ตอนที่ 9
ปาบถลูกชายคนเล็กของคุณอรอภิญญานั้นเรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติปากช่องนครราชสีมา ทุกๆเย็นของวันศุกร์เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดจะเลิกเรียนแล้วกลับมาค้างกับพ่อแม่ที่กรุงเทพรถของทางสถาบันขับมาส่งถึงกรุงเทพ จากนั้นนักเรียนต้องไปรถส่วนตัวของผู้ปกครอง รถจอดอยู่ที่ทำการของสถาบันซึ่งเป็นเครือวิทยาเขตในกรุงเทพ ซึ่งอยู่แถวถนนวิภาวดีรังสิต
ปาบถนั้นแสนสนิทสนมกับยัยหลานพอๆกับพี่แลมพ์พี่ชายคนรองของเขาเด็กหญิงอิสลิณมักติดปากเรียกอาคนนี้คือเขานั้นว่า อาเล็กเจ้าขาส่วนปาบถมักจะล้อหลานเล่นว่า ยายต้วมเตี้ยม เพราะบางครั้งหนูอิสลิณเดินช้าเหมือนเต่าคลานต้วมเตี้ยมเลยเป็นที่มาของชื่อนี้ปาบถมีชื่อเล่นว่าแฮม หรือ น้องแฮม ของคนในบ้าน
เมื่อปาบถนั้นใช้มือผลักเปิดประตูเข้ามา พร้อมกับเอ่ยทัก
“แล้วพี่มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้หรือครับท่าทางมีเรื่องหนักใจ พอที่จะบอกแฮมให้ทราบบ้างได้ไหมครับ”
เสียงนั้นเป็นของน้องชายเมื่อวาทิตหันขวับกลับมา
“ไม่มีอะไรหรอกแฮม เอ้อ พี่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นล่ะ” นั่นคือคำตอบที่ให้น้องชาย ปาบถยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่มากพอ เริ่มเป็นวัยรุ่น
“ยัยอุ้มล่ะ” เมื่อนึกถึงหลานสาวที่ช่วงเวลานี้แม่บังเกิดเกล้ามาอยู่ด้วย และรำสิหร่าเพิ่งเดินทางกลับไปเมื่อเช้าตรู่ของวันนี้
“อ๋อเห็นเล่นอยู่กับบรรจงใกล้ๆสระบัวโน่นครับ แต่ท่าทางดูซึมนั่งเหงาเลยทีเดียวคงอาลัยอาวรณ์ตอนที่แม่กลับไป ทำท่าจะร้องไห้ ตาแดง.. ผมก็เลยไปแหย่แกเล่นหลายรอบ ไม่มีอะไรทำ..ชอบแกล้งหลาน ”
น้องชายเขาพูดเป็นเรื่องสนุก
“แล้วหลานแกตอบมายังไงบ้าง”
เอ่ยตอบพี่ชายคนรองเท่าที่เห็น
“ท่าทางไม่มีอารมณ์หรอกครับ ไม่พูดไม่จาเลย” “ยังงั้นเหรอ”แลมพ์ตกใจ
“ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ห่วงว่าแกจะไม่ปกติ อาจจะเป็นทางจิต เอ กรรมพันธุ์หรือไม่นะ หรือถ้าพี่ชาติเป็นก็อาจจะติดมาที่ลูก”
“แต่ผมว่ายายอุ้มแกเป็นเด็กฉลาดนี่ครับท่าทางเรียนเก่งด้วยร่าเริงแจ่มใสไม่ใช่เด็กมีปัญหาหรอกครับพี่แลมพ์”
“เราจะพูดอย่างนี้มันก็ไม่ถูกหรอกนะแฮมเรื่องแบบนี้หมอถึงจะสังเกตเห็นได้พี่ก็ขอภาวนาว่าอย่าให้ยัยอุ้มเป็นเหมือนพ่อแกเลยฉะนั้นเราต้องช่วยแกแล้วแฮมเป็นอีกหนึ่งแรงที่ต้องช่วยพี่ด้วยนะ ยังไงมันก็หลานเรา”
เขาฝากเรื่องนี้ไว้กับน้องชาย
***********************************
และอีกสองอาทิตย์ต่อมา คิ้วนางแสนดีใจกับข่าวคราวที่ได้ทราบว่าเพื่อนเก่าสมัยเรียนอยู่ชั้นประถมด้วยกันมาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ อยู่แถว ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เป็นเพื่อนสนิทในวัยเด็กและก็ไม่พบเจอกันมานานตั้งแต่จบจากชั้นประถม หากแต่ทราบข่าวจากเพื่อนทางบ้านเลยขอที่อยู่และอยากเดินทางมาเล่นคุยทักทายเพราะเวลานี้คิ้วนางก็มาอยู่ที่กรุงเทพแล้ว แต่รู้สึกเหงาอย่างมาก เนื่องด้วยวันนี้ วิรินทร์เพื่อนสาวนั้นว่างเพราะเป็นวันหยุดพักผ่อนแต่ก็นัดให้คิ้วนางมาพบที่ร้านจะสะดวกกว่า ดังนั้นคิ้วนางเลยขออนุญาตพี่ชาย ซึ่งพี่ชายก็อนุญาต เพราะคิดว่าคิ้วนางคงจะเบื่อบ้านและรู้สึกเหงา
ครั้นแล้วเขาได้เดินทางมาถึงสถานที่แห่งนี้คือผับ เพราะอารมณ์เบื่อบ้านเขาจึงตัดสินใจมาที่นี่ ถือว่าเป็นการออกมาเที่ยวครั้งแรกหลังจากที่ชายหนุ่มนั้นได้เก็บตัวนานมากกว่าห้าเดือน และเขาก็ถอยรถเข้ามาจอดในช่องจอด
ก่อนเดินเข้าไปที่ข้างในผับพร้อมกับขอสั่งเบียร์อย่างเดียวไม่เอากับแกล้ม หากแต่ไม่ยอมเรียกเด็กสาวให้เข้ามานั่งคุยด้วย เพราะเขานึกรังเกียจผู้หญิงตรงหน้า
นั่นคือหล่อนเป็นพวกเด็กนั่งดริ๊งและเขาไม่ต้องการให้มาเกาะแกะวุ่นวายกับเขา
“รินทร์” เมื่อคิ้วนางทักขึ้น เมื่อได้เห็นหน้ากันชัด เพราะไม่เจอกันนาน ฝ่ายวีรินทร์ก็ดีใจเช่นเดียวกัน
“จ้ะ นาง เอ้อ เข้าไปข้างในก่อนเถอะ แหม นี่ถือว่า เก่งนะ มาถูกร้านแบบนี้”
วีรินทร์ตอบแล้วพลางชื่นชมเพื่อนรัก แล้วฝ่ายคิ้วนางก็ออกจะตกใจอยู่บ้างที่เห็นการแต่งตัวของวีรินทร์และกลุ่มเพื่อนๆในที่ทำงานเป็นแบบนี้ นุ่งน้อยห่มน้อยหมิ่นเหม่ เพราะเป็นลักษณะการโชว์อวดเรือนร่างจนดูโป๊
และใบหน้าของเธอแดงขึ้นพร้อมกันนั้นคิ้วนางก็ถูกวีรินทร์นั้นดึงมือไปอีกทางด้านหนึ่ง หากก้าวเข้ามาแล้ว ในร้านประดับด้วยแสงไฟสีฉูดฉาดและมีพนักงานสาวสวยที่แต่งกายแบบล่อแหลมจนมันทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมา ถามใจตัวเองว่า นี่คิดว่าถูกหรือผิดกัน คิ้วนางที่เธอมาใน สถานที่แบบนี้
และก็ต้องใช้บริการของทางร้านด้วยไม่ได้มาแบบฟรี เพราะคิ้วนางก็รู้สึกเกรงใจ ไม่เป็นไรหรอกนานๆถึงจะมาสักครั้ง พยายามทำใจให้เป็นปกติเพื่อได้คุยกับเพื่อนนานๆ
สั่งอาหารและเครื่องดื่มหากแต่ว่าเบื้องหน้าเหมือน มีใครสักคนที่กำลังจ้องมองมาทางหล่อนเหมือนลอบสังเกตอยู่นาน
ใครกันล่ะผู้ชายคนนั้นหรือ เพราะเห็นว่าเขานั่งอยู่ตามลำพังคนเดียวโดยที่ไม่มีผู้หญิงมารุมห้อมล้อมเหมือนกับแขกโต๊ะอื่น
และคิ้วนางทำท่าจะไม่สนใจอีกทั้งหน้าตาของผู้ชายคนนั้นเธอยังไม่เห็นชัดแต่คิดว่าเป็นหนุ่มใหญ่ และคงเป็นนายเพลย์บอยที่ว่างจัดจนมีเวลามาเที่ยวเสเพลคลายเครียดอย่างนี้
แต่ว่าไม่นานนักก็เห็นเขาลุกจากที่นั่งเห็นซีกใบหน้าที่แดงก่ำ อ้อ นั่นเขาแค่ลุกออกไปโทรศัพท์ เสร็จแล้ว ก็เห็นย้อนกลับมานั่งในที่เดิม ก็แปลกเหมือนกันผู้ชายคนนี้ เขาต้องการอะไรกันแน่
“อุ๊ย ล้อหล่อ เสียเหลือเกินผู้ชายคนนี้คงเป็นขาจร ล่ะแต่ก็ไม่เห็นจะสนใจพวกเราสักคนเลยฮึหล่อแบบนี้ กลัวว่า ฮี จะกามตายด้านหรือเปล่า”
และอนงค์นางหนึ่งก็เอ่ยลอยๆขึ้นและบรรดาสาวนั่งดริ๊งก็จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ในตัวเขาอย่างสนุกปาก กับพฤติกรรมที่เมินและไม่แยแสสตรีของเขา เอหรือว่าเป็นเกย์กันเพราะพวกเจ้าหล่อนนั้นก็ทำท่าชะม้อยชะม้ายตา และแสดงท่าที เชิญชวนพร้อมกับยักคิ้วหลิ่วตาให้เขาด้วยซ้ำ
แต่เขาก็ยังเงียบกริบเฉยชาไม่สนใจและยังทรุดนั่งนิ่งเช่นเดิม