หลังจากการประชุมที่แสนยาวนานเสร็จสิ้นลง พนักงานทั้งหมดเริ่มทยอยออกจากห้องประชุมไป เหลือเพียงสองคนที่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ นั่นคือพ่อเลี้ยงภูริชและแบมบี๋
ภูริชหนุ่มหล่อมาดเข้มเจ้าของไร่ชา มองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู และปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้เขาคิดหนักอีกครั้ง เมื่อหญิงสาวอ้อนขอออกไปข้างนอก
“แดดดี้คะ หนูขออนุญาตออกไปกินหมูกะทะกับเพื่อน ๆ ในตัวอำเภอหน่อยได้ไหมคะ”
แบมบี๋พูดออกมาพร้อมกับยิ้มให้พ่อเลี้ยงภูริชอย่างออดอ้อน ทำให้รู้สึกใจอ่อนไม่อาจปฏิเสธได้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่รู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้ามักจะทำตัวน่ารักและขี้อ้อนเสมอเมื่ออยากได้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
“พี่ไม่ให้ไป”
“ทำไมคะ”
เธอเอ่ยถามเสียงใส ก็แค่ออกไปกินหมูกะทะในตัวอำเภอเอง ทำไมจะต้องมาห้ามกันด้วย
“ทำงานหนักมาตลอดทั้งวัน ต้องมีเวลาพักผ่อนบ้างสิคะ น้า ๆ หนูขอออกไปกินกับเพื่อนนะ”
“ไม่ให้ไป”
"แดดดี้!"
"เดี๋ยวนี้ดื้อกับพี่หรือไง หืม"
เขาหันไปคุยกับหญิงสาวด้วยใบหน้าซีเรียส ถึงแม้ว่าจะไปกับเพื่อนก็เถอะ แต่เขาไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น แบมบี๋เป็นเด็กในความดูแล เขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ทุกความเคลื่อนไหว และอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เธอออกไปก็ได้
“ถ้าไปจะไปต้องมีคนไปด้วย"
“เฮ้อ”
แบมบี๋ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็ง ๆ พูดแบบนี้เธอคงไม่ได้ไปอย่างสบายใจแน่
“อย่าบอกนะคะว่าจะไปด้วย จริง ๆ แบมแค่จะไปกินหมูกะทะกับเพื่อนเท่านั้นเอง”
พ่อเลี้ยงภูริชมองดูหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า เขาเห็นความพยายามในการดื้อดึงที่จะขอไปให้ได้ ทั้งที่การกินหมูกระทะจะกินตอนไหนก็ได้ แถมกินที่ไร่นี้บรรยากาศดีกว่าอีก ก็คงอยากออกไปเจอเพื่อนแหละมั้ง ถึงได้รบเร้าขนาดนี้
"พี่รู้ แต่ไม่อยากให้บี๋ไปตอนนี้ ก็แค่ห่วง”
แบมบี๋ยิ้มหวานก่อนจะยกมือไปจับมือพ่อเลี้ยงภูริชเบา ๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เดี๋ยวแบมจะรีบไปรีบกลับ”
พ่อเลี้ยงภูริชมองตามมือของหญิงสาวแล้วพูดออกมาอย่างแน่วแน่
“ถ้าอย่างนั้นพี่จะไปกับบี๋ด้วย”
“อะไรนะคะ”
เธอทำหน้ามึนงงเป็นอย่างมาก ก็นึกว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วซะอีก สรุปก็ยังจะไปให้ได้
“ใช่ พี่จะไปกับบี๋”
เขายังยืนยันคำเดิม
“ถ้าไม่อยากไปก็ต้องให้พี่ไปด้วย เลือกเอาเลยว่าจะไปหรือไม่ไป”
หญิงสาวถอนหายใจออกมาก่อนจะส่ายหน้าเล็กน้อย สรุปว่าเป็นคนดูแลหรือว่าเป็นผัว ตามหวงตามเฝ้าทุกที่จริง ๆ
“ตามใจแล้วกันค่ะ หนูพูดอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่ ไม่เคยไปไหนคนเดียวได้อยู่แล้ว”
เธอทำหน้าน้อยอกน้อยใจเป็นอย่างมาก เขาตามไปเฝ้าจนเพื่อนล้อกันหมดแล้ว เหมือนลูกแหง่ที่ต้องมีผู้ปกครองตามไปเฝ้าในทุกที่
"ก็แค่นี้แหละ คนเรามันต้องพูดให้รู้เรื่องหน่อย อย่าดื้อให้มาก เดี๋ยวจะโดนลงโทษ"
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์ มันเป็นเรื่องปกติที่พ่อเลี้ยงภูริชตามติดแทบจะสิงเธออยู่แล้ว แม้กระทั่งการสร้างธุรกิจให้เธอแถมยังยกให้เป็นชื่อของเด็กในความดูแลทั้งหมด ก็เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าเขาไม่ปล่อยเธอไปไหน
"รู้แล้วค่ะ"
ใบหน้าเล็กงอง้ำอย่างทำอะไรไม่ได้ เขายิ้มออกมาก่อนจะขยับตัวลุกขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็เตรียมตัวได้เลย พี่จะไปด้วย”
"ได้ค่ะ"
ขณะที่ทั้งสองเดินออกจากห้องประชุมพร้อมกัน แบมบี๋ก็ทันได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อเลี้ยงภูริช มันดูอารมณ์ดีอย่างประหลาด และเมื่อเธอเห็นแบบนั้นก็อดยิ้มตามไม่ได้
'เขานี่มันสุดยอดจริง ๆ เลย เฮ้อ'
เมื่อพ่อเลี้ยงภูริชและเด็กในความดูแลมาถึงร้านหมูกะทะในตัวอำเภอ พวกเขาก็เจอกลุ่มเพื่อนของแบมบี๋กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะกลางร้าน ร้านหมูกะทะมีบรรยากาศที่คึกคัก เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
“สวัสดีจ้าทุกคน!”
แบมบี๋พูดทักทายด้วยความสดใส นานทีเธอจะได้เจอเพื่อนก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา
“โอ้! แบม!”
เพื่อนคนหนึ่งลุกขึ้นส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะกวักมือเพื่อให้เธอเข้ามานั่งตรงที่ว่าง
“พ่อเลี้ยงมาด้วยเหรอคะ”
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีครับทุกคน วันนี้ขอมากินด้วยนะ"
ทุกคนยิ้มออกมาไม่พูดอะไรอีก แต่ทว่ากิริยาท่าทางก็คือสะกิดกันในกลุ่มเพื่อน เพราะรู้ดีว่าผู้ชายตรงหน้ามีความสัมพันธ์บางอย่างกับเพื่อนรักของพวกเขา มีแต่แบมบี๋เท่านั้นแหละมั้งที่ไม่รู้ตัว หรืออาจจะรู้แล้วแต่ทำเป็นโง่ไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่การแสดงออกชัดเจนเหลือเกิน
"แบมกินกุ้งไหมเดี๋ยวเราแกะให้"
พ่อเลี้ยงภูริชสังเกตเห็นท่าทางของชายหนุ่มคนนั้น จึงรู้สึกไม่สบายใจ และเริ่มแสดงอาการหึงหวงอย่างเปิดเผย เขามองไปที่ชายหนุ่มด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ
"แบมกินกุ้งไม่ได้"
"อ้าว จริงเหรอทำไมพวกเราไม่รู้มาก่อน"
เพื่อนทุกคนทำหน้ามึนงงเป็นอย่างมาก เมื่อก่อนกินหมูกระทะด้วยกันบ่อย พวกหล่อนก็หยิบกุ้งมาไม่เห็นหญิงสาวจะพูดอะไรเลย
"แฮะ! ความจริงก็แพ้แหละ แต่ว่ามันไม่ได้หนักมากขนาดนั้นก็เลยไม่ได้บอก พวกแกกินเถอะ เดี๋ยวกลับไปกินยาแก้แพ้ก็ได้"
พ่อเลี้ยงภูริชหันไปหาพนักงานขอสั่งเตาเพิ่มมาอีกหนึ่ง เขาขี้เกียจนั่งมองหญิงสาวเกาตามแขนขา เวลาเห็นทีไรแล้วมันหงุดหงิด
"แยกเตาก็ได้ไม่เห็นต้องทรมานตัวเองเลย"
เขาเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นแล้วไปตักของตรงโซนที่ทางร้านจัดไว้ให้ และเมื่อพ่อเลี้ยงภูริชออกจากวงสนทนา เพื่อนสาวทั้งหลายก็รีบสะกิดเพื่อนรักทันที
"เอาดี ๆ ตกลงปลงใจกันแล้วหรือไง"
"นั่นสิทำไมถึงตามหึงหวงแกขนาดนั้นล่ะ"
"ก็นึกว่าเป็นผู้ปกครองซะอีก สรุปแล้วแบมเอาผู้ปกครองมาเป็นแฟนเหรอ"
ทุกคนรีบเอ่ยออกมาพร้อมกับสะกิดกดดันให้เธอตอบคำถาม แบมบี๋ถึงกับกุมขมับ ไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไง เพราะสถานะเราสองคนยังไม่ได้เป็นอะไรเลย
"ไม่ได้เป็นอะไรกันเลย พวกแกอย่าพูดแบบนั้นสิ"
"แต่การแสดงออกมันไม่ใช่นะสิ ไอ้โก้แค่ถามว่าแกอยากกินกุ้งหรือเปล่าจะแกะให้ ดูพ่อเลี้ยงทำหน้าสิอย่างกับจะเอามีดมาแทงอย่างนั้นแหละ"
คนอื่นทำท่าทางขนลุกเมื่อเห็นใบหน้าของเขาเมื่อครู่ ไม่มีผู้ปกครองที่ไหนตามมาเฝ้าเด็กในความดูแลที่ร้านหมูกระทะหรอก ตามติดชีวิตอย่างกับคนเป็นผัว
"เอ่อ ก็ไม่รู้เหมือนกัน"
เธอเหลือบสายตาหันไปมองชายหนุ่มซึ่งตอนนี้กำลังเลือกของสดใส่จานอยู่ ปกติพ่อเลี้ยงก็เป็นคนน่ารักแบบนี้แหละ แถมยังรู้ใจเธอทุกอย่างอีก เธอเองก็มองว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณมาโดยตลอด และสาบานกับตัวเองว่าจะอยู่กับเขา อยู่เคียงข้างกันไปจนกว่าชายหนุ่มจะรำคาญ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดเหมือนกัน เพราะคุยกันเรื่องนี้ทีไรจะต้องจบลงด้วยประโยคคำพูดที่ว่า...
'ถ้าอยากตอบแทนบุญคุณคนอย่างพ่อเลี้ยงภูริชต้องการอย่างเดียวเท่านั้น คือการได้เด็กในความดูแลมาทำเมีย'