บทที่ 1 : คนเจ้าแผนการ (1)

1291 คำ
ถึงนายอำเภอ ศรัณ ดิเรกสกุล ดิฉันนางสาวอิงครัต วรธนัน คู่หมั้นหมายในวัยเด็กตามเอกสารสัญญาข้อตกลงระหว่างนายไววิทธิ์ ดิเรกสกุล และนายบุญชัย วรธนัน บิดาของเราทั้งสองคนที่ลงนามร่วมกันเมื่อสิบปีก่อน ว่าด้วยเรื่องการเข้าพิธีแต่งงานและจดทะเบียนสมรสเป็นคู่สามีภรรยากันทันที หลังจากที่ดิฉันเรียนจบมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรี ซึ่งตอนนี้ได้เวลาตามที่ข้อตกลงกำหนดไว้แล้ว แต่เนื่องจากดิฉันยังติดธุระอยู่ต่างประเทศ จึงไม่สามารถเดินทางกลับมาเข้าพิธีตามเวลาที่กำหนดไว้ได้ ดิฉันจึงอยากจะขอให้นายอำเภอศรัณช่วยเป็นตัวกลางในการเจรจากับทางผู้ใหญ่ให้เลื่อนพิธีแต่งงานออกไปอย่างไม่มีกำหนด หากดิฉันเสร็จธุระแล้ว จะกลับมาเข้าพิธีแต่งงานพร้อมจดทะเบียนสมรสกับนายอำเภอศรัณ ดิเรกสกุล โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่านายอำเภอ ศรัณ ดิเรกสกุล จะเข้าใจ และให้ความร่วมมือตามที่ได้ระบุไว้ข้างต้น ขอบคุณค่ะ ศรัณอ่านข้อความที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กึ่งทางการของคู่หมั้นสาววัยเด็ก ที่ส่งมาทางช่องทางส่วนตัว ตั้งแต่ตัวอักษรแรกจนกระทั่งถึงตัวอักษรสุดท้ายอย่างใจเย็น ดวงตาคมกริบสีดำสนิทไม่ได้ละเว้นแม้แต่ตัวอักษรเดียวราวกับต้องการทำความเข้าใจกับทุกถ้อยคำให้กระจ่าง วนซ้ำไม่ต่ำกว่าสิบรอบตั้งแต่ได้รับจดหมายฉบับนี้จากเธอเมื่อสองวันก่อน บรรยากาศภายในห้องทำงานสี่เหลี่ยมเล็กๆ ของนายอำเภอหนุ่มวัยสามสิบสองปีตกอยู่ในความเงียบสงัด ทั้งที่ภายในห้องมีเทิดไทมือขวาคนสนิทซึ่งถูกเขาเรียกตัวมาจากรุงเทพฯด่วน เพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญบางอย่าง หลายนาทีผ่านไปใบหน้าหล่อเหลาทรงเสน่ห์ของนายอำเภอหนุ่มยังคงเรียบขรึมไม่แสดงออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน เช่นเดียวกับนัยน์ตาคมกริบสีดำสนิทนิ่งคู่นั้นที่ยากแก่การคาดเดาความคิดของเขาได้ แต่แล้วครู่ต่อมาเสียงถอนหายใจอย่างหนักหน่วงของนายอำเภอหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องก็ทำลายความเงียบ นั่นเลยทำให้เทิดไทซึ่งรอจังหวะอยู่นาน ตัดสินใจเอ่ยถามขึ้นมา “คุณอิงว่ายังไงบ้างครับท่าน” ที่ถามไปแบบนั้นเพราะอิงครัตส่งจดหมายผ่านทางอีเมลให้กับเจ้านายหนุ่มโดยตรง เทิดไทเลยไม่ทราบใจความสำคัญในจดหมายที่เธอส่งมา และถ้าเดาไม่ผิดเรื่องที่เขาถูกเรียกตัวมาด่วนก็คงจะเป็นเรื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย “เธอบอกว่าติดธุระอยู่ที่ต่างประเทศ ยังกลับมาไม่ได้ เลยขอให้ฉันเป็นฝ่ายเจรจาเลื่อนงานแต่งกับทางผู้ใหญ่ออกไปอย่างไม่มีกำหนด” เสียงทุ้มต่ำบอกกับมือขวาคนสนิทด้วยท่าทางใจเย็น ทว่าไม่มีใครรู้เลยว่าภายในนั้นกลับร้อนระอุเป็นไฟแทบจะระเบิดสิ่งรอบข้างให้กลายเป็นจุณ “แล้วท่านจะทำตามที่เธอขอไหมครับ” “อืม… แต่จะขอเลื่อนงานแต่งออกไปแค่เดือนเดียว หากครบหนึ่งเดือนแล้วฉันจะเดินทางกลับกรุงเทพ เพื่อเข้าพิธีแต่งงานกับเธอทันที โดยไม่มีการต่อรองใดใดทั้งสิ้น” น้ำเสียงเฉียบขาดและทรงอำนาจตามแบบฉบับผู้นำที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ทั้งการเป็นผู้นำในฐานะผู้บริหารธุรกิจหนุ่มไฟแรงในตำแหน่งรองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูล และอีกหนึ่งฐานะสำคัญนั่นก็คือการเป็นผู้นำในตำแหน่งนายอำเภอตามอาชีพที่ตนใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆ ที่มักจะออกคำสั่งอย่างไม่ลังเล ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน “อ้าว! ก็ท่านบอกว่าคุณหนูอิงยังติดธุระอยู่ที่เมืองนอกไม่ใช่เหรอครับ ถ้าเกิดครบเดือนแล้วคุณหนูยังไม่กลับมา งานแต่งจะจัดขึ้นได้ยังไงละครับ” เทิดไทย้อนถามอย่างไม่เข้าใจ เพราะเจ้านายเพิ่งจะบอกกับเขาไปว่าคู่หมั้นสาวขอให้จัดการเลื่อนงานแต่งออกไปอย่างไม่มีกำหนดเพราะเธอยังติดธุระอยู่ต่างประเทศ แต่แล้วก็ได้รับความกระจ่างในเวลาต่อมา “แต่เท่าที่ฉันทราบ เธอกลับมาเมืองไทยได้เกือบสัปดาห์แล้ว” เสียงทุ้มต่ำดังลอดไรฟัน ชนิดที่ทำให้คนใกล้ตัวรู้ได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เห็นปฏิกิริยาที่บ่งบอกถึงอารมณ์ขุ่นมัวของเจ้านายแล้ว เทิดไทก็รีบใช้เหตุผลแก้ต่างให้หญิงสาวเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ “คุณหนูอิงเพิ่งเรียนจบและเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เธอคงอยากจะปรับตัวอีกสักพักนะครับท่าน” “หึ! ปรับตัวหรือต้องการยืดเวลาอยู่กับไอ้ฝรั่งหัวทองนั่นกันแน่” เสียงทุ้มห้วนสวนกลับทันควัน คิ้วดกเข้มสีดำของชายหนุ่มเลิกขึ้นสูงขณะสบตากับคู่สนทนา ก่อนจะบอกกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบ “ที่ฉันอดทนปล่อยให้เธอควงหนุ่มฝรั่งระหว่างเรียนอยู่เมืองนอกนานถึงสี่ปีก็บุญเท่าไหร่แล้ว” คนถูกมองถึงกับเผลอกลืนน้ำลายคงคออย่างฝืดเคือง ใครๆ ต่างก็ทราบกันดีว่าทายาทคนเล็กของ ดิเรกสกุล เด็ดขาดแค่ไหน หากตัดสินใจและต้องการอะไรแล้วก็จะต้องได้ แม้แต่ผู้เป็นบิดาก็ไม่สามารถห้ามปรามได้ สังเกตจากเส้นทางชีวิตที่ไม่ยอมให้ผู้ใหญ่ขีดเส้นให้เดิน โดยเฉพาะเส้นทางอาชีพข้าราชการที่ตัวเองรักและใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆ ส่วนเรื่องคู่หมั้นหมายในวัยเด็กก็เช่นกัน หากไม่เป็นความต้องการของเขาแล้วก็คงไม่มีใครบังคับได้ หรือถ้าจะพูดให้ถูก เขาเป็นคนเรียกร้องให้บิดาร่างสัญญาจับจองเธอเอาไว้ให้ตั้งแต่ทีแรก ซึ่งในตอนนั้นอิงครัตยังเด็กเกินไป เธอคงไม่ได้คิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เหมือนหนุ่มสาวทั่วไป แต่เมื่อข้อตกลงถูกร่างเป็นสัญญาอย่างชัดเจน เธอก็คงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ นอกจากทำตามที่ผู้ใหญ่ได้จัดการให้เท่านั้น เมื่อคิดถึงตอนนี้ จู่ๆ เทิดไทก็นึกเป็นห่วงสาวน้อยคู่หมั้นของเจ้านายขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ “เธออาจจะเป็นแค่เพื่อนกันก็ได้นะครับท่าน” เทิดไทช่วยแก้ต่างให้อีกฝ่าย เพราะหากยังไม่ทราบความจริงจากปากของหญิงสาวก็ถือว่าเธอยังบริสุทธิ์ ไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด ทว่าเจ้านายหนุ่มไม่ได้คิดแบบนั้น “แล้วการที่เธอส่งจดหมายมาโกหกว่าเธอยังติดธุระอยู่ต่างประเทศ ทั้งที่เดินทางกลับมาเมืองไทยได้เป็นสัปดาห์ นายคิดว่ายังไงล่ะ” ‘ยายตัวแสบ!’ ศรัณคำรามอยู่ในใจ เพราะเขารู้จักกับเธอมาตั้งแต่เด็กๆ เนื่องจากสองตระกูลสนิทกัน และเขายังรู้อีกว่าเธอนั้นแสบแค่ไหน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดคุยกับเธอมานานหลายปีแล้วก็ตาม “เธออาจจะมีแผนการอะไรบางอย่าง ที่เราไม่ทราบก็ได้นะครับ” ใบหน้าหล่อเหลาของศรัณพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะออกคำสั่งกับมือขวาคนสนิทด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “นายช่วยจัดการคุยกับผู้ใหญ่แทนฉันที ส่วนเรื่องเหตุผลที่เธอต้องโกหก และเรื่องทำให้เธอยอมตกลงแต่งงานภายในหนึ่งเดือนฉันจะจัดการเอง” “ครับท่าน แล้วผมจะรีบกลับกรุงเทพฯไปดำเนินการให้ครับ” เทิดไทรับคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พร้อมที่จะปฏิบัติตามอย่างไม่มีเงื่อนไข เช่นเดียวกับทุกครั้งที่ได้รับมอบหมายงานจากเจ้านาย …………………………….………..
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม