ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงที่ดังขึ้นหน้าประตูห้องประชุม ทำให้สองหนุ่มสาวที่เพิ่งจะตกลงกันลงตัว หันไปมองพร้อมกันก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออก ตามมาด้วยร่างอวบอ้วนของพรสุดาเลขาสาวหน้าห้องของนายอำเภอหนุ่ม
“ขออนุญาตค่ะนายอำเภอ คุณบัวรินมาขอพบตอนนี้เธอรออยู่ที่ห้องนายแล้วค่ะ”
นายอำเภอหนุ่มพยักหน้าเบาๆ รับทราบการรายงาน ก่อนจะเอ่ยแนะนำเลขาหน้าห้องให้สาวน้อยได้รู้จัก
“นี่คือคุณพรสุดาเลขาหน้าห้องของผม นอกจากเรื่องงานแล้วเธอยังคอยช่วยดูแลในเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น ซักผ้า รีดผ้า ทำกับข้าว รวมทั้งดูแลความเรียบร้อยภายในบ้านพัก เพราะฉะนั้นระหว่างที่คุณอยู่ที่นี่ถ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรก็บอกเธอได้เลย”
การแนะนำร่ายยาวที่ละเอียดยิบของเขาทำให้อิงครัตรู้สึกแอบทึ่งในตัวเลขาสาวหน้าห้องอยู่ไม่น้อย ดูเหมือนหน้าที่ของเจ้าหล่อนจะหนักหนาเอาการอยู่ เพราะหลังจากเลิกงานแล้วเธอยังต้องเสียสละเวลาส่วนตัวมาจัดการทุกอย่างให้กับนายอำเภอซึ่งหน้าที่ของเธอไม่ต่างจากเป็นแม่บ้านส่วนตัวเลยสักนิด
“สวัสดีค่ะพี่พรสุดา ยังไงอิงขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
อิงครัตยกมือไหว้พร้อมกล่าวทักทายด้วยเสียงหวาน ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วเลขาร่างอวบก็คงเป็นรุ่นพี่ของเธออยู่หลายปี ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มทักทายตอบอย่างเป็นมิตร
“ด้วยความยินดีค่ะน้องอิง”
ที่พรสุดาถือวิสาสะเรียกเธอด้วยชื่อเล่นอย่างสนิทสนมก็เพราะอีกฝ่ายเพิ่งจะแทนตัวเองว่าอิงไป จึงไม่จำเป็นต้องรอให้นายอำเภอเป็นคนแนะนำชื่อเล่นของเธอเสียก่อน และอีกอย่างเธอก็รู้สึกถูกชะตากับสาวน้อยคนนี้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็นอย่างบอกไม่ถูก
ทางด้านนายอำเภอหนุ่มเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนรู้จักชื่อกันแล้ว ก็ไม่คิดจะแนะนำอีกฝ่ายซ้ำ แต่กลับสั่งงานกับเลขาแทน
“นี่ก็ได้เวลาเลิกงานแล้ว รบกวนคุณพรสุดาพาคุณอิงไปเก็บกระเป๋าที่บ้านพักผมก่อน ไว้ผมเสร็จธุระแล้วจะตามไป”
“ได้ค่ะนาย”
ดูเหมือนสิ่งที่พรสุดาสงสัยมานานจะได้รับความกระจ่างก็วันนี้นี่เอง เพราะก่อนหน้านี้เธอเห็นภาพของสาวน้อยปรากฏอยู่บนภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของนายอำเภออยู่บ่อยๆ ทีแรกก็เข้าใจว่าเป็นน้องสาว แต่เท่าที่ทราบประวัติของนายอำเภอหนุ่มรูปงามเห็นจะมีเพียงพี่ชายร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวเท่านั้น
ดูจากอภิสิทธิ์ที่เธอคนนี้ได้รับซึ่งพิเศษกว่าอาสาสมัครคนอื่นๆ แถมยังครองตำแหน่งอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของนายอำเภอหนุ่มมาอย่างยาวนาน ก็ไม่ต้องเดาให้ยุ่งยาก คงเป็นใครไปไม่ได้นอนจากว่าที่คุณนายของนายอำเภอหนุ่มหล่อแห่งผาตะวันอย่างแน่นอน
พรสุดาฟันธง!
“อ้อ…คุณพรสุดา”
“คะนาย”
คนที่กำลังระบายยิ้มกรุ่มกริ่มหลุดจากห้วงภวังค์ พลางเงยหน้าขึ้นมาขันรับอีกครั้ง
“วันนี้คุณไม่ต้องทำอาหารให้ผมนะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณอิงเขา ส่วนเรื่องหน้าที่อื่นๆ ที่รับผิดชอบอยู่ ก็ค่อยๆ สอนให้เธอเรียนรู้ไปทีละนิดในช่วงว่างๆ ก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะนาย”
พรสุดารับทราบคำสั่ง พร้อมหันมามองสาวน้อยที่ยืนทำหน้าเหวอพักใหญ่ แต่พอตั้งสติได้ก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“ทำไมฉันจะต้องทำกับข้าว และทำงานบ้านอื่นๆ ให้นายอำเภอด้วยละคะ”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจปนไม่พอใจนั้น ส่งผลให้ร่างอรชรต้องหายใจหอบแรง ขณะเดียวกันมือเล็กก็กำเข้าหากันแน่นเพื่อความคุมอารมณ์เอาไว้ ไม่ให้โวยวายต่อหน้า ผู้ที่มีอาวุโสกว่าเธอทั้งสองคนตอนนี้
ผิดกับนายอำเภอหนุ่มที่ยืนอิงขอบโต๊ะในท่าทางสบายๆ ใบหน้าหล่อเหลาระบายยิ้มอ่อนอย่างไม่สะทกสะท้านกับสายตาเขียวปัด! คู่สวยที่ส่งตรงมาทางเขาเลยสักนิด
“อยู่บ้านเดียวกันก็ต้องช่วยเหลือกันสิ อีกหน่อยคุณก็ต้องทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว เป็นผู้หญิงก็ควรหัดเรียนรู้งานบ้านงานเรือนเอาไว้บ้าง ถือเสียว่าเป็นการซ้อมเป็นแม่ศรีเรือนไปก่อนก็แล้วกัน”
เสียงทุ้มอธิบายเพิ่มเติม จงใจเน้นทุกประโยคให้แจ่มชัด โดยเฉพาะประโยคหลัง
อิงครัตอ้าปากค้างพูดไม่ออก เพราะการที่เขาพูดแบบนั้นก็เหมือนจงใจให้คนอื่นเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ของเขากับเธอ ดีไม่ดีพรสุดาอาจจะคิดว่าเธอเป็นคนรักของเขาไปแล้วก็ได้
“แต่…”
อิงครัตกำลังจะแก้ต่างขยายความให้พรสุดาเข้าใจในความสัมพันธ์ของเธอใหม่ แต่เสียงทุ้มก็ดังแทรกขึ้นมาขัดเสียก่อน
“อยู่ที่นี่ต้องช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง เพราะไม่มีคนรับใช้คอยทำอะไรให้เหมือนอยู่บ้าน”
ประโยคเรียบๆ แต่คนฟังกลับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจสุดขีด
‘รู้ได้ยังไงว่าที่บ้านเรามีคนรับใช้’ อิงครัตถามตัวเองในใจด้วยความกังวล ‘หรือว่าเธอหลุดพิรุธอะไรให้เขาจับได้’
ก่อนที่จะคิดอะไรมากไปกว่านั้น เสียงทุ้มเรียบของนายอำเภอหนุ่มก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าคุณรักสบายก็ไม่ควรมาเป็นอาสาสมัครตั้งแต่แรก เพราะการเป็นอาสาสมัครต้องทำเพื่อคนอื่นด้วยความเต็มใจ แต่ถ้าเกิดคุณเปลี่ยนใจถอนตัวตอนนี้ผมก็ไม่ห้าม เชิญคุณกลับกรุงเทพไปได้เลย”
คราวนี้น้ำเสียงและใบหน้าของเขาจริงจัง ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาให้เห็นอีกเลย ส่งผลให้หัวใจดวงน้อยหายวาบอย่างกะทันหัน อิงครัตยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่าเขาจะไล่เธอกลับไปดื้อๆ แบบนี้
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กนิ่งไป คนเจ้าเล่ห์ก็เดินหน้ากดดันด้วยท่าทางเครียดขรึมต่อไป
“ตกลงจะเอายังไง จะถอนตัวหรือเปล่า”
“เอ่อ…”
อิงครัตอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง เธอเพิ่งมาถึงยังไม่ทันได้ทำอะไรจะให้ถอนตัวกลับไปง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง แต่จะให้เธอถูกเข้าใจผิดอยู่แบบนี้ก็ เห็นทีจะไม่ได้เหมือนกัน ทว่าสิ่งที่ควรจะพูดออกไปตอนนี้ควรเป็นคำตอบไม่ใช่การอธิบาย
“ไม่ถอนตัวค่ะ ฉันจะไม่กลับกรุงเทพตอนนี้”
อิงครัตโพล่งออกไปในที่สุด ในเมื่อตั้งใจไว้แล้วก็ต้องไม่สูญเปล่า ยังไงเสียก็ขอให้เธอได้ลองดูสักตั้งก่อนกลับกรุงเทพฯก็แล้วกัน
“อืม…ดี!”
ศรัณพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะหันมาทางเลขาสาวแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนัก
“คุณพรสุดาช่วยเป็นพยานให้ด้วยว่าคุณอิงจะไม่ถอนตัวออกจากการเป็นอาสาสมัคร พร้อมๆ กับเรียนรู้งานจากคุณ”
“คะ…ค่ะนายอำเภอ”
สุดารีบรับคำเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของคนออกคำสั่งเรียบขรึม ทว่ามีเสน่ห์เหลือร้ายซึ่งเรื่องนี้สาวๆ ทั่วทั้งอำเภอผาตะวันทราบกันดี แต่สองสาวคงไม่รู้หรอกว่าภายใต้ใบหน้าและน้ำเสียงจริงจังนั้น เขาต้องกลั้นขำไว้อย่างสุดความสามารถ เพื่อซุกซ่อนความรู้สึกหลากหลายเอาไว้อย่างมิดชิด
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อน”
กล่าวจบร่างสูงสง่าก็หมุนตัวเดินออกจากห้อง แต่ก่อนไปก็มิวายยื่นใบหน้าหล่อเหลามากระซิบบอกกับสาวน้อย ด้วยประโยคขู่ทิ้งท้าย
“ถ้าไม่อยากถูกส่งตัวกลับกรุงเทพฯ ไปตอนนี้ก็ช่วยทำตัวเป็นเด็กดี ทำตัวให้น่ารัก ไม่ดื้อไม่ซนกับผมก็พอ”
‘อ๊ายยย!’
อิงครัตอยากจะฝากรอยขวนไว้บนใบหน้าหล่อเหลาสักเส้นสองเส้น แต่ก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้เขาอยู่ในฐานะผู้บังคับบัญชา สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือยืนนิ่งๆ อดทนรอจนกว่าร่างสูงสง่าจะก้าวพ้นประตูไป
………………………………………..