ณ โรงแรมหรูใจกลางเมืองกรุงเทพฯ
“บอกตามตรงนะคะว่านมไม่สบายใจเลยที่ช่วยคูณหนูปิดบังคุณท่านเรื่องที่แอบกลับมาเมืองไทย”
นมเรียม แม่นมของอิงครัต ซึ่งเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่ยังแบเบอะหลังจากที่สาวน้อยได้สูญเสียมารดาไปด้วยโรคหัวใจบอกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เพราะตอนนี้คุณหนูตัวน้อยที่เธอคอยดูแลมาตั้งแต่เล็กจนโตกำลังทำในสิ่งที่ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง
อิงครัตมองหญิงสูงวัยที่เธอรักและเคารพเหมือนมารดาอีกคนด้วยความรู้สึกขำปนสงสาร แต่กระนั้นก็คลี่ยิ้มอ่อนหวานประจบเหมือนอย่างที่ชอบทำเวลาต้องการจะอ้อนขออะไรจากนาง แล้วก็ได้ผลแทบจะทุกครั้งไป ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน
“ไม่สบายใจแต่นมก็ร่วมมือกับอิงปกปิดคุณพ่อมาตั้งแต่ต้นแล้วนะคะ”
ดวงตากลมโตของผู้พูดมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่วางอยู่ปลายเตียงซึ่งในนั้นมีเสื้อผ้า และของใช้จำเป็นที่เธอได้เตรียมเอาไว้ในการเดินทางต่อไปยังอำเภอเล็กๆ ห่างไกลความเจริญทางตอนเหนือของประเทศไทยที่อยู่ติดกับตะเข็บชายแดน เพื่อไปทำความรู้จักกับว่าที่เจ้าบ่าวโดยที่ไม่ให้เขารู้ตัว
“ได้โปรดช่วยอิงอีกครั้งนะคะนม อิงขอเวลาไปทำความรู้จักกับว่าที่เจ้าบ่าวก่อนที่จะเข้าพิธีวิวาห์ อย่างน้อยก็ขอให้อิงได้รู้จักนิสัยใจคอของเขาก็ยังดี”
“แต่วิธีที่คุณหนูใช้อยู่ตอนนี้ นมไม่เห็นด้วยเลยนะคะ”
นมเรียมพูดขณะเอื้อมมือมากุมมือเล็กของสาวน้อยเอาไว้พลางส่งสายตาวิงวอนให้เปลี่ยนใจ
“นมเข้าใจเหตุผลของคุณหนูดี แต่บ้านนอกกับเมืองนอกมันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะคะ นมเป็นห่วงคุณหนูไม่อยากให้คุณหนูต้องไปตกระกำลำบาก คุณหนูลองคิดทบทวนดูอีกสักครั้งดีไหมคะ เผื่อจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้”
นมเรียมอธิบายพร้อมกับให้เหตุผลยืดยาว แววตาขอร้องของหญิงสูงวัยส่งผลให้ดวงตากลมโตวูบไหวไปชั่วขณะ ทว่าเพียงครู่เดียวความมุ่งมั่นจากข้างในก็เอาชนะความรู้สึกทั้งหมด หลงเหลือแต่เพียงความตั้งใจเด็ดเดียวอย่างเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“อิงทราบค่ะว่านมรักและเป็นห่วงอิงมาก แต่อิงเคยไปเรียนที่เมืองนอกตามลำพังและที่นั่นเราจะต้องช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง นมเชื่อเถอะค่ะว่าอิงสามารถเอาตัวรอดได้ ไม่ลำบากอย่างที่นมกังวลหรอกค่ะ”
อิงครัตอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง พร้อมกับเน้นทุกประโยคด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อให้คนที่กำลังเป็นห่วงเธอได้คลายกังวล
“นะคะนม อิงแค่อยากรู้ว่าคู่หมั้นในวัยเด็กของอิงแอบซ่อนคุณนายเล็กคุณนายน้อยไว้บ้างหรือเปล่า และอีกอย่างนิสัยใจคอของเราจะเข้ากันได้ไหมก็เท่านั้นเอง”
‘นี่ขนาดอุตส่าห์ส่งจดหมายบอกว่าติดธุระอยู่ต่างประเทศ ขอร้องให้เขาช่วยพูดคุยขอเลื่อนงานแต่งกับทางผู้ใหญ่ แต่อีตานั่นกลับเลื่อนออกไปแค่เดือนเดียว…ผู้ชายอะไร ใจร้ายชะมัด!’
อิงครัตรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อคิดถึงจดหมายตอบกลับของชายหนุ่มเมื่อหลายวันก่อน
นมเรียมถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เพราะดูจากท่าทางแล้วสาวน้อยคงไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ แน่
‘คุณหนูอิงดื้อตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เปลี่ยนเลย’
“แล้วการที่คุณหนูแฝงตัวเข้าไปเป็นอาสาสมัครอยู่ในฐานปฏิบัติการควบคุมไฟป่าแบบนั้น คุณศรัณเขาจะไม่จับได้แน่เหรอคะ”
“นายอำเภอเขางานยุ่งจะตาย เขาไม่มีเวลาสนใจอาสาสมัครตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวหรอกค่ะนม”
อิงครัตพูดขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจเต็มร้อย ว่าประวัติที่เธอปลอมแปลงในการแฝงตัวเข้าไปครั้งนี้จะรอดพ้นจากสายตาอันเฉียบคมของคู่หมั้นหนุ่มอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าการไปร่วมทีมอาสาสมัครครั้งนี้จะอยู่ในการควบคุมดูแลของเขาเป็นหลักก็เถอะ
การที่อยู่ในความดูแลของอำเภอ เป็นสิ่งที่อิงครัตตัดสินใจเลือกใช้แผนการนี้ เพราะอย่างน้อยก็จะได้ทำงานร่วมกับเขา ไม่ว่าจะเป็นการประชุม หรือแม้กระทั่งพบปะอย่างห่างๆ เป็นโอกาสอันดีที่เธอจะได้เรียนรู้จักนิสัยใจคอของว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคตตามที่ได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกนั่นเอง
‘ฉันขอโทษนะคะที่ต้องใช้วิธีนี้ ฉันแค่อยากรู้จริงๆ ว่าชีวิตคู่ของเราจะไปกันรอดหรือเปล่าก็เท่านั้นเอง หวังว่าคุณจะให้อภัยในวันที่ถึงเวลาพูดความจริงนะคะ นายอำเภอศรัณ’
อิงครัตบอกกับว่าที่เจ้าบ่าวในใจ ภาวนาให้แผนการครั้งนี้ของเธอสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
“อีกอย่างนะคะนม นายอำเภอศรัณเขาจำอิงไม่ได้หรอกค่ะ”
น้ำเสียงของคนพูดเจือความรู้สึกน้อยใจโดยที่ไม่รู้ตัว
อิงครัตเชื่อว่าการหมั้นหมายในวัยเด็กของตัวเองเมื่อสิบปีก่อน ตามความต้องการของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเพื่อเชื่อมสองตระกูลให้กลายเป็นทองแผ่นเดียวกันนั้น เกิดจากการที่บิดาประเมินความสามารถของลูกสาวตัวเองต่ำเกินไป เพราะท่านอาจจะเกรงว่าเธอไม่สามารถสานธุรกิจของตระกูลต่อไปได้ เลยต้องหมั้นหมายเธอไว้กับลูกชายของเพื่อนสนิท เพื่อที่ในอนาคตเขาจะได้มาช่วยบริหารงานธุรกิจของครอบครัวเธอในฐานะลูกเขยของตระกูล
แต่ก็น่าขันที่อีกฝ่ายกลับรักในการเป็นข้าราชการ เลือกเดินบนทางที่ผู้ใหญ่ไม่ได้ขีดไว้ให้มาตั้งแต่ต้น ถึงจะเจียดเวลามาดูแลธุรกิจของครอบครัวในวันหยุดราชการบ้างแต่ก็ถือว่าไม่ได้ทุ่มเทเวลาให้กับงานของตระกูลเต็มร้อยเท่าพี่ชาย
แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่เข้าใจบิดาของตัวเองเท่าไหร่นัก เพราะถึงจะรู้ว่าศรัณเลือกเดินบนเส้นทางข้าราชการมาตั้งแต่ต้น แต่ท่านก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากยกเลิกข้อตกลงที่ทำไว้เมื่อสิบปีก่อนอยู่ดี
‘หรือว่าคุณพ่อจะมีเหตุผลที่มากกว่านั้น’
อิงครัตได้แต่ถามตัวเองในใจ แต่ก็ไม่ได้คำตอบแต่อย่างใด
“ทำไมคุณหนูถึงคิดว่าคุณศรัณจะจำคุณหนูไม่ได้ละคะ”
นมเรียมเอ่ยถามด้วยความสงสัย นางไม่เข้าใจเลยว่าทำไมสาวน้อยถึงคิดว่าคู่หมั้นหนุ่มของตัวเองจะจำเธอไม่ได้ ทั้งที่สมัยเด็กๆ สองตระกูลก็มักจะไปมาหาสู่กันเป็นประจำ และอีกอย่างสื่อสมัยนี้ก็อยู่แค่ปลายนิ้ว ดีไม่ดีอีกฝ่ายอาจจะจ้างนักสืบตามดูเธออยู่ห่างๆ ระหว่างเรียนอยู่เมืองนอกก็เป็นได้ เพราะนมเรียมเชื่อว่าศรัณให้ความสนใจกับว่าที่เจ้าสาวของตัวเองไม่น้อย สังเกตจากการถือของฝากมาเยี่ยมว่าที่พ่อตาทุกครั้งที่ได้กลับมากรุงเทพฯนั่นเอง
“ก็เพราะเราสองคนไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปีแล้วยังไงละคะ อีกอย่างตอนเป็นเด็กอิงอ้วนกลมเป็นซาลาเปาเดินได้ แตกต่างจากตอนนี้ที่เปลี่ยนไปทั้งรูปร่างหน้าตา ขนาดอิงเจอเพื่อนเก่าสมัยเรียนมอต้นด้วยกัน ยังจำอิงไม่ได้เลยค่ะ”
ดวงตากลมโตประกายแสงขึ้น ตอนบอกเล่าเรื่องราวที่บังเอิญเดินไปชนกับเพื่อนเก่าสมัยเรียนมอต้นในห้างสรรพสินค้าดังเมื่อสองวันก่อน ตอนนั้นเธอดีใจมากจึงเผลอรัวถามสารทุกสุกดิบใส่อีกฝ่ายชุดใหญ่ แต่ดูเหมือนเพื่อนเธอจะงงเป็นไก่ตาแตก จนเธอต้องแนะนำตัวอยู่นานกว่าที่เพื่อนของเธอจะจำเธอได้ และยอมพูดคุยกับเธอตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน
ในขณะเดียวกันอิงครัตเชื่อว่าตัวเองนั้นจำเขาได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากโครงหน้าของเขาตอนที่เจอเมื่อสิบปีก่อนคงไม่เปลี่ยนไปมาก เพราะตอนนั้นเขาอายุได้ยี่สิบสองปีแล้ว ต้องยอมรับว่าศรัณตอนนั้นดูหล่อเหลาราวกับเทพบุตร และเธอก็หวังว่าตอนนี้เขาจะยังคงความหล่อเหลานั้นไว้เช่นเดิม
‘แต่เดี๋ยวก่อนนะยายอิง… นี่เราแอบคาดหวังอะไรในตัวเขาอยู่เนี่ย! บ้าไปแล้ว!’
“เฮ้อ! ทำไมคุณหนูของนมถึงดื้อจังละคะ”
นมเรียมถอนหายใจพร้อมมองสาวน้อยด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ทำให้คนที่อยู่ในภวังค์หลุดจากห้วงความคิดและหันกลับมาให้ความสนใจกับแม่นมที่นั่งอยู่ด้วยกันบนเตียง
“นมอย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ เห็นแล้วอิงไม่สบายใจเลย”
“ก็นมเป็นห่วงคุณหนูจริงๆ นี่คะ”
นมเรียมบอกด้วยน้ำเสียงเครียด ไม่ต่างจากริ้วรอยแห่งความกังวลที่ฉายชัดบนใบหน้าที่เริ่มเหี่ยวย่น ทำเอาคุณหนูจอมดื้อถึงกับต้องดึงมือของอีกฝ่ายมาบีบเบาๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจ
“อิงบอกแล้วไงคะว่าอิงดูแลตัวเองได้ นมไม่ต้องเป็นห่วงนะคะและเพื่อความสบายใจของนม อิงขอให้สัญญาว่าจะโทรหานมทุกวันเลยดีไหมคะ”
สาวน้อยเจ้าแผนการ ให้คำมั่นสัญญากับแม่นมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ส่งผลให้หญิงสูงวัยต้องคิดหนัก เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงเสียก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจเธอได้อยู่ดี และในที่สุดนางก็จำใจต้องเอ่ยขึ้น
“ถ้าคุณหนูยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนใจ นมก็คงห้ามอะไรไม่ได้ ถ้ายังไงก็อย่าลืมโทรหานมทุกวันตามที่สัญญาไว้ด้วยนะ”
“ค่ะนม! ขอบคุณมากนะคะ อิงรักนมเรียมที่สุด!”
พูดจบก็โผล่เข้ากอดแม่นมด้วยความดีใจสุดขีด แว่บหนึ่งก็รู้สึกใจหายไม่น้อยที่จะต้องจากนางไปอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งกลับมาเจอกันได้เพียงไม่กี่วัน แต่ทำยังไงได้ในเมื่อเธอ ‘เลือกแล้วก็ต้องไปให้สุด’ นี่แหละคติประจำใจของอิงครัต
…………………………………………………...