“พี่เมฆคะ…” เสียงเรียกเบาๆ ทำให้เหนือเมฆที่กำลังให้ความสนใจคนข้างกายที่เมารถหนักจนเขาต้องจอดให้อ้วกอยู่หลายต่อหลายครั้งหันมามอง เขาส่งยิ้มให้คนที่คุ้นเคยก่อนจะหันไปจูงมืออีกคนให้เดินเพียงคู่กันเข้ามาใกล้
“น้องภัค! ไม่ได้เจอกันนาน สวยขึ้นจนพี่เกือบจำไม่ได้แน่ะ” เหนือเมฆทักทายพร้อมรอยยิ้มก่อนจะหันไปมองพี่ชายที่ดูเหมือนจะไม่ได้เปลี่ยนไปสักเท่าไหร่ นอกจากสีผิวที่ดูเข้มขึ้นเพราะต้องทำงานตากแดดอยู่ในสวนทั้งวัน วูบหนึ่งมันทำให้รู้สึกที่ปล่อยให้พี่ชายต้องแบกรับอะไรต่อมิอะไรภายในบ้านเพียงลำพังส่วนตัวเองกลับใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ที่กรุงเทพ อยากได้อะไรก็แค่โทรมาขอกับมารดาเท่านั้น
“ภัคยังเหมือนเดิมทุกอย่างค่ะ ว่าแต่…นี่เพื่อนของพี่เมฆเหรอคะ” ภัคจิรายังคงทำใจดีสู้เสือเอ่ยถามตามฉบับคนที่มองโลกในแง่ดี
“ไม่ใช่หรอกครับ นี่นุดา แฟนพี่เอง” แต่แล้วคำว่า ‘แฟน’ ที่ออกมาจากปากของเขามันกลับทำให้โลกทั้งใบของเธอหยุดหมุนลงดื้อๆ เมื่อได้ยิน ร่วมนาทีที่เธอเอาแต่มองพวกเขาสองคนสลับกันไปมา หูทั้งสองข้างมันอื้ออึงจนไม่รู้ว่าประโยคต่อมาของเขาพูดอะไร รู้เพียงแต่ว่าเมื่อพูดจบ เขาก็จูงมือคนรักเดินขึ้นบ้านและไม่หันมาสนใจเธออีกเลย
สิ่งที่ได้เห็นด้วยตามันชัดเจนจนไม่ต้องถามอะไรต่อ จะมีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ที่นี่ต่อในเมื่อความจริงก็ชัดเจนอยู่ตรงหน้าว่าผู้ชายที่เธอแอบรักมาตลอดหลายปีตอนนี้เขาได้เจอกับคนที่ใช่แล้ว คิดเช่นนั้นสองเท้าจึงเริ่มต้นเดินออกไปเบื้องหน้าก่อนจะเริ่มรู้สึกชาๆ ที่ฝ่าเท้าเพราะรีบวิ่งมารับเขาจนลืมสวมรองเท้า ทว่าขามาเธอมัวแต่ตื่นเต้นจนไม่รู้สึกเจ็บ ต่างจากขากลับโดยสิ้นเชิงที่เจ็บแทบทนไม่ไหว
แต่ก็ต้องทน! เพราะทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
“เดี๋ยวก่อนสิภัค!” น่านฟ้าเอ่ยขึ้นก่อนจะรั้งต้นแขนของคนใจสลายเอาไว้ เขารู้ว่าตอนนี้เธอกำลังเสียใจแค่ไหนกับเรื่องที่เพิ่งจะได้รู้ ตัวเขาเองก็ทะเลาะกับน้องชายเหมือนกันตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายมีคนรัก แต่เรื่องแบบนี้จะโทษเหนือเมฆก็คงไม่ได้ เพราะนั่นมันเป็นเรื่องของส่วนตัวของมัน การที่น้องชายเขาจะมีคนรักสักคนมันไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถึงจะรู้แบบนั้น เขาก็โกรธมันมากที่ทำให้คนรอที่น่าสงสารเสียใจ
“พี่น่านรู้เรื่องนี้มานานแค่ไหนแล้วคะ” จนเมื่อคำถามนี้ดังขึ้นจากริมฝีปากสวย มันทำให้เขาเงียบอยู่นานสักพัก สุดท้ายก็ยอมบอกความจริง
“สามเดือนก่อน” นานฟ้าตอบไปตามความจริงไม่คิดปิดบัง แน่นอนว่าตอนที่รู้เรื่องนี้ทั้งเขาและก็แม่ต่างก็ตกใจ เพราะตลอดเวลาเหนือเมหไม่เคยเล่าเรื่องคนรักให้ฟังกระทั่งตอนนี้ที่คนทั้งคู่พากันกลับมาไหว้แม่ของเขา ที่ตั้งหน้าตั้งตารอการมาของทั้งคู่อยู่หลายวัน
“แล้วทำไมพี่น่านไม่บอกภัคคะ!”
“พี่กลัวว่าภัคจะเสียใจ ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ” เขาสารภาพไปตามจริง หากรู้ว่าเธอจะเสียใจขนาดนี้เขาคงช่วยพูดกับน้องชายให้คิดดูอีกทีเรื่องความรัก แต่เหมือนคิดได้ในตอนนี้คงไม่ทัน
“พี่ขอโทษ พี่แค่ไม่อยากเห็นภัคต้องเสียใจ…”
“พี่น่านไม่ผิดหรอกค่ะ ภัคต่างหากที่ต้องขอโทษที่เผลอทำตัวไม่น่ารักกับพี่น่าน ภัค…ขอตัวก่อนนะคะ” น่านฟ้าไม่อาจทนมองน้องน้อยที่เขาเฝ้าฟูมฟักมาเป็นอย่างดีเดินกลับบ้านไปในสภาพแบบนี้ได้ เขาตัดสินใจคว้าต้นแขนของเธอเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยอาสาไปส่งเหมือนทุกครั้ง
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ภัคกลับเองดีกว่า” เธออยากอยู่คนเดียวในตอนนี้ อยากมีเวลาได้คิดถึงเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมาว่าเธอไม่ดีตรงไหน ทำไมคนที่เหนือเมฆรักถึงเป็นเธอไม่ได้ ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอรักแค่เขาคนเดียว ไม่เคยมองใครหรือคิดจะเปลี่ยนใจเลย
“ภัคจะกลับเองได้ยังไงเท้าเปล่าแบบนี้ รอพี่แปปเดียวนะ พี่ขอไปเอาจักรยานก่อน” เมื่อเขาย้ำมาแบบนั้นภัคจิราจึงหมดคำทัดทาน ยืนรอไม่นานก็พบน่านฟ้าที่มาพร้อมจักรยานคันเก่าคู่ใจของเขา
หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะเกาะที่เอวหนาด้วยความเคยชิน ไม่รู้เลยว่าการกระทำของตนเอง จะทำให้อีกคนยิ้มอย่างมีความสุข
“เกาะแน่นๆ นะ” น่านฟ้าร้องบอกก่อนจะทำหน้าที่ปั่นจักรยานไปส่งดวงใจของตัวเองอย่างช้าๆ เพื่อยื้อเวลาแห่งความสุขนี้ไปอีกหน่อย
“ขอบคุณนะคะพี่น่าน”
จนเมื่อมาถึงที่หมายภัคจิราก็ลงจากรถและไม่ลืมที่จะหันไปขอบคุณผู้ชายที่มักจะคอยวนเวียนอยู่ข้างๆ เธอเสมอนับตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานาน แต่พี่น่านก็ยังเป็นพี่ชายที่แสนอ่อนโยนของเธอเสมอ เขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่อยู่ใกล้ ต่างจากอีกคนที่ทำให้รู้สึกมีความสุขมาก แต่สุดท้ายมันก็แค่นั้น
เขาไปรักคนอื่นแล้ว
ไม่สิ! เขาไม่เคยรักเธอเลยต่างหาก! สำหรับเขาแล้วเธอคงเป็นไปมากสุดแค่คนน่ารำคาญในสายตาของเขาเท่านั้น ใช่ว่าที่ผ่านมาจะไม่รู้ตัว แต่ถึงจะรู้ก็ยังเลือกที่จะหลอกตัวเองและหวังว่าสักวันเขาจะมองเห็นความรักที่เธอมีให้ แต่ดูเหมือนว่าความหวังนั้นมันคงไม่มีทางเกิดขึ้น ไม่ว่าเธอจะรักและภัคดีกับเขามากสักแค่ไหนก็ตาม