“หนูก็คิดถึงคุณป้ามากๆ เลยค่ะ แต่ที่บ้านไปเที่ยวพักผ่อนที่ยุโรปกันน่ะค่ะ แล้วหนูก็เข้าไปช่วยงานคุณพ่อด้วย เลยไม่ค่อยได้แวะมาเยี่ยมคุณป้ากับยายดาเลย อย่าโกรธกันเลยนะคะ แต่วันนี้หนูมีของฝากมาให้คุณป้ากับยายดาด้วยนะคะ เป็นการขอโทษที่หายหน้าหายตาไปหลายวัน” นุชภายื่นของฝากให้สองแม่ลูก ก่อนจะยิ้มหวาน
“ใครจะไปกล้าโกรธหนูกันล่ะจ๊ะ ป้ามีแต่จะคิดถึงหนูนี่แหละ หนูภานี่น่ารักเสียจริง มาเยี่ยมทีไรเอาของฝากติดไม้ติดมือมาให้ตลอด” คนพูดยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงลิ่วที่นางกำลังอยากได้อยู่พอดี
“ตายแล้วยายดา นี่กระเป๋ารุ่นนี้แม่กำลังจะซื้อ อยากได้อยู่พอดี”
“จริงด้วยค่ะคุณแม่” ดาริกาหันไปยิ้มกับเพื่อนรัก เธอเป็นคนบอกนุชภาเองว่ามารดาอยากได้กระเป๋ารุ่นนี้
ตอนนั่งคุยกันวันก่อนมารดาพูดว่าอยากได้ เธอก็พยายามพูดยั้งเอาไว้ไม่ให้ท่านซื้อ เพราะอยากให้เพื่อนซื้อให้ เพื่อนของเธอจะได้เป็นที่โปรดปรานของมารดา
“ตายแล้วน้ำหอมกลิ่นโปรดของดาเลยค่ะคุณแม่ ขอบใจมากนะจ๊ะภา น่ารักเสียจริง” ดาริกาพูดกับเพื่อนด้วยรอยยิ้ม สองแม่ลูกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะเอ่ยชวนนุชภารับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน
ทั้งสามคุยกันเรื่องสัพเพเหระ ก่อนที่นุชภาจะขอตัวกลับ
“หนูภานี่น่ารักจริง ๆ นี่แหละอนาคตลูกสะใภ้ของแม่”
“อนาคตพี่สะใภ้ของดาด้วยค่ะคุณแม่ ไม่ใช่นังน้ำ โลโซสิ้นดี คุณแม่จำได้ไหมคะวันเกิดหนูปีที่แล้วมันให้อะไร”
“จำได้สิลูก มันทำเค้กเน่า ๆ ให้ลูก เค้กราคาถูกก้อนเล็กนิดเดียว มันก็ใช้แรงวัวแรงควายของมันนั่นแหละทำ ประหยัดไม่ต้องซื้อให้เปลืองเงิน”
“แล้วตอนวันเกิดคุณแม่มันถักผ้าพันคอราคาถูกให้ สวยก็ไม่สวย ยี้... น่ารังเกียจ” ดาริกาทำท่าเป็นขยะแขยง
“แม่เอาทิ้งถังขยะไปแล้วจ้ะ น่ารังเกียจแค่จับแม่ยังไม่กล้าจับเลย มีเชื้อโรครึเปล่าก็ไม่รู้”
“เรื่องนายเข้มเราเอายังไงต่อดีคะ”
“แม่เห็นไอ้เข้มมองนังน้ำตาหวาน”
“แต่มันก็เหมาะสมกันนะคะคุณแม่”
“เราต้องทำให้มันร่วมมือกับเราแต่ต้องด้วยความเต็มใจนะไม่ใช่ฝืนใจ”
“ทำยังไงเหรอคะ ไหนคุณแม่บอกแผนการมาหน่อย”
“ตอนนี้ก็ให้มันสนิทไปก่อน เราขอให้นังน้ำช่วยทำโน่นทำนี่ให้ แล้วก็ให้ไอ้เข้มมันไปช่วย แค่นี้ตาแดนก็เข้าใจผิดแล้ว”
“คุณแม่นี่หัวใสจริง ๆ เลยค่ะ ดาเองก็มีแผนช่วยคุณแม่เหมือนกันค่ะ” สองแม่ลูกขอให้พรนัชชาช่วยทำโน่นทำนี่ พรนัชชาเองก็ดีใจที่สองแม่ลูกดีกับเธอมากขึ้น ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังแดนไทย เธอจึงช่วยทำโน่นทำนี่อย่างแข็งขันและกระตือรือร้นจะช่วยทุกอย่าง อาจเพราะว่าเธอก็ไม่อยากอยู่ว่าง ๆ ไม่ทำอะไรเหมือนกัน เพราะเป็นคนชอบทำโน่นทำนี่อยู่แล้ว
“ฉันซื้อต้นกุหลาบมา ไม่รู้จะปลูกตรงไหนดี เธอว่าปลูกตรงไหนดีล่ะ” คุณดรุณีแกล้งเอ่ยถามพรนัชชา เมื่อเห็นว่าเธอกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่
“ตรงนี้ดีไหมคะคุณผู้หญิง” แม้ท่านจะยอมรับเธอ ไม่แสดงความเกรี้ยวกราดเหมือนก่อน แต่เธอก็ยังไม่กล้าเรียกท่านว่าแม่ คิดว่าคงต้องรออีกสักพัก
พรนัชชาเชื่อแล้วว่าคนเราทำความดี เป็นคนดี ความดีจะชนะทุกอย่าง
“งั้นฉันขอช่วยให้เธอช่วยเอาต้นกุหลาบปลูกให้หน่อยนะ นายเข้มไปไหนก็ไม่รู้”
“ได้ค่ะคุณผู้หญิง” พรนัชชารีบรับคำ เพราะเธอเองก็ชอบดอกกุหลาบ เวลาว่างก็จะซื้อมาปลูกเต็มตรงหน้าบ้านหลังเล็กที่เธออาศัยอยู่กับแดนไทย
“ทำอะไรอยู่เหรอน้ำ”
“ปลูกต้นกุหลาบให้คุณท่านจ้ะพี่เข้ม”
“งั้นให้พี่ช่วยนะ”
“ได้จ้ะ เหลืออีกหลายต้นเลย ช่วยกันจะได้เสร็จเร็ว ๆ” แดนไทยใกล้จะกลับมาแล้ว เธอต้องรีบจัดเตรียมอาหารและเสื้อผ้าให้เขา เขากลับมาจะได้อาบน้ำและรับประทานอาหารพร้อมกัน
“มันช่วยกันอย่างแข็งขันเลยค่ะคุณแม่” ดาริกายืนกอดอกมองพรนัชชากับนายเข้มซึ่งเป็นคนสวนกำลังช่วยกันปลูกต้นกุหลาบอย่างกระหนุงกระหนิง
“ดีจ้ะ เราไม่ได้ใช้ให้นายเข้มไปช่วยเสียหน่อย มันไปช่วยของมันเอง เดี๋ยวตาแดนกลับมาเราก็คอยดูว่าตาแดนจะทำยังไงที่เห็นเมียรักสนิทสนมกับคนสวนขนาดนี้” คุณดรุณีพูดยังไม่ทันขาดคำ แดนไทยก็กลับมาจากที่ทำงานพอดี สองแม่ลูกรีบหลบฉาก รอชมผลงานจากแผนการที่วางเอาไว้
“ทำอะไรกัน!” เสียงเข้มของแดนไทยดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเมียรักกับคนสวนกำลังจับไม้จับมือกันอยู่
“กำลังปลูกต้นกุหลาบค่ะคุณแดน” พรนัชชาเอ่ยตอบด้วยความบริสุทธิ์ใจ
“แล้วทำไมต้องจับไม้จับมือกันด้วย”
“ไม่ใช่นะคะ เราช่วยกันถือต้นกุหลาบเพื่อจะนำลงหลุมเท่านั้นเองค่ะ มันไม่ได้มีอะไรเลยนะคะ” เธอพยายามอธิบาย แดนไทยมีนิสัยอยู่อย่างคือเขาขี้หึงมาก ยิ่งกับนายเข้มยิ่งไม่ชอบมานานแล้ว เพราะเธอเองก็ค่อนข้างจะสนิทกับนายเข้ม แต่เพราะเข้มทำงานอยู่ที่นี่มานานเลยสนิทด้วยเท่านั้น