พ่อเลี้ยงภูริชเดินไปตักของสดให้เด็กในความดูแลอย่างเอาอกเอาใจสุด ๆ ใครจะคิดว่าคนอายุขึ้นเลขสี่จะมีโมเมนท์อ่อนโยนมากขนาดนี้ ใครเห็นก็ต้องอิจฉาแบมบี๋ ทั้งที่เธอเป็นแค่เด็กที่แม่เขาเก็บมาเลี้ยง แต่ทำไมชายหนุ่มถึงดูแลดีขนาดนี้ ทะนุถนอมอย่างดีสร้างโฮสเตย์ให้ดูแล รวมถึงคาเฟ่ใจกลางไร่ชาในพื้นที่ร้อยไร่ พ่อเลี้ยงเมืองเหนือผู้ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ใครไม่หมายปองบ้างให้มันรู้ไปสิ
"ให้พี่ย่างให้มั้ย"
และเมื่อเขาเดินมาถึงที่โต๊ะก็วางทุกอย่างลงพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เพื่อนของแบมบี๋ที่นั่งอยู่ถึงกับสะกิดกันให้เหลือบสายตามอง เอาจริงไม่มีใครห้ามเพื่อนเลยนะ ออกจะยินดีด้วยซ้ำ เพราะพ่อเลี้ยงภูริชแสนจะเพอร์เฟคไร้ที่ติ ดูแลเอาใส่ใจแถมรวยขนาดนั้นใครไม่อยากได้บ้าง
"ไม่เป็นอะไรเลยค่ะเดี๋ยวแบมทำให้เอง แดดดี้มานั่งเถอะค่ะไม่ต้องลุกขึ้นแล้ว"
"อยากกินสามชั้นอะ"
เขาขยับตัวนั่งลงเคียงข้างหญิงสาว ก่อนจะชี้นิ้วเรียวใหญ่ไปตรงสามชั้นที่เขาเพิ่งตักใส่จานมาเมื่อสักครู่ แบมบี๋หันไปมองตามที่เขาชี้ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบใส่กระทะตรงหน้า
"ว่าแต่ที่ไร่ของพ่อเลี้ยงปีนี้มีงานเลี้ยงประจำปีไหมคะ พวกเราคิดถึงบรรยากาศมากค่ะ อยากมาสนุกด้วยอีก"
เพื่อนของแบมบี๋จะรู้จักพ่อเลี้ยงภูริชแทบทุกคน เพราะรายนี้ไม่ใช่เป็นแค้ผู้ปกครองของหญิงสาว แต่ยังเป็นเจ้าชีวิตอีกด้วย ตามติดทุกอย่างไม่ว่าจะไปไหนทำอะไร แม้กระทั่งจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนยังต้องรายงานและเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร เรียกว่าไม่มีอะไรที่เขาไม่รู้
"อีกสองสัปดาห์ไง พวกหนูมากันด้วยนะ บี๋จะได้มีเพื่อนสนุกในงาน คราวนี้จะมีของเล่นแบบงานวัดเลย แสงไฟจัดเต็มเดี๋ยวก่อนจะมีงานประมาณหนึ่งสัปดาห์ จะแจ้งกำหนดการอีกทีนะ"
"กรี๊ด! งานวัดเหรอคะ สงสัยต้องแต่งตัวชุดทองกวาวแน่"
"นั่นสิ ชุดต้องแบบลวดลายสีเยอะ ๆ แล้วก็ตุ้มหูดอกใหญ่มาก"
"ใช่ แล้วแกจะใส่ชุดอะไรแบม"
แบมบี๋ที่กำลังปิ้งสามชั้นให้พ่อเลี้ยงภูริชอยู่ก็เงยหน้าหันมาคุยกับเพื่อน ก่อนจะนิ่งเงียบไปอย่างคิดตาม ตีมงานวัดก็คงไม่พ้นเสื้อผ้าในยุค 90 เสื้อสีเขียว กางเกงสีเหลืองขาบาน ใส่ตุ้มหูดอกไม้ดอกใหญ่ รองเท้าคีบดูเหมือนนางเอกในยุคสมัยเก่า
"คงใส่แบบเสื้อกล้ามสีเหลือง กางเกะ..."
"เสื้อแขนยาวสิสวยออก มีระบายลูกไม้ประดับตกแต่งสวยมาก พี่สั่งตัดให้บี๋เรียบร้อยแล้วค่ะไม่ต้องห่วง"
เธอและเพื่อนคนอื่นอ้าปากค้างมองพ่อเลี้ยงภูริชที่ยิ้มอารมณ์ดีหยิบผลไม้กินระหว่างที่รอสามชั้นย่าง ใครจะคิดว่าเขาจัดแจงให้เธอทุกอย่างแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ในงานเลี้ยงประจำปี ถ้าเป็นคนอื่นไม่รู้ว่าจะอึดอัดแค่ไหน ไม่มีสิทธิ์แม้จะเลือกเสื้อผ้าด้วยตัวเอง
"แล้วไม่ปรึกษาหนูล่ะ ยังไม่ได้เลือกเลยนะ"
"ดื้อกับพี่เหรอ"
เขาขยับใบหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาว ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอจะไม่ทำตามที่เขาบอก ตั้งแต่เล็กจนโตเขาดูแลเธอมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แบมบี๋ไม่เคยขัดใจพ่อเลี้ยงภูริชคนนี้แม้แต่น้อย และเรื่องนี้เธอจะรู้เองว่าควรตอบคำถามนี้ยังไงให้ถูกใจชายหนุ่ม
"เปล่าค่ะ แบมไม่เคยดื้อกับแดดดี้เลยค่ะ แต่ว่า..."
"ไม่ดื้อเท่ากับไม่มีคำว่าแต่นะ... หมูจะสุกแล้วคีบมาหน่อยดิ"
ชายหนุ่มทำการเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากทะเลาะกับหญิงสาวในเรื่องของการแต่งตัว เขาไม่ชอบให้เด็กในความดูแลแต่งตัวโป๊ แม้กระทั่งใส่เสื้อกล้ามหรือสายเดี่ยว เขาก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ
"ก็ได้ค่ะ"
เธอทำหน้างอง้ำใส่ชายหนุ่มก่อนจะคีบหมูให้พ่อเลี้ยงภูริช เอาจริงตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ถูกเขาบงการชีวิตมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ห้ามเที่ยวกลางคืน ห้ามแต่งตัวโป๊ ห้ามใกล้ผู้ชายคนอื่น ห้ามมีแฟนก่อนวัยอันควร แต่พอเรียนจบแทนที่จะอนุญาตให้มีกลับบอกว่าไม่ให้มี และพูดจาให้เธอคิดไปไกลว่าเขาอยากเป็นมากกว่าคนดูแล ตอนแรกเธอก็ไม่อยากเข้าข้างตัวเองคิดไปไกล แต่ตอนนี้รู้ดีและชัดเจนทุกการกระทำว่าเขาอยากได้เธอทำเมียมากกว่าน้องสาว
"นี่ค่ะ"
"ขอบคุณค่ะบี๋ของแดดดี้ น่ารักที่สุด"
เขาอมยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี กินหมูสามชั้นที่หญิงสาวปิ้งให้อย่างเอร็ดอร่อย มือข้างที่ว่างก็โอบเอวหญิงสาวแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ผู้ชายที่นั่งร่วมโต๊ะ รวมถึงคนรอบข้างไม่กล้ามายุ่งวุ่นวาย เอาจริงไม่มีใครละแวกนี้ไม่รู้จักพ่อเลี้ยงภูริช ทั้งหล่อ ทั้งรวย และที่สำคัญใครต่างรู้ดีว่าเขาหวงแบมบี๋อย่างถึงที่สุด ช่วงหลังแสดงออกแบบไม่ปิดบังด้วยจึงกลายเป็นว่าไม่มีใครยุ่งกับหญิงสาวอีกเลย
"หนูกินปูไหมพี่แกะให้"
"กินค่ะแกะให้หน่อยได้ไหมคะ"
"ได้อยู่แล้วค่ะ"
ชายหนุ่มทำการแกะปูให้หญิงสาวด้วยความเต็มใจ ก่อนหน้านี้เขาเป็นผู้ปกครองที่ดีมาโดยตลอด วางตัวให้เหมาะสมทว่าตอนนี้เธอเรียนจบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคุณแม่ของเขาก็เอ็นดูแบมบี๋มาก ทาบทามมาเป็นลูกสะใภ้ พูดกรอกหูเขาทุกวันจนตอนนี้เคลิ้มตามและคิดหมายปองเอามาทำเมีย คนอย่างพ่อเลี้ยงภูริชไม่ได้ล้อเล่น ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ โดยเฉพาะแบมบี๋ที่อยากได้มาเป็นเมียจึงต้องเปลี่ยนตัวเองใหม่ จากที่ดุใส่กลายเป็นขี้อ้อนจนหญิงสาวเริ่มกลัว
"ดูแลดีแบบนี้ใครได้เป็นเมียพ่อเลี้ยงภูริชคงโชคดีที่สุดเลยค่ะ"
เพื่อนของเธอเอ่ยแซวไม่จริงจังนัก แต่ทว่าอีกคนกลับคิดจริงเสียอย่างนั้น
"ลองถามเพื่อนเราให้หน่อยสิ ว่าอยากเป็นผู้โชคดีคนนั้นรึเปล่า"
"ว๊าย"
"กรี๊ด"
"แดดดี้! กินไปเลยนะ จะพูดทำไมเยอะ"
"เอ้า ก็พูดจริง ว่าแต่ตอบก่อนสิยังไง... สรุปอยากเป็นคนโชคดีคนนั้นไหม"
เขาสะกิดเอวหญิงสาวยิก ๆ คะยั้นคะยอให้เธอตอบคำถาม ทว่าใบหน้าของเธอในตอนนี้แดงก่ำด้วยความเขินอาย หยอดกันไปมาเหมือนว่าตอนนี้อยู่ด้วยกันเพียงแค่สองคนเท่านั้น
"พ่อเลี้ยงภูริช!"
"จ๋าบี๋ ว่าไงจ๊ะ"
"บ้าที่สุดเลย เพื่อนอยู่เยอะแยะพูดทำไมคะ"
หญิงสาวโวยวายออกมากลบเกลื่อน เธอกลัวใจตัวเองเหลือเกินในตอนนี้ และยิ่งเขาหยอดทุกวันไม่มีหยุด หัวใจที่เคยแข็งแกร่งบัดนี้อ่อนระทวยเหลวเป็นน้ำไปแล้ว
"ก็ถ้าบี๋ตอบตกลงพี่จะได้มีพยานไง"
"รับรักสิแก ฉันเชียร์นะ"
"พวกแก! บ้าจริง เฮ้อ"