ร่างไร้สติที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงสีขาวภายในโรงแรมม่านรูดสะดุ้งตื่น เมื่อความเปียกชุ่มฉ่ำราดรดลงมาบนผิวกาย
ดวงหน้าหวานเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หล่อนรีบผุดลุกขึ้นนั่ง มองผู้ชายที่ในมือยังถือขวดน้ำด้วยความหวาดกลัวระคนสับสน
“นี่มัน... อะไรกันคะ”
หล่อนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แถมเขายังเอาน้ำมาราดรดซะเปียกปอนแบบนี้อีก
ผู้ชายตัวโตที่ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นแสยะยิ้มหยัน กวาดตามองหล่อนที่มีสภาพเปียกโชกไปทั้งตัวอย่างดูแคลน
“เลิกเล่นละครได้แล้วล่ะมั้ง”
“คุณพูดอะไรน่ะ ฉันไม่เข้าใจ แล้วฉันก็งงไปหมดแล้ว ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่”
หล่อนมองไปรอบๆ ตัวด้วยความหวาดกลัว
“และก็กับคุณ...”
เสียงหัวเราะของหัสวีร์ดังลั่นขึ้น และมันก็เขย่าโสตประสาทของหล่อนให้ตื่นกลัวอย่างรุนแรง เขาโยนขวดน้ำพลาสติกในมือทิ้ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาหา ในขณะที่หล่อนถดถอยหนีลนลานไปจนเกือบจะตกเตียง
“ฉันจับตัวเธอมาเองแหละ”
“คุณจับตัวฉันมา?!”
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย
หล่อนฝันไป หรือว่าหล่อนหูฝาดกันแน่ มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง
“คุณล้อเล่นใช่ไหมคะ”
หล่อนถามผู้ชายที่ยืนทำหน้าเหี้ยมออกไปด้วยความคาดหวัง แม้ความหวังจะริบหรี่นัก เมื่อสายตาของเขาบอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
“เธอคิดว่าฉันมีเวลามาล้อเล่นกับผู้หญิงแพศยาอย่างเธอหรือ”
“คุณมาด่าว่าฉันแบบนี้ทำไมคะ ฉันกับคุณเราไม่ได้เป็นแม้แต่เพื่อนกัน ดังนั้นได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”
หล่อนร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว
หัสวีร์เมินหน้าหนี ยิ่งเห็นน้ำตาของผู้หญิงตรงหน้าก็ยิ่งขยะแขยง
“เล่นละครเก่งแบบนี้นี่เอง พี่ทศถึงได้หลงเสน่ห์จนถอนตัวไม่ขึ้น”
หล่อนเบิกตากว้าง
“คุณพูดอะไรคะ ฉันไม่เข้าใจ”
“กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้องยังจะมาทำเป็นตีหน้าเซ่ออีกหรือ ผู้หญิงแพศยา!”
ยิ่งเขาด่าทอมากเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งอับอายและมึนงงเป็นที่สุด
“ฉัน... ไม่เข้าใจจริงๆ ค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร โอ๊ย...”
หล่อนอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อต้นแขนถูกเขาตะปบเอาไว้เต็มแรง หล่อนเจ็บจนกระดูกร้าวระบม
“ฉันเจ็บนะ”
หัสวีร์แสยะยิ้มร้ายกาจ มองลลิตาอย่างขยะแขยงเกลียดชัง
“ก็ผู้ชายที่เธอกำลังเป็นเมียน้อยอยู่น่ะ คือพี่ชายของฉันยังไงล่ะ”
“ฉัน... ไม่รู้จักพี่ชายของคุณ และฉันก็ไม่เคยเป็นเมียน้อยใครด้วย คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ” หล่อนอธิบาย แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะรับฟัง
“เข้าใจผิดหรือ” เขาหัวเราะเยาะ “แล้วถ้าฉันบอกว่าพี่ชายฉันชื่อทศวัฒน์ล่ะ เป็นคุณหมอหนุ่มหล่อที่รักษายายของเธอน่ะ”
หน้าตาของลลิตาซีดเผือดไร้สีเลือด
“นี่คุณ... เป็นน้องชายคุณหมอเหรอคะ”
เขาแค่นยิ้มหยัน สายตาของเขามีแต่ความเกลียดชังอัดแน่นเต็มไปหมด
“ใช่ ฉันเป็นน้องชายแท้ๆ ของพี่ทศ และตอนนี้เธอก็คงรู้แล้วใช่ไหม ว่าทำไมฉันถึงจับตัวเธอมา”
“แต่ฉันไม่ใช่...”
หล่อนกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่เมื่อนึกถึงบุญคุณของดวงฤดีที่มีต่อตัวเองและยาย ก็ทำให้หล่อนจำต้องหุบปากลง และก้มหน้ายอมรับความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อ
“ฉันจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับคุณหมอค่ะ”
หล่อนจำต้องโกหกออกไป เพื่อปกป้องเพื่อนรักอย่างดวงฤดี
“หึ คิดว่าฉันจะเชื่อคำพูดของผู้หญิงหน้าด้านอย่างเธอหรือไง”
“แต่ฉันสัญญา ฉันจะไม่พบกับคุณหมออีก ฉัน... ฉันพูดความจริงนะ”
“ตอแหล!”
ลลิตาสะดุ้งโหยงด้วยความหวาดกลัว ไม่น่าเชื่อเลยว่าหัสวีร์จะเป็นน้องชายของทศวัฒน์ ผู้ชายที่ดวงฤดีไปเป็นเมียน้อยอยู่ ทำไมโลกมันถึงได้กลมขนาดนี้นะ
“ฉัน... ฉันพูดจริงๆ นะ ฉัน... อ๊ายยย...”
ร่างของหล่อนถูกเขากระชากเข้ามากอดรัด และไม่ว่าจะดิ้นรนแค่ไหน หล่อนก็ไม่มีทางได้รับอิสรภาพอย่างที่คาดหวังเอาไว้
“ได้โปรด... ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉัน... ฉันสัญญาว่าจะไปให้ไกล...”
“หึ คิดว่าฉันจะเชื่อเธอหรือไง ผู้หญิงแพศยา สำส่อนอย่างเธอ คำพูดเชื่อไม่ได้หรอก”
หล่อนน้ำตาไหลริน มองเขาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจเป็นที่สุด
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงคะ จะให้ฉันไปกราบขอโทษพี่สะใภ้คุณเลยไหมคะ”
“พี่ยาคงไม่อยากเห็นหน้าเมียน้อยอย่างเธอหรอก”
“แล้วคุณจะเอายังไงล่ะคะ จะตบ หรือว่าจะตีฉันให้ตายดีล่ะ”
หล่อนน้ำตาไหลรินไม่หยุด เชิดหน้ามองเขาด้วยความเสียใจ
“พี่ทศให้เธอเดือนละเท่าไหร่”
“ฉัน... ฉันไม่รู้”
“อย่ามาบอกว่าไม่รู้ ตอบมา ว่าเธอได้จากพี่ทศเดือนละเท่าไหร่ แลกกับการดีดดิ้นเป็นกะหรี่บนเตียงของเธอน่ะ”
ทำไมวาจาของหัสวีร์ถึงได้หยาบคายแบบนี้นะ ไม่เหมาะสมกับใบหน้าหล่อเหลาของเขาเลยสักนิด แต่เขาคงโกรธจัดนั่นแหละ ถึงได้พูดแบบนี้ออกมา
“ห้าหมื่น”
หล่อนไม่รู้หรอกว่าทศวัฒน์ให้ดวงฤดีเดือนละเท่าไหร่ แต่หล่อนก็แค่เดาส่งออกไปเท่านั้น
“หึ ตั้งห้าหมื่น แพงไปมั้ง กับผู้หญิงเลวๆ แบบเธอ”
“ฉันก็ตอบไปหมดแล้วนี่คะ ยังจะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยฉันกลับไปเถอะค่ะ ฉันต้องกลับไปหายายของฉัน ท่านอยู่คนเดียว”
หล่อนพยายามวิงวอนขอความเมตตา แต่แน่นอนว่าหัสวีร์ไม่มีให้
“ฉันให้เธอเดือนละสองหมื่น แลกกับการเลิกกับพี่ทศ มาเป็นกะหรี่ให้ฉันเอาแทน”
“นี่คุณ...”
หล่อนหน้าแดงก่ำ อับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีเลยทีเดียว
“ทำไม หรือว่าน้อยไป”
เขายิ้มเยาะ และกวาดตามองไปทั่วร่างของหล่อนอย่างประเมินราคา
“แต่ฉันว่าสองหมื่นนี่มันก็มากพอแล้วนะ กับผู้หญิงมือสี่ห้าหกอย่างเธอ หรือว่ามือสิบล่ะ”
เขาดูถูกหล่อนอย่างร้ายกาจ แต่หล่อนกลับปฏิเสธอะไรออกไปไม่ได้เลย เพราะตัดสินใจแล้วว่าจะปกป้องดวงฤดี
“ถึงฉันจะเป็นผู้หญิงมือที่ร้อย แต่ฉันก็ไม่มีวันขายตัวให้คุณ”
“เลือกผู้ชายด้วยหรือ” เขาหัวเราะเยาะ และก็ทำให้หล่อนยิ่งอับอาย
“แต่อยากจะบอกให้รู้นะว่าฉันน่ะ รวยพอๆ กับพี่ทศนั่นแหละ แถมยังดุดันกับเรื่องอย่างว่ามากกว่าพี่ทศอีกนะ เดี๋ยวลองแล้วจะติดใจ”
“คนบ้า นี่อย่ามายุ่งกับฉันนะ ปล่อยฉันไป”
หล่อนอับอายจนร้อนผ่าวไปทั้งตัว ไม่น่าเลย ไม่น่าที่จะมองเขาว่าเป็นเทพบุตรเลย
“งั้นเอาไปสามหมื่นขาดตัว แต่เธอต้องอยู่บนนะ ฉันจะนอนเฉยๆ”
ยิ่งฟังเขาพูด หล่อนก็ยิ่งแสนอดสู
“นี่ฉันทำกรรมอะไรไว้นะ ถึงต้องมาเจอกับผู้ชายใจร้าย ปากร้ายอย่างคุณนะ”
หล่อนดิ้นรน แต่ไม่หลุด แถมยิ่งดิ้น เขาก็ยิ่งรัดแน่น
หัสวีร์เบ้ปากอย่างดูแคลน
“ก็กรรมที่เธอผิดลูกผิดผัวชาวบ้านยังไงล่ะ ถึงทำให้เธอต้องมาเจอผู้ชายอย่างฉัน”
นี่หล่อนจะทำยังไงดี ถึงจะรอดจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ไปได้
“ก็ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าฉันจะไม่ยุ่งกับพี่ชายของคุณอีก ฉันสาบาน...”
“ฉันก็บอกเธอไปแล้วเหมือนกันนี่ว่าฉันไม่เชื่อน้ำคำของผู้หญิงแพศยาอย่างเธอ”
หล่อนและเขามองสบตากันนิ่งนาน ก่อนที่หล่อนจะเป็นฝ่ายหลบตา
“พาฉันไปสาบานที่ไหนก็ได้ ถ้าคุณไม่เชื่อ อ๊ะ... นี่คุณจะทำอะไรน่ะ”
เขาไม่เชื่อ และผลักหล่อนให้นอนราบลงกับเตียงนอน พร้อมกับเขาที่ทาบทับลงมาทั้งตัว
“ปล่อยฉันนะ คนบ้า... ปล่อยสิ ช่วยด้วย...”
“ร้องไปเถอะ ยิ่งร้องฉันยิ่งชอบ มันได้อารมณ์ดี”
หล่อนหน้าซีดเผือด หัวใจราวกับจะหยุดเต้นกับสิ่งที่จินตนาการเอาไว้ในหัว
“ได้โปรด... อย่าทำอะไรฉันเลย ฉัน... ฉันไหว้ล่ะ อย่าทำอะไรฉันเลย ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ”
นั่นสิ ทำไมเขาถึงไม่ปล่อยหล่อนไป ทำไมจะต้องทำแบบนี้ด้วย
หัสวีร์ถามตัวเองในใจ ขณะกวาดตามองใบหน้าสีขาวของผู้หญิงใต้ร่างอย่างกังขาในการกระทำของตัวเอง เขาน่าจะปล่อยหล่อนไปซะ แต่...
“เสียใจด้วยนะแม่เมียน้อยคนสวย เธอจะต้องนอนกับฉัน และเป็นนางบำเรอผูกขาดของฉันตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป”
เพราะมันคือทางเดียวที่จะขจัดผู้หญิงแพศยาคนนี้ออกจากชีวิตครอบครัวของพี่ชายและพี่สะใภ้ได้