บทที่4.2

1529 คำ
แน่นอนว่าในความเป็นจริงนั้นคนละเรื่อง ฉันเจ็บ เจ็บมาตลอด ไม่มีวันไหนไม่เจ็บเลย ทั้งร่างกาย หัวใจ กระทั่งจิตวิญญาณ มันแหลกสลายเป็นผุยผงในทุกวัน บอบช้ำสาหัสสากรรจ์เป็นร้อยเป็นพันครั้ง ฉันภาวนาให้ตัวเองชินชากับมันสักที แต่ทุกวันนี้กลับทำได้แค่หลอกตัวเองว่าเข้มแข็งกว่าใคร ทั้งที่ลึก ๆ ข้างในผุพังไม่มีชิ้นดี “...” คำตอบของฉันทำเอาการ์วินเงียบไป ถึงอย่างนั้นนัยน์ตาสีสวยภายใต้เลนส์แว่นที่ยังคงมีรอยร้าวกลับตอกตรึงกัน โดยเฉพาะดวงตาของฉัน...ที่กำลังจ้องเขากลับ แปลกดี ปกติแทบไม่มองหน้า สบตากันไม่กี่วินาทีก็เบือนหลบ แต่วันนี้การ์วินกลับดูกล้ากว่าที่คิด “เมื่อเทียบกับนายแล้ว ของเราเล็กน้อย” เพราะตกอยู่ในความเงียบนานเกินไป ฉันจึงเป็นฝ่ายปริปาก แล้วก็กลายเป็นฉันอีกนั่นแหละที่หลบตาเขา เปลี่ยนมาจับจ้องน้ำในแก้วสเตนเลสตรงหน้าแทน “เราควรเป็นฝ่ายถามนายมากกว่าว่าที่โดนอยู่ทุกวันนี่เจ็บไหม” “...” คำตอบที่เพื่อนร่วมห้องมอบให้คือความเงียบ ดังนั้นฉันจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง พบว่านัยน์ตาลึกลับของการ์วินเปลี่ยนไปจับจ้องอย่างอื่นแล้ว และอย่างอื่นที่ว่า...คือข้อมือข้างซ้ายของฉัน ปกติเวลาไปโรงเรียน ฉันมักสวมนาฬิกาข้อมือสายหนา ๆ เพื่อปกปิดบางสิ่ง ไม่อยากให้ใครเห็นและตั้งคำถามเกี่ยวกับมัน ฉันแค่ไม่อยากนึกถึงวันนั้น วันที่ตัวฉันบอบช้ำเกินกว่าจะรับไหว วันที่ตัดสินใจหยิบคัตเตอร์ขึ้นมากรีดข้อมือตัวเองจนเลือดปริ่มทะลัก และเป็นวันที่ฉัน...เข้าใกล้ความตายมากที่สุด ที่น่าตลกคืออะไรรู้ไหม? ต้นเหตุที่ทำให้ฉันกลายเป็นแบบนั้นกลับกลายเป็นคนเดียวกันที่เข้ามาเห็นฉันนอนจมกองเลือด และเป็นคนคนเดียวกันที่อุ้มฉันไปโรงพยาบาลด้วยความร้อนรนกระวนกระวาย เลี้ยงดูฉันด้วยความรุนแรง ใช้ความเจ็บปวดเสี้ยมสอนกัน แล้วทำไมการที่ฉันอยากหายไปจากโลกนี้ด้วยความทรมานชนิดเดียวกันบ้าง...ท่านถึงไม่อนุญาต เห็นแก่ตัวเกินไปไหม เพราะวันนี้ไม่ได้สวมนาฬิกาข้อมือ การที่ขอบแขนเสื้อร่นขึ้นเพียงนิดเดียวจึงทำให้การ์วินเห็นแผลเป็นบริเวณนั้นเข้าอย่างจัง “...” ดังนั้นสิ่งที่ฉันทำคือดึงมือกลับมา รีบซ่อนมันไว้ใต้โต๊ะ “เธอผ่านมันมาได้” อยู่ดี ๆ การ์วินก็... “...” “เรามองว่าเข้มแข็งมาก” คนที่บอบช้ำไม่ต่างกัน หรือบางทีอาจปวดร้าวยิ่งกว่าฉัน ไม่นึกไม่ฝันว่าจะใช้คำพูดเชิงปลอบโยนออกมาได้ ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด จากตอนแรกฉันตัดสินใจก้าวเท้าเข้าไปในชีวิตเพื่อเป็นแสงสว่างเล็ก ๆ ให้เขาหยิบยืม อยากมอบมิตรภาพดี ๆ ให้คนที่ไม่เคยยิ้มแย้มมาก่อนอย่างเขา แต่กลับกลายเป็นการ์วินเสียเองที่ทำให้ฉันเอ่อล้นทางความรู้สึกจนต้องเม้มริมฝีปากแน่น “แย่เลย สุดท้ายก็ปล่อยให้นายเห็นแผลจนได้” เพราะหาทางโกหกต่อไปไม่ไหว ฉันจึงดึงข้อมือขึ้นมาวางบนโต๊ะ เลิกแขนเสื้อขึ้นอย่างเปิดเผย โชว์รอยกรีดของคัตเตอร์ซึ่งทิ้งหลักฐานไว้ชัดเจนแม้จะผ่านมานานถึงสองปีแล้ว “มันไม่เจ็บแล้ว แค่รู้สึกโหวง ๆ ทุกครั้งที่นึกถึงเฉย ๆ น่ะ” “อือ” การ์วินครางสั้น ๆ ก่อนมองเลยศีรษะฉันไปเมื่อพนักงานนำสุกี้มาเสิร์ฟพอดี และแล้วความหิวก็ชนะทุกสิ่ง ฉันมองข้ามหัวข้อสนทนาโดยสิ้นเชิง ก้มหน้าก้มตากินเมนูโปรดอย่างเอร็ดอร่อย ระหว่างนั้นไม่ลืมถามการ์วินว่าถูกปากไหม ซึ่งเขาก็แค่พยักหน้าแผ่วเบา ไม่พูด ไม่ออกความเห็นใด เวลาล่วงเลยกระทั่งหกโมงสิบนาที เราสองคนมุ่งหน้าไปยังจุดที่พบกันโดยบังเอิญเพราะการ์วินจำเป็นต้องนั่งรถเมล์กลับบ้าน แน่นอนว่าตัวฉันเองก็ต้องรีบกลับเช่นกัน ก่อนหน้านี้ฉันบอกคุณพีทว่าขอเวลาชั่วโมงครึ่ง ให้เขาขับรถวนรอบหมู่บ้านจนกว่าจะครบกำหนดเวลา หรืองีบรอไปก่อน ในตอนแรกเขาแสดงท่าทีคล้ายไม่อยากให้ฉันไปไหนมาไหนกับการ์วิน แต่ฉันซึ่งดื้อด้านเป็นทุนเดิมเน้นย้ำหนักแน่นว่าจะทำแบบนี้ จนเขายอมอ่อนข้อ จริงว่าคุณพีทเคารพพ่อมาก พ่อสั่งอะไรก็เชื่อฟัง เป็นสายคอยรายงานความประพฤติฉันให้ท่านฟังแบบไม่มีตกหล่น แต่ด้วยทำหน้าที่คนขับรถและบอดี้การ์ดส่วนตัวให้ฉันมาหลายปี ในหลาย ๆ ครั้ง...เขาจึงอะลุ่มอล่วยทั้งที่ไม่จำเป็น แสร้งปิดหูปิดตาเพื่อให้ฉันได้ใช้ชีวิตตามใจตัวเองท่ามกลางสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย ถึงจะไม่ชอบที่เจ้าชู้ แต่ต้องยกความดีความชอบให้คุณพีทในบางเรื่องจริง ๆ เพราะถ้าไม่ได้เขา ป่านนี้ฉันคงไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์หน้าโง่ที่ถูกจองจำอยู่ในกรงขังสถานเดียว “อิ่มแปล้เลย” ฉันยิ้มอย่างมีความสุขพลางลูบท้องตัวเองไปมา สองเท้าเดินเคียงข้างร่างสูงไปยังป้ายรถเมล์ซึ่งอีกไม่กี่สิบก้าวก็จะถึงแล้ว “...” “เป็นไง รสชาติสมคำอวยหรือเปล่า?” ด้วยรู้ดีว่าถ้ากล่าวเป็นประโยคบอกเล่า การ์วินจะไม่โต้ตอบให้เปลืองน้ำลาย ฉันจึงเอ่ยถามพร้อมเงยหน้าขึ้นมองเขา จะว่าไป จากมุมนี้ทำให้ฉันเห็นความต่างของเราได้ชัดเจนกว่าตอนหลบฝนใต้ร่มคันเดียวกันเสียอีก การ์วินสูงโปร่ง คาดคะเนด้วยสายตาคงเหยียบร้อยแปดสิบ หากแหงนหน้าขึ้นมองเขานาน ๆ มีหวังตะคริวถามหาแน่ “พอกินได้” เขาตอบอย่างจริงใจ ตีความได้ว่าไม่ถึงกับอร่อย แต่ก็ไม่ได้แย่มากนัก “ก็ยังดี เพราะซอสที่เขาให้มามันเข้มข้นมาก บางคนอาจจะไม่ชอบที่มันจัดจ้านเกินไป แต่พอดีเราชอบที่มันมีความเผ็ด ๆ หวาน ๆ ก็เลยกินเป็นประจำ” พรึ่บ “เอาไป” อวยของกินได้ไม่ทันไร เสียงทุ้มลึกไร้คลื่นอารมณ์พลันฉุดให้ฉันก้มหน้าลงต่ำ มองบางสิ่งบางอย่างที่การ์วินเพิ่งล้วงออกมาจากเป้ เป็นสมุดโน้ตสีฟ้า “อะไรเหรอ” ฉันถามและรับมาโดยไม่รู้ว่ามันมีอะไรอยู่ข้างใน “เล็กเชอร์” การ์วินตอบขณะรูดซิปเป้กลับเหมือนเดิม จากนั้นก็เดินนำหน้าไปหยุดอยู่ตรงป้ายรถเมล์ ฉันตามไปยืนข้าง ๆ ก้มหน้าเปิดสมุดดูทีละหน้า “นายจดเองหมดเลยเหรอ” “...” คนตัวสูงไม่ตอบ เหมือนเขาอยากให้ฉันหาคำตอบด้วยตัวเอง และใช่ สิ่งที่เขาเพิ่งยื่นให้ฉันคือสมุดเล็กเชอร์ ซึ่งจดเนื้อหาสำคัญของวิชาที่ต้องใช้สูตรในการคำนวณ นอกจากลายมือสวยงามเป็นระเบียบ สิ่งที่เขาจดมายังละเอียดยิบทว่าเข้าใจง่ายกว่าอาจารย์สอน มีการเน้นสีในส่วนที่สำคัญ วงเล็บ ตีวงกลม ดอกจันทร์ตัวใหญ่ ๆ ว่าตรงไหนมีโอกาสออกสอบ เห็นแบบนั้นฉันจึงเงยหน้าขึ้นมองเขา...ซึ่งยังคงสีหน้าราบเรียบเหมือนเคย มีเพียงริมฝีปากเท่านั้นที่เม้มแน่น “ขอบคุณนะ” นึกว่าจะไม่อยากเป็นเพื่อนกันซะแล้ว Garwin Describe. “หวังสูงไปหรือเปล่า” “...” “ใครเขาจะรักคนอย่างมึง” “...” “พ่อแค่สงสารมึงเฉย ๆ ไม่งั้นคงไม่ยอมให้ลูกของหญิงที่เที่ยวถ่างขาให้ผู้ชายเอาทุกคืนมีที่ซุกหัวนอนแบบนี้หรอก จำใส่หัวไว้” “...อย่าว่าแม่” “ทำไมกูจะว่าไม่ได้อะวิน ก็ในเมื่อสิ่งที่กูพูดเป็นความจริง ต่อให้กูตอแหลแกล้งชมแม่มึงว่าเป็นคนดี แต่ก็หนีความจริงที่ว่าแม่มึงเป็นกะหร...” ผัวะ!! “กูบอกให้หยุด...” ผัวะ!! “อะ โอ๊ย พ่อ! พ่อช่วยผมด้วย! ไอ้วินจะฆ่าผม” ผัวะ!!! เฮือก... ผมฝัน ฝันถึงอดีตอันดำมืดนั่นอีกแล้ว อดีตที่ตามหลอกตามหลอกผมมาตลอดหลายปี ความผิดพลาดเดียวในชีวิตที่ทำให้ผมถูกคนในครอบครัวตราหน้าอย่างรุนแรงว่าจงใจฆ่าพี่ชายต่างแม่ของตัวเอง... ผมไม่ได้ฆ่า เพียงสั่งสอนให้หลาบจำว่าอย่าแตะต้องคนที่เลี้ยงดูผมด้วยความรัก ไม่ว่าจะทั้งทางคำพูด หรือการกระทำ เมื่อครั้งยังมีชีวิต ท่านตกระกำลำบาก ถูกปรามาสด้วยถ้อยคำหยาบโลนกับอาชีพขายบริการที่ถูกมองว่าสกปกโสโครก พอความตายมาเยือน...นอกจากไม่มีใครหน้าไหนคิดเสียใจ ก็ยังพาดพิงเสีย ๆ หาย ๆ ไม่รู้จบ ทั้งตอนมีชีวิตอยู่ กระทั่งลมหายใจดับสูญ แม่ไม่เคยได้รับสิ่งที่เรียกว่าการให้เกียรติจากใครเลย ไม่มีเลยสักนิด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม