ทหารผู้นั้นกลับอึกอัก ผู้มีอำนาจสั่งท่านหมอได้ในจวนแห่งนี้นอกจากท่านอ๋องก็คือพระชายารอง หากต้องการให้มารักษาพระชายาต้องได้รับอนุญาติเสียก่อน แต่ว่าหากให้บ่าวนางนี้ไปพบพระชายารองเพื่อขอร้องคงไม่เหมาะเป็นแน่ เช่นนั้นเขาคิดว่าต้องไปหาคนที่เป็นใหญ่ที่สุดในจวน
"หากต้องตามท่านหมอของจวน ต้องได้รับอนุญาตจากท่านอ๋องเสียก่อน เจ้าไปขออนุญาตจากท่านอ๋องแล้วกัน"
เสี่ยวเหลียนแทบจะโดดขย้ำคอของทหารผู้นั้น นางกระชากคอเสื้อของทหารอย่างแรง พลังมหาศาลนี้ทำให้เขาตกตะลึง
"เจ้าว่าอย่างไรนะ แค่ตามหมอต้องไปขออนุญาตจากท่านอ๋องก่อนหรือ"
ทหารผู้นั้นพลันเห็นไอสังหารจากร่างของเสี่ยวเหลียน เขาจึงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
"ใช่ เจ้าต้องไปขออนุญาตท่านอ๋องเสียก่อน กฎของที่นี่เข้มงวดยิ่งหากทำผิดกฎไม่ว่าผู้ใดก็ต้องถูกลงโทษ"
เขาปรายตามองพระชายาที่อยู่ในเรือนเย็นพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกสงสาร ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดแต่หน้าที่คือเฝ้าเอาไว้ให้ดีจึงได้แต่ทำหน้าที่ของตนเอง
ฝีเท้าไวของเสี่ยวเหลียนก้าวเร็วขึ้น นางวิ่งไปที่เรือนใหญ่ที่ใช้เป็นเรือนหอในคืนที่ผ่าน นางรู้ว่าท่านอ๋องไม่ต้องการแต่งกับคุณหนูและท่าทางรังเกียจนั้นทำให้คุณหนูต้องวางยาคนผู้นั้นเพื่อร่วมหอ
อย่างไรก็ต้องมีเลือดที่บริสุทธิ์แปดเปื้อนผ้าขาวส่งเข้าวังหลวง หากท่านอ๋องไม่ร่วมหอแล้วคนที่ถูกประนามย่อมกลายเป็นคุณหนู ไม่มีทางที่คุณหนูจะยินยอมตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเช่นนั้น ด้วยคนที่จับจ้องเล่นงานนอกจากท่านอ๋องแล้วยังมีไทเฮาอีกหนึ่งคน
เป็นพระชายาจวนอ๋องเจ็ดลำบากยิ่งกว่าฝ่าด่านบำเพ็ญตบะพันปีเพื่อขึ้นเป็นเซียนเสียอีกกระมัง
เสี่ยวเหลียนมาถึงเรือนหอที่ยังประดับตกแต่งด้วยผ้าแดงสวยงาม ทว่าเรือนแห่งนี้กลับไร้เงาของอ๋องเจ็ดเต๋อลู่หาน
"ท่านอ๋องอยู่ที่ใด"
เสี่ยวเหลียนถามเอาความกับองครักษ์ที่เฝ้าประตูเสียงสั่น ได้คำตอบที่ทำให้นางรู้สึกเจ็บช้ำใจยิ่งนัก
"ท่านอ๋องเช้านี้อยู่ที่เรือนพระชายารอง มีสิ่งใดหรือ"
องครักษ์ผู้นั้นยังคงให้เกียรติเสี่ยวเหลียนอยู่บ้าง อย่างไรสตรีผู้นี้ก็เป็นคนสนิทของพระชายาผู้ที่หนุนหลังคือสกุลเมิ่งที่มีอิทธิพลล้นเหลือ
เรื่องพระชายาถูกจับโยนไปท้ายจวน คล้ายจะไม่มีผู้ใดใส่ใจเนื่องจากเรื่องของเจ้านายคนในจวนอ๋องไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดล้วนไม่กล้าที่จะเสนอหน้าเข้ามาสอด
เสี่ยวเหลียนรู้สึกเจ็บแทนผู้เป็นนาย คืนเข้าหอแท้ ๆ ผ่านมาเพียงวันเดียวอ๋องเจ็ดโยนพระชายาไปที่ตำหนักเย็นในขณะที่ตนเองโผไปกกกอดพระชายารอง ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
"นำทางข้า นำทางข้า ข้าต้องพบท่านอ๋อง เกิดเรื่องกับพระชายาแล้ว"
เห็นท่าทางร้อนรนของเสี่ยวเหลียน ทหารผู้นั้นจึงนำทางแต่โดยดี ทว่ากว่าจะเจอท่านอ๋องได้ ด้วยความใหญ่โตของจวนนี้เสี่ยวเหลียนใช้เวลาราวหนึ่งถ้วยน้ำชาจึงมาถึงเรือนของพระชายารอง
บ่าวรับใช้ของพระชายารองที่อยู่ด้านนอก เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งจองหอง ยังมองเสี่ยวเหลียนอย่างดูแคลน
"เจ้ายังเข้าพบไม่ได้ ยามเช้าเช่นนี้ท่านอ๋องไม่ชอบให้ผู้ใดมาก่อกวน ยิ่งอยู่กับพระชายารองด้วยแล้วพวกเจ้ายิ่งไม่อาจส่งเสียงให้ระคายเคืองได้ มิเช่นนั้นคงได้โดนสั่งโบยเป็นแน่"
เสี่ยวเหลียนวิ่งมาจึงเหนื่อยหอบ นางหายใจฮึดฮัดด้วยไม่พอใจ คนที่ทอดทิ้งภรรยาเอกตั้งแต่วันแรกเช่นนี้ยังนับเป็นบุรุษอยู่หรือ เสี่ยวเหลียนเชิดหน้าขึ้น
"ก็ได้ หากพวกเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าเองนับว่าได้บอกกล่าวท่านอ๋องแล้ว เช่นนั้นข้าจะไปตามหมอสกุลเมิ่งมารักษาพระชายา หากเรื่องราวล่วงรู้ไปถึงคนภายนอกเช่นนี้แล้วจะหาว่าข้าข้ามหน้าข้ามตาจวนอ๋องมิได้"
เพียงเอ่ยคำนี้เสียงหนึ่งพลันสอดแทรกออกมาจากในเรือน เป็นเสียงของสตรีผู้หนึ่งน้ำเสียงหวานใสและดูอ่อนโยนยิ่งนัก มิต้องบอกว่าสตรีนางนั้นจะมีรูปโฉมงดงามเพียงใด
"ช้าก่อน"
ประตูเปิดออก เสี่ยวเหลียนหันไปมอง พลันสายตาปะทะกับสตรีร่างบอบบางนางหนึ่ง ใบหน้างามล้ำและดูอ่อนหวานยิ่งนัก ทว่าในสายตาของเสี่ยวเหลียนสตรีที่งดงามที่สุดในใต้หล้าคือคุณหนูของนางเอง สตรีนางนี้จะมองว่างามก็งามแต่อย่างไรก็ดูจืดชืดอ่อนแอไปมาก
ข้างกายของนางคือท่านอ๋องเจ็ด เขาประคองร่างบอบบางอ่อนแอของสตรีนางนั้นอย่างทะนุถนอม เรียกว่าแทบจะวางไว้ในฝ่ามือมิให้สิ่งใดมากระทบร่างกายอันของนางได้
เสี่ยวเหลียนนึกในใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนผู้นี้คือเฉียนมี่พระชายารองของอ๋องเจ็ด สตรีที่เลื่องลือไปทั่วแคว้นว่าท่านอ่องรักใคร่หวงแหนหนักหนา และเป็นสตรีที่แน่นอนว่าจะทำให้คุณหนูของนางลำบาก
"เสี่ยวเหลียนบ่าวของพระชายาคารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายารองเพคะ พระชายาล้มป่วยขอท่านอ๋องอนุญาตให้ท่านหมอไปรักษาพระนางเพคะ"
เสี่ยวเหลียนรีบทำความเคารพ เอาเถิดบัดนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือตามท่านหมอให้เร็วที่สุด ไม่อาจรอช้าได้แล้ว
สตรีนางนั้นมองเสียงเหลียงด้วยใบหน้าราบเรียบ พลางเอ่ยเสียงหวานใสดุจระฆังอันเสนาะหู
"ท่านอ๋องเพคะ พระชายาล้มป่วยเรื่องที่นางทำเอาไว้ก็ผ่อนปรนให้นางจะดีหรือไม่ อย่างไรฐานะของพระชายาก็สูงส่ง ท่านอย่าทรงใจดำนักเลย ข้าเห็นแล้วไม่สบายใจนักรีบส่งท่านหมอไปดูนางเสียเถิดเพคะ"
น้ำเสียงนั้นติดอ่อนหวานและออดอ้อนคล้ายน้ำเสียงของลูกแมวตัวหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาของอ๋องเจ็ดในยามที่จับจ้องมองร่างของเสี่ยวเหลียนดูเย็นชายิ่งนัก ทว่าเมื่อหันไปมองพระชายารองของเขานัยน์ตาเย็นเยียบนั้นพลันอ่อนแสงลงไปจนกลายเป็นอ่อนโยน
"นางร้ายกาจเพียงนั้น กล้าวางยาข้า เจ้ายังมีน้ำใจให้คนเช่นนั้นหรือ ปล่อยให้นางได้รับบทเรียนข้าไม่เชื่อว่านางจะป่วยจริง คงเป็นมารยาของนางมากกว่า ชื่อเสียงของนางเหม็นโฉ่ปานนั้นเจ้าอย่าได้หลงกลนางไป มี่เอ๋อร์ของข้าจะแสนดีเกินไปแล้ว"
พระชายารองทำท่าคัดค้าน
"ท่านอ๋องทรงคิดเช่นนั้นหรือเพคะ แต่ว่า"
"มี่เอ๋อร์คนดีของเปิ่นหวาง อย่าสงสารคนเลวได้หรือไม่ นางร้ายกาจตั้งแต่วันแรกเจ้าเป็นเช่นนี้ทำให้เปิ่นหวางห่วงยิ่งนัก ต่อไปคงไม่พ้นถูกนางรังแก"
"ท่านอ๋องทรงคิดมากแล้ว"
อ๋องเจ็ดกลับไม่สนใจเสี่ยวเหลียนเลยสักนิด ในขณะที่เขาทำท่าประคองพระชายารองกลับเรือน เสี่ยวเหลียนร้อนรน นางไม่ยินยอมแน่นอนที่ท่านอ๋องกล่าวหาคุณหนูของนางเช่นนั้น นางคุกเข่าลงทันใด
"ทูลท่านอ๋องพระชายาล้มป่วยด้วยต้องลมเย็น เดิมทีร่างกายอ่อนแอบอบบางบ่าวไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทว่ายามนี้อยู่ในเรือนเย็นเช่นนั้นไม่อาจทนได้เพคะ ขอท่านอ๋องทรงโปรดส่งท่านหมอไปช่วยรักษา"
เสี่ยวเหลียนโขกศีรษะ ยามนี้นางจำเป็นต้องยอมก้มหัว คุณหนูยอมหักไม่ยอมงอหากรู้ว่าเสี่ยวเหลียนคุกเข่าขอร้องคนเพียงนี้คงตำหนินางไม่น้อย ทว่าเวลานี้จำต้องเก็บความเจ็บช้ำเอาไว้รักษาชีวิตของคุณหนูเอาไว้ หากไปตามท่านหมอจากข้างนอก ชื่อเสียงของคุณหนูย่อมป่นปี้ด้วยไม่ได้รับความโปรดปรานเป็นแน่ อีกทั้งจวนสกุลเมิ่งก็อยู่ไกลเพียงนั้นกว่าจะเดินทางไปกลับคุณหนูคงย่ำแย่เป็นแน่
เมื่อเสี่ยวเหลียนคุกเข่าโขกศีรษะ จู่ ๆ พระชายารองพลันน้ำตาคลอหน่วย เอ่ยวาจาอ่อนหวานออกหน้าให้คนรู้ว่านางเป็นสตรีที่มีน้ำใจต่อพระชายาเพียงใด
"ท่านอ๋องเพคะ มี่เอ๋อร์ขอร้องท่านแล้วส่งท่านหมอไปเถิดช่วยรักษาพระชายาด้วย จะแกล้งป่วยจริงเท็จให้ท่านหมอดูก็ทราบความจริงแล้ว"
เพราะน้ำตาของพระชายารองที่ใกล้จะไหลหยดลงมาทำให้อ๋องเจ็ดสูดลมหายใจลึก เขาลูบศีรษะของพระชายารองอย่างรักใคร่ ทั้งส่ายหน้าอย่างพ่ายแพ้
"เพื่อให้มี่เอ๋อร์ของข้าสบายใจ เช่นนี้ผู้ใดก็ได้ไปตามหมอดูนางเสียหน่อย แต่ห้ามปล่อยออกจากเรือนเย็นอย่างไรก็ต้องรับโทษ"
"ท่านอ๋องทรงมีน้ำพระทัยยิ่งนักเพคะ" กล่าวจบพระชายารองจึงหันไปสั่งบ่าวผู้หนึ่ง
"เจ้ารีบไปตามท่านหมอไปที่เรือนเย็น รักษาพระชายาให้ดีนี่เป็นคำสั่งของข้า"
เสี่ยวฮุ่ยบัดนี้รู้แล้วว่าคนที่มีอำนาจที่สุดในจวนคือผู้ใด พระชายารองผู้นี้เห็นทีว่าจะไม่ยอมก้มหัวให้คุณหนูของนางเป็นแน่
เต๋อลู่หานพลันโอบมือรอบร่างเล็กของพระชายารอง
"กลับเข้าเรือนเถิด ข้างนอกลมเย็นนักหากต้องล้มป่วยเพราะนางผู้นั้นเห็นจะไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย"
ร่างสูงใหญ่ประคองพระชายารองเข้าเรือน ปิดประตูแน่นหนามิให้ผู้ใดรบกวนอีก เสี่ยวเหลียนเจ็บช้ำน้ำใจแทนผู้เป็นนาย เมื่อได้รับอนุญาตและมีคนไปตามท่านหมอให้นาง เสี่ยวเหลียนจึงลุกขึ้นรีบวิ่งไปที่เรือนหอกวาดเอาอาภรณ์หนาแน่นทั้งเสื้อคลุมขนแกะและผ้าห่มผืนโตไปที่เรือนเย็น
ทว่าเมื่อออกมาจากเรือนหอกลับโดนสาวใช้กลุ่มหนึ่งดักหน้าขัดขวางมิให้นางนำผ้าห่มไปให้คุณหนู
"ผ้าห่มเอาไปไม่ได้ ที่เรือนเย็นมีกฎจนกว่าท่านอ๋องจะอนุญาต"
เสียงสตรีร่างบึกบึนดังขึ้น เสี่ยวเหลียนมีหรือจะสนใจคุณหนูของนางหนาวสั่นปานนั้นหาก ที่นั่นไม่มีกระทั่งเตาอุ่นหากไม่ได้ผ้าห่มจะผ่านคืนหนาวเหน็บไปได้อย่างไร นางมิรอช้ายกเท้าถีบเข้าที่กลางอกของบ่าวผู้นั้นอย่างแรง
"นายของข้าคือพระชายาของจวนนี้ หากเจ้ากล้าลองดีก็เชิญ"
เสี่ยวเหลียนถุยน้ำลายใส่บ่าวที่นอนกองอยู่ที่พื้นนางนั้น เห็นได้ชัดว่าคงเป็นบ่าวที่มีใครสักคนส่งมาเป็นแน่ เอาสิหากต้องการเปิดศึกเสี่ยวเหลียนก็พร้อมสู้ตาย ผู้ใดหน้าไหนกล้าเข้ามาทำร้ายคุณหนูย่อมได้เห็นดีเป็นแน่!