“ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าที่ข้าเตรียมไว้ ได้เวลาที่เจ้าต้องไปถวายตัวแล้ว”
มอลลี่ถอนหายใจอีกรอบ ลุกไปหยิบเสื้อผ้าที่นางพี่เลี้ยงส่งให้มาสวม พลางคิดหาทางหนีทีไล่ เธอจะไม่มีวันยอมไปถวายตัวให้องค์ราชามนุษย์แน่ แม่มดสาวนึกถึงของวิเศษที่ติดตัวมานอกจากลูกแก้วล่องหน แล้วยังมีผงลวงตา กับยารักษาบาดแผล และลูกอมแปลงร่าง สิ่งเหล่านี้จะช่วยเธอให้หนีรอดได้หรือเปล่าหนอ
“เจ้าคงหิวน้ำ ดื่มน้ำทับทิมนี่ก่อนสิ จะได้สดชื่น” นางพี่เลี้ยงส่งแก้วใส่น้ำสีแดงให้
มอลลี่รับมาดื่มอย่างกระหาย ตั้งแต่หล่นปุ๊กลงมายังโลกมนุษย์ ยังไม่ได้ดื่มน้ำสักหยด เธอกระหายจนคอแห้งเป็นผง
“น้ำทับทิมนี่จะช่วยให้เจ้ามีแรงรับศึกหนักจากองค์ราชาทั้งคืน หึ หึ” นางพี่เลี้ยงหัวเราะชอบใจ
มอลลี่ตาเบิกกว้าง มองแก้วน้ำในมืออย่างตกใจ นึกถึงน้ำลาวาในดินแดนแม่มดขึ้นมาทันที น้ำนี่คงไม่มีสรรพคุณแบบเดียวกับน้ำลาวาหรอกนะ!
“น้ำทับทิมสูตรพิเศษของข้า ผสมสมุนไพรชั้นยอด ช่วยให้หญิงสาวไม่เจ็บปวดขณะร่วมรัก และทำให้มีเรี่ยวแรงตลอดทั้งคืน มันได้ผลดีเสมอ ข้าให้เจ้าดื่มมันเพราะคิดว่าองค์ราชาคงจะเสพสมกับเจ้าทั้งคืน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงหัวเราะบาดหูคนฟัง จนอยากจะหาอะไรทุบหัวเจ้าของเสียง มอลลี่อยากร้องกรี๊ดดังๆ ให้หายแค้น เธอได้ยินว่ามนุษย์ผู้ชายชั่วร้ายแต่ตอนนี้เธอคิดว่ามนุษย์ผู้หญิงก็ชั่วร้ายไม่ต่างกัน
“เอาละ ถึงเวลาที่เจ้าต้องไปถวายตัวแล้ว”
นางพี่เลี้ยงจับข้อมือแม่มดสาวพาจูงไปยังห้องอีกห้องด้านในสุด ซึ่งเป็นห้องบรรทมขององค์ราชา เจ้าของห้องเอนกายรออยู่บนเตียงเรียบร้อย ใบหน้าคมคายใต้หนวดเคราดูน่ากลัวในสายตาของมอลลี่ แม่มดสาวขนลุกซู่เมื่อสานสบนัยตาคมดุคู่นั้นที่กำลังทอดมองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาหื่นกระหาย ในดินแดนแม่มดเหล่าพ่อมดไม่เคยจ้องมองแม่มดสาวด้วยแววตาแบบนี้มาก่อน มอลลี่เป็นแม่มดพรหมจรรย์จึงไม่มีพ่อมดคนไหนสนใจ เพราะตามกฎของดินแดนแห่งเวทมนตร์แล้ว ห้ามไม่ให้พ่อมดแม่มดที่ไม่ได้ถวายตัวกับราชาและราชินีเสพสมกัน มอลลี่จึงเปรียบดังดอกไม้งามที่ไร้คนเหลียวแล ไม่เคยชินกับสายตาหื่นกระหายแบบนี้
“ข้านำเครื่องบรรณาการจากแคว้นปาลีญ่ามาถวายเพคะ” นางพี่เลี้ยงดึงแขนมอลลี่ให้คุกเข่าลง
แม่มดสาวรู้สึกหวาดหวั่นจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว ภาพการเสพสมของอสูรกับฟาร่ายังติดตา ถึงองค์ราชาไม่ตัวโตเท่าอสูรแต่ก็ร่างกายใหญ่โตกว่าเธอเกือบเท่าตัว ภาพกระบองยักษ์ของอสูรวาบผ่านเข้ามาในหัว มอลลี่เผลอมองไปที่เป้าของอีกฝ่ายแล้วตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นบางสิ่งโป่งพองจนดันผ้าออกมาเป็นรูปรอยคล้ายกระบอง มือน้อยชื้นเหงื่อกำถุงใส่ของวิเศษไว้แน่น
“ออกไปได้แล้วดีน่า” ราชาโบกมือไล่นางพี่เลี้ยงชรา
“ขอให้องค์ราชาสำราญกับนางบำเรอคนใหม่ให้เต็มที่ ข้าขอตัวก่อนเพคะ”
นางพี่เลี้ยงรีบพาตัวเองออกไปจากห้องอย่างว่องไว สายตาชำเลืองมองร่างงดงามของนางบำเรอคนใหม่อย่างฝากความหวัง เสร็จจากคืนนี้หวังว่านางจะทำให้ราชาทรงโปรดจนได้ตำแหน่งสำคัญ ถึงตอนนั้นนางคงจะไม่ขัดข้องหากจะขอรางวัลสักเล็กน้อย พี่เลี้ยงชราวาดหวัง
“มาใกล้ๆ ข้าสินางคนงาม”
ราชาฟารุคดินเรียกนางให้เข้ามาหา แต่ต้องขมวดคิ้วเมื่อนางส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นยืนทำท่าจะวิ่งหนี ร่างสูงใหญ่กระโจนเข้ามายื้อยุดนางไว้ แต่หญิงสาวสะบัดแขนจนหลุดวิ่งหนีไปอีกทาง การไล่ล่าจึงเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายหญิงวิ่งวนไปรอบๆ และฝ่ายชายวิ่งไล่
“จะหนีไปไหน ข้าเป็นถึงราชานะ ทำไมเจ้าถึงกล้าขัดใจข้า”
ราชาหนุ่มคำรามด้วยความโมโห ตั้งแต่เป็นเจ้าชายจนมาครองตำแหน่งราชา ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนวิ่งหนีพระองค์มาก่อน นางเป็นแค่เครื่องบรรณาการของแคว้นเล็กๆ แต่บังอาจกล้าขัดใจไม่ยินยอมถวายตัวดีๆ แบบนางบำเรอคนอื่นก่อนหน้าทำกัน มันน่าจับประหารนัก แต่ความงามของนางทำให้รู้สึกเสียดายหากไม่ได้ลิ้มรสเสียก่อน
“จะเป็นราชาหรือเป็นใครข้าไม่สน ข้าไม่ยอมให้ท่านทำอะไรข้าง่ายๆ หรอก”
แม่มดสาวตอบโต้อย่างไม่กลัวเกรง ขนาดราชาพ่อมดนางยังไม่คิดไปถวายตัว นับประสาอะไรกับราชามนุษย์ มอลลี่กำถุงใส่ของวิเศษไว้ คิดหาวิธีจัดการกับคนหื่นกามขณะวิ่งหนี แต่ทว่าไม่มีโอกาสเมื่อราชาจอมหื่นวิ่งไล่นางไม่ปล่อยให้มีเวลาหยุดพัก
ว้าย!
ในที่สุดร่างงามก็หนีไม่พ้นถูกคนตัวโตกว่าจับได้ ร่างอรชรถูกจับโยนโครมลงบนเตียงนุ่ม
"อย่า อย่าทำอะไรข้าเลย"
ร่างงามถดกายถอยหนีไปจนชนพนักเตียง ไร้ซึ่งทางหนีเมื่อร่างหนาใหญ่โถมกายเข้ามาคร่อมทับเธอไว้ ใบหน้ารกเรื้อด้วยหนวดเคราก้มลงมาหา ริมฝีปากสีแดงแสยะยิ้มชวนผวา ก่อนจะตะโบมจูบริมฝีปากอิ่มอย่างหิวกระหายจนไม่อาจเปล่งเสียงร้องออกมาได้ นอกจากครางอึกอักในคอ ลิ้นร้อนซอกซอนเข้าไปในโพรงปากนุ่ม ดูดดุนลิ้นเล็กที่พลิกหลบราวกับงูไล่เหยื่อ รสชาติของเธอช่างหอมหวานจนทำให้คนจูบไม่อาจผละออกโดยง่าย ปากน้อยๆ จึงตกเป็นขนมหวานอยู่นานหลายนาที ก่อนที่เขาจะยอมถอนจูบอย่างเสียดาย มือฉีกกระชากชุดบางออกจากร่างงาม ดังแควก แควก
"โอ้ เจ้าช่างงดงามเหลือเกิน สมแล้วที่เป็นบรรณาการล้ำค่า"
ราชาหนุ่มตะลึงลานในความงามอย่างหาผู้ใดเปรียบของนางบำเรอคนใหม่ ร่างเปลือยเปล่างามผุดผ่อง ผิวกายขาวราวกับน้ำนมสด เต้าทรวงอวบสล้าง ปลายยอดถันสีแดงราวเม็ดทับทิม ดวงตาวาววามกวาดไล้ลงมายังเนินสามเหลี่ยมใจกลางร่าง และก็สูดปากลั่นเมื่อเห็นความงดงามของกุหลาบสาวที่ไร้หนาม เนินสาวขาวอวบอย่างกับหลังเต่า กลีบผกาปิดสนิทแน่นแบบนี้สาวพรหมจรรย์แน่นอน
"โอ้ว ยอดเยี่ยม งดงามมาก เจ้าทำให้ข้าเกือบพุ่งกระฉูดทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสภายในกายเจ้า ข้าจะดื่มกินเจ้าให้หนำใจนางบำเรอของข้า เจ้าจงมอบความหฤหรรษ์ให้ข้าบัดเดี๋ยวนี้"
“ไม่นะ อย่าทำอะไรข้าเลย ข้าไม่ใช่มนุษย์” มอลลี่ละล่ำละลักห้ามปรามด้วยความหวาดกลัว
“หากแม่มดตนใดที่ยังเป็นสาวพรหมจรรย์เสพสมกับมนุษย์ แม่มดตนนั้นจะสูญสิ้นความเป็นแม่มด หมดสิ้นอำนาจเวทมนตร์และจะถูกราชากับราชินีลงทัณฑ์”
คำเตือนของแม่มดผู้คุมกฎได้เอ่ยให้แม่มดทุกนางรับรู้ นับตั้งแต่กำเนิดขึ้นมาในแดนเวทมนตร์ ไม่เคยมีใครกล้าละเมิด และไม่มีแม่มดตนใดได้พบปะรู้จักกับมนุษย์ก่อนจะถวายตัวให้ราชาหรือเซ่นสังเวยให้ซาตาน โลกมนุษย์เป็นดินแดนที่ไม่มีแม่มดตนใดได้มาถึง หากไม่มีคำสั่งจากราชาให้ทำหน้าที่ในโลกนั้น การที่เธอหนีมาที่นี่ทำให้พบปะกับมนุษย์ทั้งยังเป็นสาวพรหมจรรย์ จึงเป็นเรื่องอันตรายยิ่งนัก
“ไม่ใช่มนุษย์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า อย่าบอกนะว่าเจ้าคือนางฟ้า ถ้าเจ้าบอกเช่นนั้นข้าก็จะเชื่อเจ้า เพราะเจ้างามเหลือเกิน”
ฟารุคดินหัวเราะลั่น ก้มลงมาหอมแก้มนวลแรงๆ อย่างมันเขี้ยว ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วร่างงามแววตาหื่นกระหาย อารมณ์ตื่นโพลงอยากจะกลืนกินนางให้สมใจอยาก
“ได้โปรดเถิด ข้าไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่นางฟ้า แต่ข้าเป็น... อุ๊บ!”
แม่มดสาวไม่ทันพูดจบ ปากก็ถูกปิดไว้ด้วยริมฝีปากร้อนผ่าว ราชาหนุ่มไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระ จึงไม่ปล่อยให้นางพูดมากไปกว่านี้ จึงปิดปากนางด้วยจุมพิตดุดัน ดื่มกินริมฝีปากหอมหวานดุจน้ำผึ้งของนางอย่างกระหาย ปลายลิ้นซอกซอนเข้าไปควานหาความหวานภายในโพรงปากนุ่ม ดูดดุนเรียวลิ้นเล็กที่ส่ายไปมา จนนางหยุดดิ้นรน ผู้หญิงต่อให้เก่งแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้แก่ผู้ชายอยู่ดี ฟารุคดินนึกกระหยิ่มใจตะโบมจูบริมฝีปากนุ่มจนนางอ่อนระทวย