“คุณภูคะ”
“เฮ้ยยยไอ้ภูแม่มึงมารับว่ะ”
ทันทีที่เพียงขวัญปรากฏตัวขึ้น ปากของอคินก็ขยับทันที ทำให้ทั้งเตวิชญ์และปัณณ์รีบหันไปมองตาม ใบหน้าสวยที่ปรากฏขึ้นกับชายหนุ่มในชุดสูทอีกคน ท่าทางเร่งรีบปลายเสียงมีร่องรอยหอบนิด ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ อคินห่อปากหลังจากเห็นใบหน้าของแม่เลี้ยงภูดิษชัด ๆ
นัยน์ตาเจ้าเล่ห์มองใบหน้าหวานที่ไม่บอกอายุคงมองไม่ออก แววตาเหนื่อยล้าจับจ้องไปที่ลูกเลี้ยงของตัวเองในสภาพสะบักสะบอมด้วยความตกใจ
สวยแล้วก็...โคตรสวย
มติในใจของสามหนุ่มเป็นเอกฉันท์
เพียงขวัญในวัยยี่สิบแปดไม่ได้มีท่าทีของเด็กกะโปโลสักนิด เธอสวยสมวัยและมีเสน่ห์ตามการแต่งตัวเรียบหรู ริมฝีปากนิดจมูกหน่อย สันดั้งรั้นเชิดเล็กน้อยบ่งบอกถึงความไม่ยอมคน หากแต่ดวงตากลับกลมโตพร้อมเป็นลูกกวางน้อยน่าสยบบนเตียง
ความขัดแย้งนี้ทำให้คนมองจ้องด้วยความเผลอไผล ไล่สายตาวาดมองเรือนผมเป็นลอนสลวยลงถึงกลางหลัง ลงมาคลอเคลียตามใบหน้าหวานที่แต่งแต้มสีสันตามที่ควรจะเป็น หากแต่การแต่งตัวประโคมไปด้วยเสื้อผ้าและเครื่องประดับแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์ ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ทำให้เพียงขวัญมีเสน่ห์จนไม่อาจละสายตา
เพียงเธอขยับตัวก้าวเข้ามาในห้องสอบสวน เพื่อสำรวจร่างกายภูดิษ กลิ่นน้ำหอมราคาแพงก็อบอวลไปทั่วทั้งโรงพัก
ปลายนิ้วเรียวที่แตะลงบนรอยเขียวที่สันกรามทำให้คนอยู่ในอาการมึนเมาตัวแข็ง รีบขมวดคิ้วปัดมือเพียงขวัญทิ้ง
“อย่ามาแตะฉัน!”
“เจ็บไหมคะ”
“ฉันบอกว่าอย่ามายุ่งกับฉันไง” ภูดิษตะคอกเสียงดัง รีบนั่งเบี่ยงไปอีกทาง ปล่อยให้เพียงขวัญได้แต่หนักใจกับรอยบนใบหน้าเขา
“ไม่แปลกหรอก” เตวิชญ์กลอกตาขึ้นบนเพดานก่อนจะสบตากับอคินและปัณณ์ ริมฝีปากกระตุกยิ้มรู้ทัน
สายตาพวกนั้นทำไมเขาจะไม่รู้ ภูดิษแค่นยิ้มเหลือบมองอกอวบพ้นเกาะอกและสะโพกผายที่รับกับทรงกางเกงสกินนี่โชว์สองขาเรียวอย่างสมเพช
“คุยกับแม่ดี ๆ ดิวะ”
“xวย! ไอ้คิน” นิ้วกลางภูดิษยกขึ้นแสกหน้าอคินด้วยความรำคาญใจพร้อมหันไปถามหญิงสาว “เธอมาทำไมทีหลังให้ทนายมาคนเดียวก็พอ”
เพียงขวัญถอดสีหน้าแต่เลือกไม่สนใจคำตำหนิ
“รีบไปโรงพยาบาลกันดีกว่าค่ะ ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่กันคะ”
หลังจากวันนั้นเพียงขวัญก็ใช้ชีวิตอย่างสงบเสงี่ยม แต่ใครจะคิดว่าวันนี้ภูดิษจะแผลงฤทธิ์อีกครั้ง เขาไม่ได้กลับบ้านมาสองอาทิตย์ เรื่องเมาแล้วทะเลาะวิวาทดูจะเป็นเรื่องปกติของแก๊งนี้จนเธอเหนื่อยใจ ร้องขอให้ทนายที่ทำงานให้กับทศวรรษมาช่วยจัดการให้เสียทุกครั้ง
บาดแผลในครั้งนี้ดูจะหนักกว่าปกติ ใบหน้าหล่อเหลาของภูดิษช้ำเป็นจ้ำ ทั้งที่กกหูและโหนกแก้ม อีกสามคนก็ไม่แพ้กัน หากแต่อีกฝ่ายที่กำลังโหวกเหวกดูเหมือนจะเจ็บหนักไม่แพ้กัน
“น่ารำคาญฉิบ! แหกตาดูสิตำรวจจับฉันไว้แบบนี้จะให้ถอดจิตไปหาหมอรึไง อย่าให้กูเห็นหน้าพวกมึงอีกนะจะเอาให้จมตีนเลย”
“แต่กูอยากเห็นอีกนะ แม่มึงสวยดีนี่หว่าเรียกพ่อก็ได้นะลูก” อีกฝ่ายส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยมาที่เพียงขวัญพร้อมเสียงหัวเราะผสมโรง คล้ายกับตัวจุดชนวนทำให้ภูดิษระเบิดขึ้นทันควัน สันกรามแกร่งกดแน่น ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้แต่ถูกเพียงขวัญจับไว้ก่อน
“ไอ้พวกเหี้ยเอ๊ยยยย”
“คุณภูไม่เอาค่ะ พอแล้วค่ะคุณตำรวจก็ทำอะไรบ้างสิคะ” ดวงตาหวานตวัดไปที่กลุ่มร้อยเวร สักพักตำรวจอีกคนจึงแยกฝ่ายนั้นออกไป ส่วนคนที่ถูกจับอยู่ไม่วายหันมาโมโหใส่เธอพร้อมปรายตามองมือเล็กที่เกะแขนเขาแน่นไม่ยอมปล่อย
“เธอแม่งงง ไสหัวกลับบ้านไปเลยไป”
“ใจเย็นสิคะคำพูดแค่นั้นไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“เธอไม่เป็นแต่ฉันเป็น” ภูดิษกระแทกตัวนั่งลงที่เดิม
หญิงสาวจึงต้องรีบหาทางแก้ไข
“งั้นเดี๋ยวคุณภูกับเพื่อนไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ ตรงนี้มอบให้คุณทนายจัดการดีกว่า”
“เดี๋ยวผมจัดการเองต่อครับคุณเพียงขวัญ เชิญเซ็นใบมอบอำนาจให้ผมตรงนี้ครับ” ราเชนทร์เอ่ยแล้วผายมือให้หนุ่ม ๆ เซ็นตามที่บอก อดเห็นใจเพียงขวัญไม่น้อยที่ต้องดูแลคนตรงหน้า
คำพูดรุนแรงมากแต่เพียงขวัญก็ดูจะไม่ใส่ใจ เธอดูกังวลกับรอยบนหน้าลูกเลี้ยงเสียมากกว่า
“ได้ใช่ไหมคะคุณตำรวจ ในกรณีเกิดเหตุแบบนี้ทำไมถึงไม่ให้เด็ก ๆ ไปโรงพยาบาลก่อนล่ะคะ ถ้าแผลเกิดติดเชื้อหรืออักเสบมาจะทำยังไงคะ จะรับผิดชอบกันยังไง”
“เอ่อ...ผม...”
“คะ!?” ดวงตากลมโตจ้องร้อยเวรเขม็ง ก่อนจะเบือนหน้าสั่งให้รีบปลดกุญแจมือให้ลูกเลี้ยงและบรรดาเพื่อนของเขา
“ผมขอโทษครับ ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ จริง ๆ แล้วผมไม่ได้จะกักตัวแต่พวกเขา...” ไม่ยอมหยุดทะเลาะกันต่างหาก ถ้าปล่อยไปโรงพยาบาลแตกไม่วายเป็นความผิดตำรวจอีก ร้อยเวรยกมือกุมขมับหลบสายตาสาวสวยวูบ
“อย่าให้มีกรณีแบบนี้อีกนะคะ”
“หึ” ภูดิษหัวเราะในลำคอ มองคนที่เล่นบทแม่เลี้ยงด้วยสายตาอึ้ง ปกติไม่เห็นมีปากร้องเรียกเขาแต่ ‘คุณภู’ โกรธหน่อยก็ ‘ภูดิษ’ ไม่คิดว่าจะอาละวาดได้
“แม่มึงเด็ดว่ะ” ปัณณ์กระตุกยิ้ม
“แลกกับน้องแพรของมึงไหม” ชายหนุ่มถามกลับสีหน้าเอาเรื่องถึงแฟนสาวของปัณณ์ อีกฝ่ายถึงยอมหุบปากเงียบ
“ขอบคุณคร้าบบบคุณแม่” เตวิชญ์เอ่ยล้อเลียน ทำเอาภูดิษที่กำลังอยู่ในอาการกรึ่มลุกยกเท้ายันหน้าอกเพื่อน ก่อนจะหงายหลังล้มตึงไปด้านหลัง
ตุบ!
“คุณภู”
“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้โง่” อคินส่ายหัว
“ไอ้ภูแค่ยืนมึงยังยืนไม่อยู่เลยยังจะซ่าอีก ควายจริง ๆ”
“แม่งเอ๊ยยย กูบอกแล้วไงว่ายัยนี่ไม่ใช่แม่กู ก็แค่ปลิงขายศักดิ์ศรีเท่านั้นแหละ” คำพูดทำให้เพียงขวัญสะอึกในใจ เรียวปากที่กำลังตกใจเม้มเป็นเส้นตรง ก้อนเนื้อในอกบีบรัดตัวรุนแรงแต่เธอก็ยังเลือกฝืนยิ้มกว้างให้เขา
“เราไปโรงพยาบาลกันเถอะค่ะ”
“ไอ้ภูมึงใจร้ายเกินไปแล้วนะเว้ย เห็นคนสวย ๆ เจ็บปวดแล้วกูเศร้าว่ะ โอ๊ยยยไอ้ภู” เตวิชญ์เท้าคางตาเยิ้มเพียงเสี้ยววิก็ถูกมือคนใจร้ายจิ้มเข้าตา เกือบไม่เห็นความสดใสของโลก
“เสือก!”
“ตากูบอดแล้วมั้ง ไอ้คินช่วยกูด้วย”
“สมน้ำหน้ามึง” อคินเหลือบตามองอย่างสมเพช กอดคอปัณณ์พร้อมฉุดภูดิษกับเตวิชญ์ขึ้น ไม่ทันได้เห็นดวงตาแดงก่ำมองตามแผ่นหลังเล็กออกไปด้วยความรู้สึกสับสน