"พี่ดิน..." เสียงพึมพำในประโยคท้ายของพริมพิจิกาทำให้ปักษ์หยุดการกระทำทั้งหมด เขาถอนริมฝีปากออกมาจากกลีบดอกไม้อวบและหยัดกายขึ้นตรงด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด จากนั้นจึงก้าวลงจากเตียงนอนด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขารู้สึกเช่นนี้มานานเกือบสิบปี
"มีผัวแล้วสินะ!" พ่อเลี้ยงหนุ่มหันขวับไปจ้องมองคนที่นอนละเมอชื่อผู้ชายคนอื่นด้วยความรู้สึกเจ็บแค้นใจ จากนั้นร่างสูงกำยำจึงคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวไว้และเดินกลับไปนอนที่โซฟา
เช้าวันถัดมา
"ปักษ์ เมื่อคืนแม่รอลูกจนถึงสี่ทุ่มแต่ว่าแม่รอไม่ไหวก็เลยเผลอหลับไป ลูกไปส่งหนูพริมที่บ้านเขาแล้วใช่ไหมลูก?" คุณปักษิณาเอ่ยถามบุตรชายเมื่อเขาเดินลงมายังชั้นล่างและหยิบแก้วกาแฟที่เตรียมไว้แล้วขึ้นมาดื่มด้วยสีหน้าบึ้งตึง
"ไม่ได้ไปส่งเขาครับ เมื่อคืนผมกลับถึงบ้านก็ห้าทุ่มแล้วและฝนก็ยังตกหนักอยู่ ตอนนี้เขาก็นอนอยู่บนห้องผมของผมครับ" พ่อเลี้ยงหนุ่มตอบออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"อะไรนะ! หนูพริมนอนกับแกเมื่อคืนงั้นหรอ?" ผู้เป็นมารดาอุทานเสียงดังด้วยความตกใจ
"แม่ครับ ไม่ได้นอนด้วยกันครับ ก็เมื่อคืนเขาตามผมไปที่ไร่แล้วก็ไปตากฝน พอขึ้นรถมาก็หนาวจนหลับผมก็เลย...อุ้มขึ้นไปนอนที่ห้องแล้วก็ถอดเสื้อผ้าเขาออก ป่านนี้ยังไม่ตื่นเลยครับ คุณแม่ให้แม่บ้านขึ้นไปดูหน่อยนะครับ"
"ตาปักษ์! หนูพริมเขาเป็นผู้หญิงนะ ไปถอดเสื้อผ้าเขาแบบนั้นได้ยังไง?" ผู้เป็นมารดาแกล้งเอ็ดบุตรชายเสียงดุ
"ก็เขาหลับไม่ได้สติ เสื้อผ้าของเขาเปียกไปหมดผมก็เลยถอดออกและให้เขานอนบนเตียงแล้วผมก็นอนบนโซฟาทั้งคืน"
"นั่นแหละ ถึงจะแค่นั้นแต่ถ้าชาวบ้านชาวช่องเขารู้ว่าหนูพริมมานอนค้างกับแกที่นี่เขาก็จะเสียหาย"
"คุณแม่ก็ไม่ต้องไปเล่าให้ใครฟังสิครับว่าเขาค้างที่นี่ แล้วถ้าเขาถามว่าใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก็บอกว่าคุณแม่หรือแม่บ้านก็ได้ครับ"
"เฮ้อ...แม่ล่ะเชื่อเลยว่าแกกล้าผู้หญิงขึ้นไปนอนบนห้อง แม่ไม่เคยเห็นแกพาผู้หญิงคนไหนเข้าบ้านเลยสักคน"
"ทำไมคุณแม่พูดแบบนี้ครับ ผู้หญิงคนนี้เป็นแขกของคุณแม่นะครับไม่ใช่ผู้หญิงของผม" ปักษ์แก้ต่าง
"ไม่รู้แหละ แม่จะขึ้นไปดูหนูพริมซะหน่อย ป่านนี้ยังไม่ตื่นไม่ใช่ทำลูกเขาไม่สบายนะ ยิ่งตากฝนมาเมื่อคืนด้วย" คุณปักษิณาพูดเท่านั้นก็หยัดกายลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปยังห้องนอนของบุตรชายทันที
"โถ...หนูพริม" นางเดินตรงเข้าไปหาร่างบอบบางที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าและมีผ้าห่มผืนหนาคลุมกายอยู่ ใบหน้าสวยคมซีดเซียวจนน่าเป็นห่วง คุณปักษิณาขยับมือไปอังหน้าผากมนจึงได้รู้ว่าหญิงสาวตัวร้อนจี๋เพราะฤทธิ์ไข้
"ตายแล้ว! นี่เป็นไข้หนักขนาดนี้เลยหรอ ทำไมปักษ์ไม่รู้เรื่องอะไรเลย?" นางหันไปถามบุตรชายที่เดินตามหลังเข้ามา
"ก็ผมไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเขานี่ครับ ก็เลยไม่รู้ว่าเขาไม่สบาย" ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ
"ดูน้องไว้ แม่จะลงไปสั่งให้แม่บ้านขึ้นมาเช็ดตัวให้หนูพริมแล้วก็เอายามาให้ทาน"
"ครับ" ชายหนุ่มตอบแบบขอไปที หลังจากที่มารดาเดินออกไปจากห้องนอนของตนแล้วร่างสูงกำยำจึงเดินไปนั่งที่โซฟาและจ้องมองมายังคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงของตนด้วยแววตาขุ่นเคืองจากที่หญิงสาวละเมอชื่อของผู้ชายคนอื่นเมื่อคืน
"กลับบ้านไปซะ แล้วก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!" เขาพึมพำคนเดียวแม้ว่าในหัวใจจะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น รสรักที่ชายหนุ่มกำลังเพลิดเพลินในเรือนกายงดงามของหญิงสาวเมื่อคืนยังเป็นที่โหยหา ทว่าสิ่งที่พริมพิจิกาละเมอออกมากลับทำให้ปักษ์รู้สึกไม่อยากเข้าใกล้เธออีกต่อไป
"วันนี้แก้วใจกับกำปอไปจ่ายตลาดนะ แล้วก็ไปเล่าให้เพื่อนฝูงพี่น้องแล้วก็ทุกคนในตลาดฟังว่าเมื่อคืนคุณหนูพริมลูกสาวเจ้าของโรงแรมพริมธารามาค้างคืนกับพ่อเลี้ยงปักษ์ที่ไร่ปักษา พูดยังไงก็ได้ให้ดูเหมือนทั้งสองคนเป็นแฟนกันน่ะ" คุณปักษิณากระซิบกระซาบออกคำสั่งให้พ่อบ้านแม่บ้านของตนเองไปปล่อยข่าว นางพูดจบแล้วจึงคลี่ยิ้มพร้อมกับต่อสายไปยังบิดามารดาของพริมพิจิกาทันที
"ฮัลโหล ลูกสาวของผมยังปลอดภัยดีใช่มั้ย?" พ่อเลี้ยงพฤกษ์เอ่ยถามมาตามสายด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี
"ก็ปลอดภัยดีค่ะ แต่ว่าตอนนี้เป็นไข้เพราะว่าตาปักษ์พาน้องไปตากฝนมาเมื่อคืน ที่ฉันโทรมาก็แค่จะบอกว่าแผนของเราเริ่มแล้วนะคะ และที่สำคัญเดี๋ยวฉันจะดูแลหนูพริมให้จนกว่าจะหายป่วยแล้วค่อยส่งกลับบ้าน"
"ต้องลองถามคุณเปรมก่อนนะครับ ถ้าเขายอมผมก็ไม่มีปัญหา"
"คุณก็ช่วยพูดให้หน่อยนะคะ ฉันอยากให้ว่าที่ลูกสะใภ้อยู่ที่นี่สักวันสองวันค่อยกลับไปก็ได้ มันจะได้สมคำร่ำลือของชาวบ้านซะหน่อย"
"ฮ่าๆๆ ผมรู้สึกสงสารลูกสาวขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ คิดไม่ถึงว่าคุณจะอยากยายพริมเป็นลูกสะใภ้ขนาดนี้"
"แต่ดูท่าทางแล้วลูกชายของฉันจะอยากได้ลูกสาวของคุณเป็นภรรยามากกว่านะคะ เดี๋ยวเราค่อยดูตอนต่อไปว่าตาปักษ์จะทนหนูพริมได้นายสักแค่ไหน"
"ตามนั้นครับ ฝากดูแลยายพริมด้วยนะครับ" พ่อเลี้ยงพฤกษ์พูดเท่านั้นก็กดปุ่มวางสาย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คุณเปรมมิกาเดินเข้ามาหาสามี
"คุยกับใครอยู่หรอคะ?"
"คุณณาเขาโทรมาบอกว่าลูกสาวของเราค้างที่นั่นเมื่อคืน แล้วตอนนี้ก็ไม่สบายนิดหน่อย"
"คุณพระ! ทำไมไม่ส่งคนไปรับลูกกลับมาล่ะคะ?"
"คุณณาบอกว่าจะดูแลยายพริมให้อย่างดี"
"คุณแน่ใจนะคะว่าคุณจะปล่อยให้ลูกสาวของเราไปแต่งงานกับพ่อเลี้ยงปักษ์จริงๆ" คุณเปรมมิกามีสีหน้ากังวลเล็กน้อย
"คุณพูดแบบนี้เพราะว่าคุณยังไม่สบายใจเรื่องของผมกับคุณณาใช่หรือเปล่าครับ?" พ่อเลี้ยงพฤกษ์เอ่ยถามภรรยาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย แต่เกี่ยวกับพ่อเลี้ยงปักษ์ ชื่อเสียงเขาไม่ธรรมดานะคะโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ฉันรู้สึกเป็นห่วงลูก แต่ที่ฉันพยายามไม่ขัดในสิ่งที่คุณต้องการเพราะเห็นว่าคุณกับคุณณาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน"
"คุณเปรม...เราก็รู้จักปักษ์มาตั้งแต่เขาเด็กๆและรู้จักนิสัยพื้นฐานที่แท้จริงของเขา ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นคนแข็งกระด้างแต่มันก็ไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด ผมอยากให้ยายหนูของเราลองช่วยพ่อเลี้ยงเขาดูสักครั้ง" พ่อเลี้ยงพฤกษ์เดินเข้ามาสวมกอดภรรยาไว้ นางได้แต่พยักหน้าตามใจสามีแม้ในใจจะยังคงมีเรื่องกังวลมากมาย
"เช็ดตัวแล้วไข้เลยลดลงมาบ้างแล้วค่ะ น่าจะเป็นไข้จากที่โดนฝนธรรมดาเดี๋ยวอีกหน่อยตื่นขึ้นมาทานข้าวทานยาก็น่าจะดีขึ้น" แม่บ้านหันมาพูดกับพ่อเลี้ยงปักษ์ที่ยังคงนั่งไขว่ห้างกอดอกอยู่บนโซฟา
"ถ้าใส่เสื้อผ้าให้เขาเรียบร้อยแล้วเธอก็ออกไปได้" พ่อเลี้ยงหนุ่มออกคำสั่งเท่านั้นแม่บ้านก็เดินออกไป ร่างสูงกำยำหยัดกายลุกขึ้นจากโซฟาและเดินตรงเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงของตนเองด้วยแววตาเรียบเฉย
"ทำไมฉันต้องอยากได้ผู้หญิงคนนี้ด้วยวะ?" ปักษ์พูดออกมาพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างกายบอบบาง