ตอนที่ 3.

1505 คำ
“กรี๊ดดดดดด ข้าเจ็บ ท่านได้โปรดช่วยข้าด้วย มันคับ ตึง มันปริเจียนจะฉีกขาด ข้าเจ็บเหลือเกิน ช่วยข้าด้วย” ฟาร่ากรีดร้องเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด โพรงสวาทคับแน่นแสบร้าวไปหมด เจ็บเหมือนโดนฉีกร่างเป็นสองซีกด้วยขนาดท่อนลำที่ใหญ่โตกว่าช่องทางคับแคบของตน น้ำตาไหลอาบแก้ม ร่างเปลือยเปล่าดิ้นเร่าๆ อย่างทรมานแสนสาหัส ดูเหมือนจอมอสูรจะไม่สนใจ ยกร่างของเธอกระแทกเข้าหาท่อนลำจนจมหายเข้าไปในร่างสาว เลือดแดงฉานไหลย้อยออกมาจากช่องทางที่ฉีกขาด ไหลลงมาตามง่ามขา น่ากลัวจนคนที่แอบมองหลับตาด้วยความหวาดกลัว “กรี๊ดดด ข้าเจ็บ ได้โปรด กรี๊ดดด” เสียงกรีดร้องของแม่มดสาวดังก้องโถงวิหาร ยามท่อนลำแข็งใหญ่สอดเสียบเข้ามาในกายสาว มันทั้งจุกทั้งแสบ ทั้งคับตึงเจ็บปวดเจียนขาดใจ แทบจะสิ้นสติ ความหฤหรรษ์ก่อนหน้ามลายหายไปจนสิ้น มีเพียงความทุกข์ทรมานจากการเสพสมของปีศาจ ผลั่บ ผลั่บ ผลั่บ !!! เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะไม่ขาดสาย เสียงกรีดร้องเงียบหายไปเมื่อเจ็บปวดจนสิ้นสติ แต่อสูรยังไม่ยอมปล่อยร่างงามจนกว่าจะบรรลุความต้องการของตัวเอง ร่างงามแทบแหลกลาญตามแรงกระแทกหนักหน่วงนั้น เลือดไหลนองเต็มขาหยดลงบนพื้นจนแดงฉาน ร่างอวบอิ่มอ่อนระทวยเหมือนผักเหี่ยวๆ ฟาร่าถูกจับหมุนเปลี่ยนท่าตามใจปีศาจร้ายที่กำลังเมามันส์กับการเสพสม ด้วยอัดอั้นไม่ได้ปลดปล่อยมานานถึงสามปี เมื่อได้เครื่องเซ่นสังเวยถูกใจจึงจัดการเต็มคาบ “ฟาร่า เจ้าจะหายเจ็บและรับความหฤหรรษ์ในแบบที่เจ้าจะไม่ลืมเลือนไปตลอดชีวิตของเจ้า ลืมตาขึ้นมองข้าสิ แม่มดของข้า” อสูรร้ายร่ายเวทย์พ่นเข้าใส่ร่างไร้สติให้ฟื้นสติขึ้นมารับการเสพสม อสูรไม่ชอบเสพสมกับร่างที่ไร้สติแบบนี้ เครื่องสังเวยถูกเป่ามนตร์ให้คลายความเจ็บปวด เพื่อรองรับตัณหาอันมากมายของตนได้อย่างเต็มที่ “อา... ข้าหายเจ็บแล้ว ซี๊ด เสียว ข้าเสียวมาก” แม่มดฟาร่าลืมตาขึ้นได้ ก็เปล่งเสียงครางแหบโหย ดวงตาคู่งามลอยคว้างไม่เป็นตัวของตัวเองด้วยฤทธิ์มนตรา ความเจ็บปวดก่อนหน้ามลายหายไปจนสิ้น ด้วยอำนาจเวทมนตร์ช่วยปัดเป่าบรรเทาความเจ็บปวดจากท่อนลำขนาดยักษ์ ช่องสวาทขยายรับโอบรัดความแข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่ นาทีนี้แม่มดสาวรู้สึกคับตึงแน่นและเสียววูบวาบร้อนผ่าวไปกับทุกจังหวะการเคลื่อนไหวเข้าออกของลำลึงค์ใหญ่โตนั้น “ท่านขา ฟาร่าจะขาดใจตายแล้ว ทำไมมันเสียวแบบนี้” แม่มดสาวสูดปากกรีดร้องออกมาเสียงแหลม ดิ้นเร่าจากกำหนัดอันรุนแรงที่ได้รับ สติหลุดลอยหาย กายสาวบิดเร่าปรารถนาความหฤหรรษ์อันแสนวิเศษ อำนาจเวทมนตร์ผสมกับน้ำลาวาทำให้ฟาร่าไม่เหลือสติรับรู้สิ่งใดนอกจากสนองตอบอสูรเต็มอารมณ์สวาท “ยอดเยี่ยมมากฟาร่า เจ้าทำให้ข้ากระหายในตัวเจ้า โอ๊ว มันส์เหลือเกินแม่มดของข้า” จอมอสูรกระแทกร่างตอกอัดเข้าหาร่างงามไม่หยุดหย่อน ท่อนลำอวบใหญ่ครูดเข้าออกในโพรงสวาทไปมา เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นราวกับใครสักคนเอาแส้ไปฟาดหลังสัตว์ ดั่งเผียะผละก้องโถงวิหาร พลอยทำให้คนที่หลับตาด้วยความสยองลืมตาขึ้นมองอีกหน มอลลี่สั่นไปทั้งตัว หวาดกลัวกับการสังเวยร่างให้ซาตานจนขนลุกขนพอง นึกภาพตัวเองแทนที่ฟาร่า เธอคงขาดใจตายตั้งแต่โดนกระบองยักษ์ท่อนนั้นแทงเข้าสู่กายสาวไปแล้ว ฟาร่าช่างอดทนเก่งเหลือเกิน เธอสงสารเพื่อนจนน้ำตาไหล พอๆ กับกลัวสิ่งที่ฟาร่าได้รับจนไม่กล้าขยับตัว ได้แต่จ้องภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่แบบนั้น “อ๊าซ์ สามปีแล้วสินะที่ข้าไม่ได้รู้สึกมันส์สะใจแบบนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าจะกลืนกินเจ้า จะทำให้เจ้าสุขสม กรีดร้องดังๆ ฟาร่า ข้าชอบ กรีดร้องเพื่อข้า” อสูรหัวเราะเสียงดัง กระหน่ำท่อนลำยักษ์เข้าหาร่างขาวโพลนของแม่มดสาวน้อยอย่างกระหายหิว ยิ่งได้ลิ้มรสสวาท ยิ่งอยากดื่มกินไม่รู้จักอิ่ม แต่ด้วยข้อกำหนดของเวลาที่มีเพียงชั่วโมงเดียว ทำให้ไม่สามารถทำได้ดังใจปรารถนา จึงได้แค่เร่งเสพสุขร่างงามนี้ให้ได้มากที่สุด รอคอยเวลาถูกอัญเชิญออกมารับการสังเวยอีกครั้ง ซึ่งไม่รู้วันเดือนปีไหน แม่มดสาวถูกจับพลิกไปมาเข้าหาท่อนลำใหญ่อยู่แบบนั้นนานร่วมชั่วโมง ก่อนที่อสูรจะปลดปล่อยน้ำอมฤทธิ์ออกมาในร่องสวาท “กรี๊ดดดดดดดดด” คราวนี้น้ำอมฤทธิ์ทำให้ร่างงามกระตุกเกร็งไปทั้งร่าง ฟาร่ากรีดร้องออกมาเสียงดังลั่น เมื่อความร้อนจัดพุ่งวาบเข้ามาในท้อง ทั้งเจ็บปวดทั้งแสบร้อนราวกับถูกน้ำเดือดจัดอัดฉีดเข้ามาในกาย บิดร่างด้วยความทรมาน ความหฤหรรษ์ก่อนหน้าสลายไปจนหมดสิ้นพร้อมสติที่หลุดลอยหายไป เจ้าตัวรู้ดีว่าจะต้องตื่นขึ้นมาในสภาพใดเมื่อได้เลือกหนทางนี้แล้ว มอลลี่เบิกตากว้างเมื่อเห็นไอสีทองโอบรอบร่างเปลือยของฟาร่าที่ถูกวางลงบนแท่นศิลา อสูรอ้าปากกว้างดูดกลืนความเยาว์วัยจากร่างนั้นจนค่อยๆ แปรสภาพจากเดิม ผมสีดำเริ่มกลายเป็นสีขาว ผิวกายค่อยๆ เหี่ยวย่นลงทีละน้อย จมูกยืดออกจนงองุ้ม หนังตาตก ผิวเกิดรอยตะปุ่มตะป่ำผุดขึ้นเต็มไปหมดราวกับหนังคางคก ร่างงดงามของวัยสาวกลายเป็นหญิงชราหน้าตาน่าเกลียดเมื่อถูกดูดไอชีวิตไปจนสิ้น “จงรับอำนาจวิเศษไป แลกกับความเยาว์วัยของเจ้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า” อสูรแบมือออก พลันปรากฏไม้วิเศษสีดำขึ้น อสูรวางไม้นั้นลงบนมือของแม่มดฟาร่า ก่อนจะกลายเป็นกลุ่มควันลอยหายวูบเข้าไปในรูปปั้นเช่นเดิม ปล่อยให้ร่างของแม่มดฟาร่านอนไร้สติอยู่บนแท่นศิลาอย่างน่าเวทนา “น่ากลัว น่ากลัวที่สุด ไม่เอา ข้าไม่ยอมเป็นเหมือนเจ้าแน่ฟาร่า” มอลลี่ส่ายหน้าไปมาด้วยความหวาดกลัวจับใจ แม่มดสาวรีบวิ่งหนีออกจากวิหารตรงไปยังอุทยาน ตรงไปยังบ่อน้ำกลางอุทยานซึ่งเป็นช่องทางเชื่อมต่อระหว่างโลกเวทมนตร์กับโลกมนุษย์ อันเป็นสถานที่ต้องห้ามของเหล่าแม่มดพ่อมดทั้งหลาย “ข้าจะไม่ยอมไปเซ่นสังเวยร่างให้ซาตาน ข้าไม่อยากเป็นแม่มดแก่หนังเหี่ยวน่าเกลียด ข้าต้องหนีไปก่อนที่ใครจะรู้” แม่มดสาวกลั้นใจกระโดดลงไปในบ่อน้ำ โลกมนุษย์จะกลายเป็นที่หลบภัยให้นางได้ดีที่สุด และนางจะไปโผล่ตรงไหนของโลกมนุษย์กันนะ   ร่างของแม่มดสาวจมลงไปในก้นบ่อน้ำ สายน้ำหมุนวนพาร่างของเธอจมดิ่งลงไปสู่โพรงสีเขียว มอลลี่หลับตาแน่นขณะถูกแรงดูดมหาศาลดูดเข้าไปในโพรงนั้น ร่างกายคล้ายถูกบีบอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก แรงดูดได้พาเธอร่วงลงมากระแทกกับพื้นทราย ก่อนจะกลิ้งลงไปจากตรงนั้นเพราะเป็นเนินสูง แม่มดสาวรู้สึกจุกจนน้ำตาไหล ได้แต่นอนนิ่งให้หายจากอาการนั้น ร่างงามนอนแผ่หลาบนพื้นทรายละเอียด รอบกายมืดมิดมีเพียงแสงดาวนับล้านดวงบนท้องฟ้าเป็นเพื่อน อากาศหนาวเย็นยะเยือกจนสั่นไปทั้งตัว มอลลี่หยัดกายลุกขึ้นนั่งเมื่อหายจากอาการจุกเสียด กวาดสายตามองไปรอบกาย มองเห็นเพียงก้อนหินและเศษซากปรักหักพังของนครโบราณกลางทะเลทราย และต้นกระบองเพชรขึ้นกระจายเป็นหย่อมๆ โอบล้อมด้วยความเวิ้งว้างของผืนทรายอันกว้างสุดลูกหูลูกตา “ที่นี่ที่ไหนของโลกมนุษย์กันนะ ทำไมมีแต่ทะเลทรายไม่มีผู้คนเลย” มอลลี่ลุกขึ้นยืนหมุนตัวมองไปรอบๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินไปยังกองซากปรักหักพังซึ่งคิดว่าพออาศัยพักพิงได้ พอเดินเข้าไปใกล้เธอมองเห็นแสงไฟจากกองไฟ มีผู้คนจำนวนหลายสิบอยู่ที่นั่นบางคนกำลังนั่งผิงไฟ บางคนดูแลอูฐ มีกระโจมที่พักกางไว้หลายหลัง กระโจมหลังตรงกลางเป็นกระโจมหลังใหญ่ที่สุด ดูจากการตกแต่งและขนาดของมันคงเป็นของคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม ด้านหน้ากระโจมมีคบเพลิงจุดไว้ให้แสงสว่าง มีคนยืนถือดาบคอยคุ้มภัยอยู่ถึงสองคน และอีกหลายคนเดินยามป้องกันอันตรายให้ผู้ที่อยู่ด้านใน 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม