บทที่ 3 : ว่าที่คุณนาย (3)

1759 คำ
“คุณแน่ใจใช่ไหมว่านี่เป็นอาหารเย็นของเราวันนี้” เสียงทุ้มเรียบเอ่ยถามพลางมองชามตรงหน้าด้วยความรู้สึกอึ้ง ปนทึ่ง เพราะไม่คิดว่าคู่หมั้นสาวจะเตรียมอาหารเย็นด้วยเมนูนี้ “พี่พรบอกว่านายอำเภอทานง่าย ดิฉันก็เลยต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปให้ทาน” สาวน้อยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ไม่ได้ตั้งใจจะกวนอารมณ์หรือประชดเขาแต่อย่างใด เพราะเมนูที่เธอทำถือว่าง่ายสุดเท่าที่เคยทำมาแล้ว “อือ!” นายอำเภอหนุ่มได้แต่ส่งเสียงครางในลำคอเท่านั้น เพราะหมดคำบรรยาย ส่วนคนที่กำลังนั่งมองปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ถึงกับต้องเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง พร้อมกับสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “พอดี…ฉันรู้สึกเพลียมากเลยเผลอหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงรถนายอำเภอเข้ามาจอดแล้ว ฉันก็เลยรีบลุกมาทำอาหารให้ และนี่ก็เป็นเมนูที่ง่ายและเร็วที่สุดแล้วค่ะ” ได้ฟังคำอธิบายของว่าที่คุณนายของตัวเอง ศรัณถึงกับโกรธไม่ลง เพราะเป็นความผิดของเขาเองที่ใช้ให้คนที่เดินทางมาเหนื่อยๆ ทำกับข้าว ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นจากชามบะหมี่ พร้อมกับมองใบหน้างดงามนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง “ผมทานอะไรก็ได้ไม่มีปัญหา ว่าแต่คุณเถอะอยากได้กับข้าวอย่างอื่นเพิ่มไหม” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม แตกต่างจากตอนแรกที่อยู่ในห้องประชุมลิบลับ ส่งผลให้หัวใจดวงน้อยอุ่นวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก บวกกับเรื่องราวที่ได้ฟังมาจากพรสุดาเมื่อตอนเย็น ทำให้ความเกรงกลัวเขาในทีแรกลดเลือนหายไป แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีๆ แทน “นายอำเภอจะพาไปทานอาหารในร้านเหรอคะ” สาวน้อยโพล่งถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ใบหน้างามระบายยิ้มกว้างอย่างลืมตัว แต่เพียงไม่นานรอยยิ้มหวานๆ ก็ต้องหุบลงแทบจะทันที “เปล่า” “อ้าว!” “ถึงแม้เราจะอยู่ในตัวอำเภอและมีไฟฟ้าใช้ แต่พอตะวันตกดินที่นี่ก็เงียบสงบราวกับเป็นเมืองร้าง ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะอำเภอผาตะวันตั้งอยู่กลางหุบเขาที่ความเจริญยังเข้าไม่ถึงมาก ฉะนั้นไม่มีร้านอาหารร้านไหนเปิดเกินสองทุ่มหรอกนะคุณ” นายอำเภอหนุ่มอธิบายให้สาวน้อยเมืองกรุงฟังอย่างใจเย็น อันที่จริงยังมีอีกหลายเรื่องที่เธอยังต้องเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตและบริบทของคนที่นี่ พร้อมๆ กับปรับตัว “แล้วนายอำเภอจะถามทำไมละคะ” สาวน้อยเสียงอ่อยรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก “ที่ถามก็เพราะจะได้เจียวไข่ให้กินไง เป็นเมนูเดียวที่ผมทำเป็น” ได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายแล้วสาวน้อยก็ต้องเผลอระบายยิ้มอ่อนอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเอ็นดู ‘ขนาดทำเป็นอยู่เมนูเดียวก็ยังอุตส่าห์จะทำให้กิน’ ทว่า…พอได้สบประสานกับนัยน์ตาคมกริบคู่นั้น หัวใจดวงน้อยก็เต้นโครมครามขึ้นมาจนต้องรีบก้มหน้าตักบะหมี่เข้าปากเพื่อหลบสายตาชวนหวั่นไหว พลางเอ่ยเสียงเบา “ไม่ต้องหรอกค่ะ นายอำเภอทานยังไงฉันก็ทานแบบนั้น” “เลี้ยงง่ายดีนี่” ชายหนุ่มว่าแล้วระบายยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะก้มลงตักบะหมี่เข้าปากตามอีกคน …………………………………………….… หลังจากอาหารเย็นผ่านพ้นไปอิงครัตก็นำเสื้อผ้าข้าวของจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาเก็บเข้าตู้ ซึ้งทั้งหมดก็กินเวลานานเกือบครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็พาร่างอรชรเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำชำระร่างกายให้สดชื่น แล้วก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมชุดนอนสายเดียวสีขาวเนื้อผ้าบางเบาให้ความรู้สึกสบายตอนสวมใส่นอน สาวน้อยหย่อนสะโพกงอนงามลงบนเก้าอี้หน้ากระจก เพื่อทาโลชั่นบำรุงผิวและใบหน้าด้วยครีมยี่ห้อดังเช่นทุกคืนก่อนเข้านอน กระทั่งเวลาล่วงเลยไปเกือบสิบนาทีจึงย้ายร่างจากเก้าอี้หน้ากระจกมาที่เตียงนอนเล็กๆ แคบๆ กลางห้องสี่เหลี่ยม ถึงแม้การเดินทางจะทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าและอยากพักผ่อนมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาแม่นมตามที่ได้สัญญาเอาไว้ ว่าจะโทรหานางทุกวัน และเวลานี้ก็เห็นจะเหมาะที่สุดแล้ว “คุณหนูพูดจริงๆ เหรอคะ” น้ำเสียงนมเรียมที่เอ่ยถามหญิงสาวเต็มไปด้วยความตื่นเต้นหลังจากที่สาวน้อยได้เล่าถึงเหตุการณ์วันนี้ให้ฟัง “ค่ะนม ตอนนี้อิงได้พักบ้านเดียวกับนายอำเภอ ได้ใกล้ชิดตามแผนที่วางไว้เลยค่ะ” อิงครัตบอกกับแม่นมที่อยู่ปลายสาย ขณะที่เอนหลังลงกับหมอนใบใหญ่บนเตียงในท่าทางสบายๆ “แล้วเป็นยังไงบ้างละคะ ตอนนี้ไขข้อสงสัยเรื่องไหนไปบ้างแล้ว” นมเรียมอดที่จะเอ่ยถามอีกฝ่ายไม่ได้ แอบรู้สึกผิดที่มีเรื่องปิดบังสาวน้อยอยู่ แต่ที่นางทำไปทั้งหมดก็เพราะความหวังดี ไม่อยากให้สาวน้อยไปตกระกำลำบาก ซึ่งดูเหมือนศรัณจะรักษาสัญญา คือเหน็บสาวน้อยไว้ข้างกายเพื่อดูแลให้ความช่วยเหลือเธออย่างใกล้ชิด “ไม่รู้สิคะนม อิงได้รับข้อมูลจากเลขาของเขาเลยดูเหมือนนายอำเภอดีไปเสียทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องการเป็นที่รักของชาวบ้านอำเภอผาตะวัน และไหนจะไม่มีเรื่องชู้สาวอีก แต่อิงก็ยังไม่กล้าปักใจเชื่อร้อยเปอร์เซ็นหรอกนะคะ เพราะนายอำเภอเขาหล่อเหลาขนาดนั้นก็ต้องมีเรื่องคุณนายเล็ก คุณนายน้อยเข้ามาบ้างละ” “ไม่หรอกค่ะคุณหนู ตัวจริงของคุณศรัณดูน่าเชื่อถือออก คงไม่ทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงต่อชื่อเสียงแบบนั้นหรอกค่ะ” นมเรียมช่วยแก้ต่าง ขณะเดียวกันใบหน้าที่เริ่มเหยี่ยวย่นยิ้มปริ่มเมื่อคิดถึงความสุภาพ อ่อนน้อม และเป็นการเองของชายหนุ่มครั้งที่แวะมาเยี่ยมว่าที่พ่อตาตอนที่สาวน้อยไปเรียนอยู่เมืองนอก นายอำเภอหนุ่มหล่อมักจะนำของฝากจากดอยมาให้ทุกครั้ง และที่สำคัญไม่ลืมของฝากในส่วนของคนรับใช้ในบ้านคนอื่นๆ ด้วย ส่วนของฝากที่นางได้รับส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นชุดชนเผ่าสีสันแปลกตาแต่สวยงามสื่อถึงมนต์เสน่ห์แห่งขุนเขาได้อย่างลึกซึ้ง “ยังไม่ทันไรนมก็ย้ายข้างไปอยู่ฝั่งนายอำเภอแล้วเหรอคะ” อิงครัตแกล้งทำเสียงน้อยอกน้อยใจ เมื่อแม่นมเข้าข้างอีกฝ่ายแทนที่จะอยู่ข้างเธอ “นมเปล่าย้ายข้างนะคะคุณหนู นมก็แค่พูดไปตามที่นมเห็น คุณหนูอย่าลืมสิคะว่าที่ผ่านมาคุณท่านมักจะเลือกแต่สิ่งดีๆ ให้กับคุณหนู และนมเชื่อว่าคุณท่านต้องมั่นใจในตัวคุณศรัณอยู่ไม่น้อย ไม่งั้นคงไม่ยอมยกคุณหนูอิงให้หรอกค่ะ” คำพูดของนมเรียมทำให้เธอนึกถึงสิ่งที่บิดาได้บอกกับเธอเสมอทุกครั้งที่ได้โทรคุยกัน “อิงจำเอาไว้นะลูก พ่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้อิงเสมอ และทุกสิ่งที่พ่อเลือกให้ล้วนเกิดจากความรักความห่วงใย ถ้าอิงเชื่อพ่อ ชีวิตของลูกก็จะมีแต่ความสุขความเจริญ” ทุกครั้งที่มีโอกาสบิดามักจะหาทางเกลี้ยกล่อมให้เธอลองเปิดใจให้ว่าที่คู่หมั้นที่ท่านได้คัดสรรมากับมือ แต่ก็ไม่มีสักครั้งที่อิงครัตจะไม่แอบเถียงในใจ ‘แต่เรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้นะคะคุณพ่อ ขอให้อิงได้พิสูจน์ด้วยใจตัวเองเถอะ’ ถึงจะค้านหัวชนฝาแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา เพราะสิ่งที่เธอตอบกลับบิดาก็จะต้องเป็นคำว่า… “ค่ะคุณพ่อ…อิงเชื่อคุณพ่อค่ะ” “ดีมากลูกรัก” และนี่จึงเป็นสาเหตุที่เธอต้องแอบหนีกลับมาเมืองไทยโดยที่ไม่บอกให้ท่านทราบล่วงหน้า เพราะเธอจะได้มีเวลาลองพิสูจน์หัวใจตัวเองก่อนที่จะต้องเข้าประตูวิวาห์กับคู่หมั้นวัยเด็กอย่างไม่มีทางเลี่ยงได้ “ไม่เอาแล้วอิงไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว คุยเรื่องของเราดีกว่า นมรู้ไหมคะว่าตอนนี้อิงคิดถึงนมที่สุดเลย” อิงครัตเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากจะคุยเรื่องที่ชวนปวดสมองอีก ซึ่งนมเรียมก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะนางรู้อยู่แล้วว่าสาวน้อยไม่ค่อยมีความอดทนเกี่ยวกับการพูดถึงคนอื่นสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับว่าที่เจ้าบ่าว “คิดถึงก็รีบกลับมาหาสิคะคุณหนู” “รีบกลับได้ไงละคะ…อิงเพิ่งจะมาถึงเองนะคะ” “ถ้าอย่างนั้นนมขอให้คุณหนูได้รู้ใจตัวเองก่อนเข้าประตูวิวาห์ และกลับมาอย่างปลอดภัยนะคะ” คำอวยของแม่นม ทำให้สาวน้อยน้ำตารื้นขึ้นด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ เพราะคงไม่มีใครเข้าใจเธอและให้โอกาสเหมือนแม่นมผู้แสนดีของเธออีกแล้ว ตั้งแต่เสียมารดาไปในวัยเด็กด้วยโรคหัวใจ ก็มีแต่แม่นมนี่แหละที่คอยให้ความรักความอบอุ่นและเป็นที่ปรึกษาให้กับเธอแทนมารดา แม้หลายครั้งเธอจะทำตัวไม่น่ารักไปบ้าง แต่กระนั้นนมเรียมก็ไม่เคยดุด่า หรือพูดทำร้ายจิตใจ ตรงกันข้ามกลับให้กำลังใจเธอเสมอมา “ขอบคุณค่ะนม เสร็จธุระแล้วอิงจะกลับไปหานะคะ” “ค่ะคุณหนู อยู่ที่โน้นอากาศไม่เหมือนกรุงเทพฯดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะคะ” “อิงทราบแล้วค่ะนม อิงสัญญาว่าจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี นมไม่ต้องห่วงนะ” อิงครัตให้คำหมั้นสัญญากับคนทางปลายสาย เพื่อให้นางคลายกังวล “ค่ะ คุณหนู!” ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องนอนของสาวน้อยดังขึ้นสองสามที ทำให้คิ้วโค้งงามต้องเลิกขึ้นสูง ก่อนจะเอ่ยกับคนทางปลายสาย “อิงขอวางสายก่อนนะคะนม พอดีมีคนมาเคาะประตู ไม่รู้ว่าใช่นายอำเภอหรือเปล่า” “ค่ะคุณหนู พรุ่งนี้ก็อย่าลืมโทรหานมอีกนะคะ” “ค่ะนม รักนมนะคะ…บาย” พูดจบก็กดตัดสาย รีบลุกจากเตียงเพื่อเดินมาเปิดประตู และก็เป็นอย่างที่คาดไว้ เมื่อร่างสูงสง่าปรากฏอยู่หน้าห้องจริง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม