สิบนาทีต่อมา…
ร่างอรชรในชุดเดรสลายลูกไม้สีหวาน สั้นเหนือเข่า ก้าวออกมาจากห้องนอน ก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวใหญ่ที่นั่งรอเธออยู่บนโซฟาห้องโถง
“ฉันพร้อมแล้วค่ะนายอำเภอ”
เสียงหวานใสเรียกสติคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจดูข่าวในจอโทรทัศน์ด้วยท่าทางกระปี้กระเป่า ใบหน้างามเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม บ่งบอกชัดว่าเธอพร้อมแล้วจริงๆ ศรัณค่อยๆ หันมามองก่อนจะขมวดคิ้วยุ่งพลางเอ่ยถาม
“คุณแน่ใจแล้วเหรอที่จะใส่ชุดนี้ไปตลาดกับผม”
“ทำไมเหรอคะ ชุดนี้ก็สวยดีออก”
อิงครัตย้อนถามอย่างไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่าย พร้อมกับก้มลงมองชุดที่ตัวเองเลือกมาสวมใส่ ที่ดูแล้วก็ไม่ได้โป๊หรือดูไม่ดีตรงไหน
“ผมให้เวลาสองนาทีกลับไปเปลี่ยนชุดใหม่ซะ เอาเป็นกางเกงขายาวน่าจะดี”
เขาไม่ตอบ แต่กลับออกคำสั่งกับเธอแทน ใบหน้างามที่ระบายไปด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ต้องหุบลงทันที ดวงตากลมโตจ้องคนตัวใหญ่ด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อถูกออกคำสั่งครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่เธอมาเหยียบผาตะวัน
‘คิดว่าตัวเองเป็นนายอำเภอแล้วจะออกคำสั่งกับใครก็ได้งั้นสิ ที่ฉันยอมมาตลอดก็เพราะไม่อยากมีปัญหาหรอกนะ แต่ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมอีกเป็นอันขาด!’
“ฉันไม่เปลี่ยนค่ะ จะใส่ชุดนี้ไปตลาด”
อิงครัตบอกพร้อมจ้องดวงตาคมกริบอย่างท้าทาย มือเล็กยกขึ้นมากอดอกด้วยท่าทางหัวแข็งไม่ยอมอ่อนให้เหมือนอย่างเช่นเคย ส่งผลให้ชายหนุ่มต้องหรี่ตาแคบลงด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองใจเล็กน้อยพลางเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ไม่ไปเปลี่ยนงั้นเหรอ”
“ค่ะ! ไม่เปลี่ยน”
เสียงหวานยืนยันความตั้งใจหนักแน่น จนเขาต้องส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจกับความดื้อรั้นของเจ้าหล่อนที่ดูเหมือนจะไม่มีใครเกิน
“ก็ได้ งั้นก็ไปชุดนี้แหละ”
พูดจบศรัณก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวยาวๆ ตรงไปที่ประตู ส่งผลให้สาวน้อยต้องกระตุกยิ้มอย่างพอใจ เพราะในที่สุดเธอก็สามารถเอาชนะเขาได้เป็นครั้งแรก เธอเดินตามร่างสูงสง่าออกมาจากบ้าน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้ยืนรออยู่ตรงหน้าบ้านระหว่างที่เขาไปเอารถจากโรงจอดรถที่อยู่ถัดไปอีกไม่ไกลนัก
แต่เมื่อรถมาจอดลงตรงหน้า อิงครัตถึงกับต้องอ้าปากเหวอด้วยความตกใจปนคาดไม่ถึง
“มีปัญหาอะไรอีกงั้นเหรอครับ…คุณนาย”
ศรัณเลิกคิ้วถามกวนๆ เมื่อเห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของอีกฝ่าย ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอกำลังรู้สึกอึดอัดที่จะต้องมานั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์เขาแถมยังเป็นชุดกระโปรงอีกด้วย
‘ช่วยไม่ได้ ก็อยากดื้อเองนี่!’
“นายอำเภอจะเอารถคันนี้ไปจริงๆ เหรอคะ”
สาวน้อยเอ่ยถามเสียงเบา ทีแรกเธอเข้าใจว่าเขาจะไปด้วยรถยนต์แต่ที่ไหนได้กลับเอามอเตอร์ไซค์ไปเนี่ยนะ ถ้าเขาจะกรุณาบอกเธอสักนิดเธอก็คงยอมไปเปลี่ยนชุดอย่างง่ายดายตั้งแต่ทีแรกแล้ว ไม่เสียเวลายืนต่อปากต่อคำกับเขาเป็นนานสองนานหรอก
“ใช่! รถคันอื่นเป็นของราชการ แต่รถคันนี้เป็นรถส่วนตัว ไปตลาดไม่ใช่ไปราชการก็ต้องขี่คันนี้แหละ”
เสียงทุ้มตอบกลับมาอย่างหนักแน่น บ่งบอกชัดว่าเขาจะไม่ยอมเปลี่ยนรถเป็นคันอื่นเป็นอันขาด!
‘ให้มันรู้ไปสิว่าคนรวยระดับนายอำเภอศรัณจะไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง’
อิงครัตเถียงในใจด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจ เพราะเธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเขาจะไม่มีรถยนต์ นอกเสียจากว่าเขาอยากจะแกล้งเธอก็เท่านั้น
“ขึ้นรถสิ! มัวรออะไรอยู่”
เสียงดุๆ ออกคำสั่งขณะที่อิงครัตทําท่าเลิ่กลั่ก เพราะดูจากชุดตัวเองตอนนี้คงไม่เหมาะที่จะนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์สักเท่าไหร่ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรข้อมือเล็กก็ถูกดึงเข้าไปหาคนตัวใหญ่ ก่อนที่เขาจะจัดการสวมหมวกกันน็อกซึ่งพอดีกับศีรษะเธอแป๊ะ เสร็จแล้วก็ออกคำสั่งด้วยเสียงเรียบขรึมอีกครั้ง
“ขึ้นมาเร็ว สายแล้ว”
ดูเหมือนคราวนี้สาวน้อยจะปฏิเสธไม่ได้เสียแล้ว เพราะใบหน้าหล่อเหลาและน้ำเสียงเรียบๆ บ่งบอกชัดว่าเขาไม่มีอารมณ์จะมาต่อล้อต่อเถียงกับเธอ อิงครัตเลยต้องทำตามอย่างว่าง่าย
“ถ้าไม่อยากกลิ้งตกเขา ก็กอดเอวผมไว้แน่นๆ”
ประโยคที่ได้ยินทำเอาสาวน้อยต้องเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง เธอไม่ได้กลัวจะกลิ้งตกเขา แต่กำลังตกใจที่จู่ๆ เขาก็ให้เธอกอดเอวเขาไว้แน่นๆ ต่างหาก
แต่กระนั้นก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากเมื่อมอเตอร์ไซค์คันเล็กพุ่งออกตัวอย่างกะทันหัน ส่งผลให้แขนเล็กต้องรีบโอบรัดเอวคนขับไว้แน่นด้วยความตกใจ แต่เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอของอีกฝ่ายก็รู้ได้ในทันทีว่าตัวเองกำลังโดนแกล้ง
อิงครัตอยากจะทุบกำปั้นลงบนหลังกว้างแรงๆ เพื่อระบายแค้น แต่ก็ทำได้เพียงนั่งกัดปากแน่นอย่างเงียบๆ ด้วยความเจ็บใจ เพราะรู้ตัวดีว่ายังไงเสียเธอก็สู้คนร้อยเล่ห์อย่างเขาไม่ได้อยู่ดี
………………………………………..