เฮ้ยยยยย เสียงถอนหายใจดังออกมาพร้อมกัน เมื่อรถของเจ้านายค่อยๆขยับออกไป
ปึก ปึก อื้ม!!!! อื้ม!!!!! พึ่บ!!!! สองคนที่พึ่งถอนหายใจทรุดลงกับพื้นหญ้าทันที มือเกาะกุมต้นแขนที่มีเลือดซึมออกมา คนที่เหลือได้แต่ยืนมอง ทุกคนรู้ดีว่าเจ้านายไม่เคยปล่อยคนที่ทำงานพลาดลอยนวลไปได้ง่ายๆ สองคนนี้ดีแค่ไหนที่แค่กระสุนถากแขน
กระจกรถถูกเลื่อนปิด และห่างไปทันที คนที่นั่งเบาะหลังกำผ้าคลุมไหล่นั้นไว้แน่น ‘ไม่มีทางหนีฉันพ้น’ นอกจากผ้าคลุมไหล่แล้ว เบาะแสอีกอย่างคือรอยสักผีเสื้อที่ไหล่ด้านหลัง เขาหยิบกระดาษออกมาและร่างผีเสื้อตัวนั้นออกมาจากความทรงจำ รอยสักที่มีประกายสีทอง อีกสีน่าจะเป็นสีม่วงมันมืดเขาไม่แน่ใจแต่น่าจะสันนิษฐานจากชุดที่เธอสวมในคืนนี้เพราะมันเป็นสีม่วงคาดทอง สีทองจากประกายของรอยสักที่เข้าตาเขาและผ้าคลุมไหล่ ในที่สุดเขาก็ได้รูปผีเสื้อบนไหล่ด้านหลังของเธอ
รูปร่างปราดเปรียว ผิวขาว ผมยาวสีดำ ดวงตากลมโต รายละเอียดที่ชอว์เขียนไว้ด้านล่าง มันคือคุณลักษณะของเธอคนนั้น และบรรทัดสุดท้ายยี่ห้อน้ำหอม และแบรด์ผ้าพันคอ เธอมีฐานะดีทีเดียว ? เครื่องหมายคำถามที่อยู่ข้าง
หน้าประโยคคำว่า อายุ
กริ่งงงงงงง นาฬิกาปลุกร้องเตือน หกโมงครึ่ง หนูอัญลืมตาทันที เธอหลับไม่สนิทนักตั้งแต่กลับมาถึงบ้านตอนตีหนึ่งกว่าๆ แต่เช้านี้เธอตั้งใจแล้วว่าจะลงไปตักบาตรกับคุณยาย ท่านคงแปลกใจแน่ๆ
“ไม่สบายเหรอลูก” คุณยายตกใจจริงๆที่เห็นเธอลงมาตอนเจ็ดโมงนิดๆ
“หนูอยากใส่บาตรค่ะ” คุณยายตาโตมากขึ้นไปอีก แน่ละ!! ร้อยวันพันปีเธอทำเรื่องพวกนี้แบบนับครั้งได้เลย นิ้วมือของเธอเหลือเฟือที่จะนับจำนวนครั้งการตักบาตรตอนเช้าของเธอ
‘ส่วนบุญในวันนี้ฉันขออุทิศให้กับ.....’ หน้าหวานบูดบี้ เมื่อสมองมโนภาพดวงตาเบิกโพลงนั้น แต่ถ้าเธอไม่ดึงภาพนั้นมาก็กลัวว่าผลบุญจะไปไม่ถึง ก็เธอไม่ได้รู้จักชื่อเขานี่น่า เจอกันครั้งแรกก็ตอนที่เขาไม่มีลมหายใจแล้ว
อื้มมมมม อื้ม อาร์รรรร ณ เวลาเดียวกันแต่ต่างกันที่สถานที่และคน เมื่อคนที่เป็นสาเหตุให้หนูอัญต้องทำให้คนทั้งบ้านแตกตื่นที่เธอมาตักบาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลแต่เช้า เขากลับกำลังอุทิศแรงกายให้กับหญิงสาวงดงามนางหนึ่ง
ชอว์หอบหายใจ ร่างกายร้อนรุ่มไปด้วยไฟราคะที่กำลังเผาผลาญเขาอยู่ในตอนนี้แม้ร่างกายกำลังขับเคลื่อนโยกสะโพกสอบกระแทกแก่นกายเข้าโพรงสาวคนตรงหน้า แต่ภาพที่เขาเห็นในมโนของสมองตอนนี้กลับเป็นดวงตากลมโตและรอยสักรูปผีเสื้อ
ซี๊ดดดดดด เสียงครางดังออกมา ยามที่แท่งร้อนถูกตอดรัด มือหนากระชับสะโพกขาวตรงหน้าอย่างแรง เมื่อไฟราคะในตัวโหมกระพือโชติช่วงมากขึ้น เขาไม่เคยถนอมผู้หญิงคนไหน เขาทำตามแต่ที่เขาอยากทำ ดุดัน ดิบเถื่อน
รุนแรง เขาทำได้โดยไม่มีความเห็นใจผู้หญิงที่เดินทอดน่องมายืนตรงหน้าเขา
อื้มมมมม เสียงร้องที่เคยดังลั่นของผู้หญิง ยังดังออกมาบ่งบอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่มันเบามาก เมื่อสามชั่วโมงแล้วที่เขายังไม่ปล่อยเธอ ทุกสัมผัสของเขารุนแรง จนผิวเธอช้ำแดงและเขียวในเวลาต่อมามากมาย เขาก็หาได้สนใจไม่ เธอบอบช้ำ ร่องรักของเธอทั้งฉีกขาดและบวมแดง เขาก็ไม่สนใจเลยสักนิด ผู้ชายคนนี้เหมือนไม่ใช่คน เนินอกเธอถลอกไปด้วยรอยฟันที่เขาขย้ำยังกับหมาบ้า
“เฮ้ย! แกไปห้ามนายเถอะว๊ะ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันว่าคงต้องแบกแม่นั่นออกไปแบบไม่มีลมหายใจแน่ๆ ฟังสิว๊ะ เสียงร้องเบามากเลยนะโว้ย จะตายคาอกนายเหรอเปล่าก็ไม่รู้”
“แล้วใคร! แทนที่จะส่งแม่นั่นกลับไป รู้ทั้งรู้ว่านายอารมณ์ไม่ดี ยังให้แม่นั่นเข้าไปอีก”
“ก็นายเห็นเธอมานั่งรอแล้วนะโว้ยตอนกลับมา ถ้าฉันส่งกลับแล้วนายถามขึ้นมา แกกล้าตอบนายมั้ยละ” ลูกน้องสองคนหน้าห้องต่อปากกันอย่างพยายามหาคนผิด หาคนรับผิดชอบ
“เอาเถอะ! งั้นตัวใครตัวมันแล้วกัน ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของแม่นั่นก็ถือว่าสิ้นบุญกันเท่านี้ อย่างไรก็ได้ขึ้นสวรรค์ก่อนตายละว๊ะ” หนึ่งในคนเฝ้าประตูสรุปอนาคตที่มีเปอร์เซ็นต์เกิดขึ้นได้จริงๆ ให้เพื่อนอีกคนได้ฟัง
Grrrr Grrrr เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ในบ้านวัฒนาดังขึ้น อัญมณีที่นั่งกึ่งหลับอยู่ที่ห้องนั่งเล่นแค่ลืมตาขึ้นมา เธอคงเผลอหลับไป ก็เธอยังไม่ได้นอนเลยทั้งคืน
“คุณหนูขา คุณเฟิร์นโทร.มาคะ” อัญมณีพยักหน้ารับรู้ โทรศัพท์มือถือของเธอคงอยู่บนห้องนอน
[ฉันนึกว่าแกตายไปแล้ว]
“เออ โทษที เมื่อคืนจู่ๆก็เหมือนจะไม่ค่อยสบายเลยรีบกลับนะ เดินไปบอกไม่ไหว”
[เออ ไม่เป็นไร ก็เห็นแกไม่ส่งข่าวอะไร และทั้งโทร. ทั้งไลน์หา ก็ไม่มีการตอบกลับใดๆสักที]
“โทรศัพท์คงอยู่ตรงไหนสักแห่งหนึ่ง...แล้วที่โทร.มา แค่มาเช็คว่าฉันยังอยู่ใช่มั้ย”
[นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่เมื่อคืนมันมีเรื่องนะสิ!] อัญมณีตาสว่างทันที หรือว่าพบศพ!!!
“ระ...เรื่องอะไร” อัญมณีกลั้นใจถาม ถ้าเป็นเรื่องเดียวกันกับที่เธอคิดเกี่ยวกับศพ ถ้าพวกฆาตกรไม่ได้เก็บผ้าคลุมไหล่เธอไป ตรงบริเวณนั้นก็จะมีหลักฐานเกี่ยวกับเธอ ผ้าคลุมไหล่ รอยรองเท้า เธอควรเอารองเท้าไปทิ้ง ส่วนผ้าคลุมไหล่ระบบการสืบสวนของประเทศไทยคงไม่ถึงขั้นเอาผ้านั่นไปผ่านกรรมวิธีตรวจหาดีเอ็นเอว่าเป็นของใครเหมือนอย่างในซี่รี่ห์ที่เธอแอบดูอย่างซีเอสไอ พวกนั้นหรอกนะ
[ร้านอาหารเมื่อคืนถูกปล้น]
“ถูกปล้น!!!”
[ใช่ และแปลกมากสิ่งที่หายไปคือเทปบันทึกภาพของกล้องวงจรปิดของร้าน] หนูอัญกลืนน้ำลายเหนียวทันที บ้าเหรอเปล่าทำไมถึงไม่ขโมยเงินนะ ขโมยเทปนั่นก็หมายความว่าพวกมันกำลังค้นหาอะไรบางอย่างที่ต้องเป็นเธอแน่ๆ โอ้ยยยยยย!!!! ทำไมชีวิตถึงเป็นแบบนี้นะ อยู่เฉยๆ ไม่ได้เหรอไง ไอ้อัญ! ทำไมแกถึงแกว่งเท้าหาเสี้ยนแบบนี้นะ!!! [อัญ เฮ้ย! อัญ แกยังอยู่มั้ย...] เสียงปลายสายร้องเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบกลับเพราะคนที่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้หายไปจากตรงนี้เสียแล้ว
ฮืออออ ฮือ ฮืออออออ หนูอัญคิดอะไรไม่ออกเธอเลยวิ่งกลับขึ้นมาห้องนอนและเอาแต่ร้องไห้ เพราะตอนนี้ยังนึกอะไรไม่ออก นึกได้อย่างเดียวว่าสิ่งที่ทำได้มีเพียงร้องไห้ ฮือออออ ทำไมชีวิตของหนูมันช่างสั้นขนาดนี้ สิบเก้าปีที่ผ่านมาหนูคิดมาตลอดว่า สิ่งมีชีวิตที่เกิดจากความเกลียดชังและไม่ตั้งใจอย่างหนูช่างแสนโชคดี หมดแล้ว!!! หมดแล้วบุญวาสนาของหนู ฮืออออ เสียงร่ำไห้ผสมสลับกับเสียงคร่ำครวญน้อยเนื้อต่ำใจของหนูอัญดังก้องไปทั่วทั้งห้องนอน
“พระเจ้า!เจ้าขา ทำไมท่านถึงใจร้ายกับหนูนัก ท่านให้หนูเกิดมาทำไมกับชีวิตเพียงแค่นี้...หนูเกลียดท่าน เกลียดท่าน” ฮืออออออ หนูอัญมุดหน้ากับหมอนหนุนใบใหญ่และเล่นใหญ่กับการร้องไห้อย่างหนัก
“เจ้านายครับ คนของเราทำงานเรียบร้อยแล้วครับ” ชอว์แค่พยักหน้ารับรู้ไว้ แต่ตอนนี้เขามีนัดกับใครอีกคน เรื่องพยานรู้เห็นเมื่อคืนนี้เดี๋ยวค่อยมาสะสางต่อ
“เจ้านายครับ รถพร้อมแล้วครับ” ลูกน้องอีกคนเดินเข้ามาในห้องพักโรงแรมระดับห้าดาว เข้ามาแจ้งเรื่องยานพาหนะที่ชอว์ต้องใช้เดินทางไปอีกที่ เขาไม่ได้พำนักอยู่ในประเทศไทย แต่ที่เขาเดินทางมาเนื่องจากมีบางอย่างที่เขาต้องทำเกี่ยวกับคนไทยคนหนึ่งที่หนีกลับมาที่นี่ ตอนนี้เขาได้เบาะแสของเธอคนนี้แล้ว
“เชิญครับ! เป็นเกียรติของผมอย่างมากครับที่ได้ต้อนรับท่านชอว์” ชอว์ไม่ได้รู้สึกยินดีกับคำประจบของคนตรงหน้าเลยสักนิด ในทางตรงข้ามเขาเบื่อและเอือมระอาคนประเภทนี้อย่างมาก “ผมจัดที่ให้ท่านแล้วครับ”
ชอว์และลูกน้องที่ติดตามอีกสามสี่คนเดินตามเจ้าของสถานที่ ที่นี่เป็นผับย่านดังแถวพัทยา เขายอมนั่งรถจากกรุงเทพมาพบคนคนนี้ใช้เวลาการเดินทางสองชั่วโมงกว่าๆ เขาหวังว่าคงมีข่าวดีที่เป็นประโยชน์ให้กับเขานะ