็จแล้ว
“ว่าไงครับ คุณแม่”
“ไปที่ฝรั่งเศสครั้งนี้ เอ่อ...ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไป แม่วานอะไรลูกหน่อยสิ”
“คุณแม่อยากได้น้ำหอมหรือไม่ก็กระเป๋าแบรนด์เนมคอลเลคชั่นใหม่สินะครับ” ชายหนุ่มถามอย่างรู้นิสัยของมารดาที่ชอบฝากให้เขาแวะซื้อของฝากจากช็อปเมืองนอกมาให้เป็นประจำ
“ไม่...ของพวกนั้นแม่มีถมเถแล้ว”
“แล้วอยากได้อะไรล่ะครับ”
“เมีย...แม่อยากให้แกหาเมียแหม่มที่นั่นสักคน” คุณนายหัทยาเผยข้อเรียกร้องทำให้ลูกชายเพียงคนเดียวของบ้าน ถึงกับสำลักน้ำที่กำลังกระดกดื่ม
พรืดดด!!
“แค่ก แค่ก แค่ก คุณแม่พูดว่าอะไรนะครับ” ไรวินท์ร้องถามเสียงหลง รีบคว้าทิชชูที่รุ้งนภาพี่สาวคนโตส่งให้เช็ดปากและจมูกของตัวเองจ้าละหวั่น
“เมียไงล่ะตาเรย์” รุ้งนภาตอบน้องชายคนเล็กของเธอ
“ใช่แล้ว เรย์ เมียที่หมายถึงแม่ของลูกเธอ” ราตรีพี่สาวคนรองเสริมอีกคน
“ภรรยา เมีย คนที่จะเป็นแม่ของลูกนายไงเรย์!” โรสริน พี่สาวคนที่สามเสริมอีก
“ก็แล้วมันทำไมละครับ?พรืดดด” เรย์ถามซ้ำพลางสั่งน้ำมูกใส่กระดาษทิชชู่
“นายนี่มันเข้าใจอะไรยากจังนะ สรุปก้คือคุณแม่อยากให้นายรีบหาเมียใหม่ซะที พอมีเมียก็จะได้มีลูก เมื่อนายมีลูกคุณแม่กับพวกพี่ก็จะได้อุ้มหลานชายกันเสียที เพราะงั้นรีบมีเมียซะ! นี่เป็นความต้องการของคุณแม่และพี่สาวทั้งสามคนของนาย!” โรสริน สรุปใจความสำคัญของคำพูดทั้งหมดอย่างตรงไปตรงมา
“จู่ ๆ มาเร่งรัดแบบนี้ผมก็แย่สิ ไหนจะเรื่องเมียแหม่มนั่นอีก ที่ผ่านมาคุณแม่บอกว่าไม่ชอบผู้หญิงชาวต่างชาติไม่ใช่หรือครับ” ไรวินท์ย้อนถามอีกครั้งด้วยใบหน้าสับสน
“ก็ถ้าผู้หญิงไทยมันท้องยากนัก แม่ยอมให้แกหาเมียแหม่มกลับมาสักคนก็ได้ ขอแค่ไม่ใช่คนชั่วช้าหรือมีประวัติฉาวโฉ่ นาทีนี้แม่รับได้หมด” หญิงวัยกลางคนที่ไม่ค่อยปลื้มสตรีต่างชาติยอมลดทิฐิตัวเองเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่นางคาดหวัง
“ต๊าย! นี่คุณแม่ปลดล็อคทุกสิ่งทุกอย่างแล้วนะนายเรย์ เพราะงั้นรีบมีหลานให้เราได้แล้ว” รุ้งนภาเร่งรัดน้องชายคนเล็กของตน
“โธ่! ผมเพิ่งหย่ากับพัชรีมาได้ไม่นาน นี่คิดจะให้หาเมียเข้าบ้านอีกแล้วเหรอ?!” ชายหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ ที่เพิ่งหย่าขาดจากภรรยาคนล่าสุดโวยเสียงอ่อน
“แม่เองก็ไม่ได้อยากจะกดดันแกหรอกนะตาเรย์ แต่แม่อายุเพิ่มขึ้นทุกวัน ก่อนตายแม่อยากอุ้มหลานชายสักคนให้ชื่นใจ”
“รออุ้มลูกของพวกพี่ ๆ ก็ได้นี่ครับ?” น้องเล็กโบ้ยมาที่พี่สาวทิ้งสามคนบ้าง
“เหอะ! อย่าให้แม่ต้องพูดเลยนะ อายุอานามและสังขารของพี่สาวของแกทั้งสามคน ป่านนี้มดลูกคงฟ่อกันหมดแล้ว...จะให้แม่คาดหวังอะไรได้อีก”
“คุณแม่!!!” สตรีสามใบเถาแห่งตระกูลอนันต์ไพศาลร้องเรียกมารดาเสียงสูง หน้าตาขุ่นข้องหมองใจกับถ้อยคำที่จี้ใจดำของผู้เป็นแม่
“ทำไมยะ หรือที่ฉันพูดมันไม่จริงหรือไง ยัยรุ้ง แกเป็นพี่สาวคนโตอายุอานามก็ปาไปสี่สิบกว่าอีกไม่นานก็คนหมดรอบเดือน ถึงจะเคยมีลูกสาวตั้ง 2 คน ตอนหย่ากับผัวแกก็ได้สิทธิ์ดูแลลูกดีอยู่หรอก แล้วตอนนี้เป็นไงยัยฝนกับยัยฟ้า โน่น! พวกมันย้ายไปเรียนหนังสือหนังหาอยู่ที่ต่างประเทศที่พ่อของมันทำงานอยู่นู่น นาน ๆ ทีถึงจะกลับไทยมาให้ยายเห็นหน้าสักครั้ง”
แม่ใหญ่ของบ้านต่อว่าว่าต่อขาดบุตรสาวคนโต ก่อนจะหันขวับมาต่อกันที่ลูกสาวคนรองบ้าง
“ยัยราตรีก็เหมือนกัน”
“อะไรคะคุณแม่ ราตรีไม่มีลูกที่ไปอยู่กับพ่อเหมือนพี่รุ้งซะหน่อย”
“ย่ะ! มันก็ไม่ต่างกันหรอก แกน่ะแต่งงานอยู่กินกับผัวแมงดามาตั้งสิบกว่าปี แต่กลับไม่ยอมมีลูกเพราะกลัวหุ่นพัง กลัวผัวไม่รัก เป็นไงล่ะ เดิมทีฉันหลงคิดว่าที่มันอยู่กับแกเพราะรักเงินของแกม แต่ผิดคาดพอแกไม่มีลูกให้มันา ไอ้ผัวแมงดาที่หิวเงินแต่ก็อยากมีลูก ถึงได้หนีไปมีเมียน้อย จนมาขอหย่าหลังจากที่นังเมียน้อยท้อง!”
“คุณแม่เลิกพูดถึงผู้ชายเฮงซวยนั่นสักที! หนูไม่อยากคิดถึงมันอีก ผู้ชายสารเลวคนนั้น” ราตรีแบะปากอย่างรังเกียจที่จะฟังเรื่องราวของอดีตสามีที่สร้างความเจ็บช้ำใจให้เธอ
“ย่ะ! ส่วนแกยัยโรส”
“โรสไม่มีลูกไม่มีผัว ไม่มีมลทิลให้มัวมองนี่คะ”
“อ๋อจ้า~” หัทยาเค้นเสียงหยัน “ไม่มีลูกไม่มีผัว ตัวเองยังสาวยังแส้แต่กลับไม่คิดจะมีผัวกับเขาเสียที แล้วที่นี้แม่จะได้อุ้มหลานอีกเมื่อไหร่...หรือพวกแกจะให้ฉันตรอมใจตายก่อนหรือยังไง ห๊ะ!” หัทยาฉอดลูกสาวทั้งสามอย่างขุ่นเคือง
“โธ่ คุณแม่...เรื่องแบบนี้ใช่ว่าสำคัญสำหรับโรส ชีวิตแต่งงานหรือการมีสามีไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดเลยสักนิด อยู่คนเดียวสบายใจกว่าค่ะ”
สาว Working Woman ตัวแม่ยืนยันในอุดมการณ์ของตนอย่างนักแน่น แม้วัยพ้น 36 มาแล้วแต่ก็ยังมุ่งมาดตั้งใจที่จะไม่แต่งงาน จนมารดาถึงกับกุมขมับที่ลูกสาวคนเล็กยังไม่ยอมเปลี่ยนความคิดเสียที
“ฉันอยากจะบ้าตาย” นางหัทยาตบหน้าอกตน แล้วหันไปพูดกับลูกชายคนเดียวที่เธอคาดหวังไว้สูง
“นี่ไง...เห็นรึยังตาเรย์ พี่ ๆ ของแกก็เป็นเสียแบบนี้ แล้วจะให้แม่คาดหวังเรื่องหลานชายกับใครได้อีก ยังไงซะ แกก็เป็นลูกชายคนเดียวของแม่ ครอบครัวเรามีกิจการมากมายให้ต้องดูแล ถึงตอนนี้จะมีแกกับพี่ ๆ ช่วยกันดู แต่ทายาทรุ่นต่อไปเราก็ต้องมี”
“ถ้าอย่างนั้นก็รับเลี้ยงเด็กหรือลูกญาติสักคนก็ได้นี่ครับ”
“พี่จักร ลูกอาสุชาติน้องชายพ่อก็มีลูกชายแล้วนะคะ ใช้นามสกุลอนันต์ไพศาล เหมือนกับเราด้วย ไม่ได้สูญสิ้นทายาทซะหน่อย คุณแม่โอเว่อร์เกินไปแล้ว” โรสรินแย้งอีกรอบและถูกมารดาตอบกลับทันควันเช่นเคย
“ไม่ได้! เอาลูกเขามาเลี้ยงก็เหมือนเอาเมี่ยงเขามาอม ยิ่งน่าขายน่าเสียด้วยซ้ำ มีลูกตั้งสี่คน ก็ดันไม่มีหลานชายให้อุ้ม โฮ~ พ่อของพวกแกยิ่งหัวโบราณอยู่ด้วย หลานสาวมันก็ดี แต่ถ้ามีหลานชายเพิ่มมาอีกสักคนสองคนมันก็ดีไม่น้อย ไม่งั้นถ้าแม่ตายไปก็คงไม่มีหน้าไปเจอพ่อของพวกแกแน่ ๆ”
“ใจเย็น ๆ ก่อนครับคุณแม่ เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า” ไรวินท์เอื้อมมือมาบีบมือของมารดาเพื่อปลอบโยนความรู้สึกของหญิงสูงวัยที่สะอื้นไห้
“ฮืออ เรย์ลูกแม่ ถ้าไม่อยากให้แม่ตายตาไม่หลับ แกที่อายุยังน้อยก็ต้องรีบมีหลานให้แม่อุ้ม! เข้าใจไหมเรย์! โฮ~”
หัทยาบีบน้ำตาเล่นใหญ่
โดยมีสายตาของเหล่าลูกสาวที่นั่งมองเห็นศาสตร์การแสดงของมารดาที่โอเว่อร์แอคติ่งจนดูออกว่ากำลังเล่นละครตบตาลูกชายคนโปรด
“สัญญากับแม่สิเรย์” หัทยาร้องขอ
“สัญญาอะไรครับ”
“สัญญาว่าลูกจะรีบแต่งงานใหม่ เอ่อ หรือจะไม่แต่งก็ได้ แค่ไปทำใครท้องสักคนเพื่อแม่ นะ นะ ลูกรัก”
''''''''''''