บทที่ 8 นางปีศาจ

2905 คำ
ก่อนที่จะออกเรือนเมิ่งลี่เฟยอยู่ในจวนเสนาบดีเมิ่ง เป็นคุณหนูอารมณ์ร้ายที่ผู้ใดก็รู้ว่านางไม่ชอบฮูหยินใหญ่และมักจะกลั่นแกล้งสตรีที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมารดาเลี้ยงอยู่เสมอ ความร้ายกาจของนางที่กระทำต่อมารดาเลี้ยงนั้นเกิดข่าวลือว่าทำให้เสนาบดีเมิ่งฟู่ผู้เป็นบิดายังเคยลงมือโบยนางด้วยตนเองอยู่หลายครา ความจริงแล้วสมรสพระราชทานนี้ความจริงผู้ออกเรือนคือเมิ่งหลินหลันน้องสาวต่างมารดาของเมิ่งลี่เฟยต่างหาก นั่นเพราะชื่อเสียงของเมิ่งลี่เฟยทำให้ไทเฮาไม่ต้องการได้นางมาเกี่ยวดองเป็นชายาของเต๋ออ๋องพระโอรสองค์เล็กของพระองค์ ทว่าเมื่อฮูหยินใหญ่ทราบเรื่องว่าไทเฮาต้องการให้เมิ่งหลิงหลันบุตรสาวขอตนเองแต่งกับเต๋ออ๋อง ฮูหยินใหญ่จึงร้อนรนยิ่งนัก สาเหตุประการหนึ่งคือฮูหยินใหญ่ต้องการให้บุตรสาวตนเองแต่งเป็นชายาเอกขององค์ไท่จื่อ และอีกประการผู้ใดก็รู้ว่าเต๋ออ๋องนั้นหลงใหลรักใคร่พระชายารองจนไม่ชายตาแลสตรีอื่นได้อีก หากให้เมิ่งหลินหลันแต่งเข้าจวนเต๋ออ๋องเมิ่งหลินหลันคงลำบากใจเป็นแน่ เมื่อสามีในอนาคตเอาแต่หลงใหลสตรีอื่น ฮูหยินใหญ่จึงได้คุกเข่าอ้อนวอนขอให้เมิ่งฟู่ผู้เป็นสามีหาทางเปลี่ยนตัวเจ้าสาวเสีย เสนาบดีเมิ่งฟู่นั้นใจก็ไม่ต้องการให้เมิ่งหลินหลันแต่งเข้าจวนอ๋อง เพราะบุตรสาวคนนี้ของตนยังเด็กและอ่อนต่อโลก เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าเต๋ออ๋องนั้นไม่ชอบเขา อาจจะหาทางรังแกเมิ่งหลิงหลันและทำให้นางเสียใจในที่สุด เมิ่งฟู่เองก็ไตร่ตรองเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง เพราะเขาต้องการให้เมิ่งหลินหลันแต่งเป็นชายาเอกขององค์รัชทายาท มากกว่าเป็นชายาของเต๋ออ๋อง ด้วยชื่อเสียงของเมิ่งลี่เฟยนี้ เมิ่งฟู่คิดว่าอย่างไรก็ไม่สามารถจะทำให้นางเป็นชายาองค์รัชทายาทได้แน่นอน ดังนั้นคนที่ต้องแต่งกับเต๋ออ๋องต้องเป็นเมิ่งลี่เฟยแล้ว หลังจากเข้าเฝ้าไทเฮาเมิ่งฟู่ยังไม่ได้รับปากไทเฮาว่าจะให้บุตรสาวคนใดออกเรือน เพราะยังต้องไตร่ตรองเสียก่อน ทว่าในยามนี้เมื่อตรองดูโดยละเอียดแล้วเมิ่งลี่เฟยเห็นจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า ถึงเมิ่งลี่เฟยจะมีชื่อเสียงย่ำแย่จนไม่มีผู้ใดอยากได้เป็นสะใภ้ ทว่าเมิ่งฟู่ก็สามารถคิดแผนการให้ไทเฮายอมรับเมิ่งลี่เฟยเป็นสะใภ้ได้ในที่สุด หลังจากหาทางออกได้แล้วเมิ่งฟู่จึงขอเข้าเฝ้าไทเฮา โอดครวญถึงเมิ่งหลินหลันบุตรสาวคนเล็ก จู่ ๆ เกิดล้มป่วยโดยโรคประหลาด เสนาบดีเมิ่งฟูจำต้องให้เมิ่งหลินหลันเดินทางไปรักษาตัวที่หุบเขาไท่หยางโดยไม่มีกำหนด "เช่นนั้นก็รอให้นางหายดีก่อน ยามนี้เพียงหมั้นหมายกันก่อนดีหรือไม่ ท่านเสนาบดีเมิ่งคิดเห็นตรงกันกับข้าหรือไม่" ทว่าเมิ่งฟู่กับทำท่าทางหนักใจพร้อมกับเอ่ยว่า "ทูลไทเฮากระหม่อมไม่บังอาจปิดบัง โรคของบุตรสาวคนเล็กนี้ส่งผลต่อการมีบุตรสืบสกุล ไม่รู้ว่าจะรักษาได้หรือไม่ กระหม่อมกลุ้มใจจนนอนไม่หลับแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่หากไทเฮาไม่ถือสากระหม่อมก็ยินดีที่จะให้นางหมั้นหมายกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ" ไทเฮาทรงตกพระทัยยิ่งนัก แน่นอนว่าเรื่องการมีบุตรนี้ไม่อาจพูดเล่น เสนาบดีเมิ่งคงไม่คิดเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นกระมัง "ตรวจแน่ใจแล้วหรือ" "หากพระองค์จะทรงให้หมอหลวงตรวจบุตรสาวกระหม่อมโดยละเอียด กระหม่อมเองก็ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณมากพ่ะย่ะค่ะ" ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนงดงามของไทเฮาคล้ายจะซีดลงเล็กน้อย "ท่านเสนาบดีเมิ่ง ผู้ใดก็รู้ว่าสกุลเมิ่งของท่านเลี้ยงดูหมอเทวดามาตั้งแต่บรรพบุรุษ หมอหลวงในวังมีหรือจะสู้หมอของท่านได้ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็วางเอาไว้ก่อนเถิด ให้นางรักษาตัวจนหายดีค่อยหารือกันใหม่" "ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ" ไทเฮาทรงจับพระเศียรด้วยรู้สึกวิงเวียนยิ่งนัก ท่าทางนี้ราวกับต้องการบอกเสนาบดีเมิ่งว่าถึงเวลาที่พระนางต้องพักผ่อนแล้ว ทว่าเสนาบดีเมิ่งกลับร้องขอสมรสพระราชทานให้บุตรสาวคนโตเมิ่งลี่เฟยโดยไม่รีรออีกต่อไป "เมิ่งลี่เฟยบุตรสาวคนโตของกระหม่อมถึงวัยต้องออกเรือนแล้ว บุตรสาวคนนี้กำพร้ามารดามาแต่เยาว์วัย ประดุจแก้วตาดวงใจของกระหม่อมยิ่งนัก หากจะว่าไปบิดาเช่นกระหม่อมก็ลำเอียงยิ่ง เพราะสงสารบุตรสาวคนนี้จึงตามใจนางมาตั้งแต่เด็ก นิสัยของนางจึงค่อนข้างเกเรเอาแต่ใจอยู่ไม่น้อย กระนั้นกระหม่อมก็หักใจตีนางไม่ลงสักครา เป็นเพราะห่วงนางยิ่งกระหม่อมเองคิดหารือกับผู้สำเร็จราชการฝากฝังบุตรสาวกับสกุลต้วน ในเมื่อได้เข้าเฝ้าพระองค์แล้วด้วยพระเมตตาของไทเฮา กระหม่อมบังอาจขอสมรสพระราชทานให้บุตรสาวคนโตจะได้หรือไม่พะย่ะค่ะ" ไม่มีการกล่าวถึงเต๋ออ๋องราวกับว่าเสนาบดีเมิ่งมีแผนการเกี่ยวดองกับสกุลต้วนอย่างแท้จริง ซึ่งแม้ว่าผู้สำเร็จราชการต้วนจะมีวัยล่วงเลยถึงเจ็ดสิบปีและดำรงตำแหน่งเพียงในนามเท่านั้น ทว่าอำนาจมากล้นนับเป็นฝ่ายตรงข้ามกับเสนาบดีเมิ่งในอดีต แต่หากสองสกุลเกี่ยวดองกันอำนาจของขุนนางทั้งสองยิ่งจะเพิ่มมากขึ้น เช่นนี้ฝ่าบาทก็หัวเดียวกระเทียมลีบแล้วเป็นแน่ “สมรสพระราชทานหรือ ท่านเสนาบดีคิดดีแล้วหรือ” “พ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้กระหม่อมคิดว่าสกุลต้วนย่อมเห็นดีเห็นงามด้วย เราสองสกุลล้วนเป็นข้ารองบาทรับใช้ฝ่าบาทหากร่วมแรงร่วมใจทั้งยังเกี่ยวดองลึกซึ้งเป็นผลดีมากกว่าผลเสียพ่ะย่ะค่ะ” ไทเฮาไตร่ตรองโดยละเอียด การที่เสนาบดีเมิ่งรักบุตรสาวมากก็เป็นจริงดังนั้น เมิ่งลี่เฟยรังแกฮูหยินใหญ่ในจวนผู้ใดก็รู้ เขาถือหางนางเช่นนั้นคงรักเมิ่งลี่เฟยยิ่งกว่าบุตรสาวคนรองเป็นแน่ ถึงเมิ่งลี่เฟยจะมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ทว่ากลับเป็นแก้วตาดวงใจของเสนาบดีเมิ่ง หมากตัวนี้ดูไปก็มีประโยชน์อยู่ไม่น้อย แต่หากปล่อยให้สองสกุลเกี่ยวดองกัน อำนาจในราชสำนักนั้นไม่ต้องถามว่าต้องตกอยู่ที่สองสกุลใหญ่ ฝ่าบาทเล่าคราวนั้นจะทำเช่นใด ไม่ได้การแล้วไทเฮาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อขัดขวาง ถึงเมิ่งลี่เฟยจะชื่อเสียงไม่ดี แต่หากว่ากันเรื่องความงามบุตรสาวของเสนาบดีเมิ่งผู้นี้นับว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองเต๋ออ๋องเองก็ชอบคนงามและยังทำเพื่อฝ่าบาทเต๋ออ๋องคงไม่ปฏิเสธ เมิ่งลี่เฟยเป็นหมากที่แม้จะเปื้อนฝุ่นไปบ้าง แต่หากนำมาขัดสีเสียใหม่ไทเฮาคิดว่าเป็นหมากที่ไม่เลวเช่นกัน "ท่านเสนาบดีเมิ่งเหตุใดต้องมองไปที่สกุลต้วนด้วยเล่า ในเมื่อเต๋ออ๋องเดิมมีวาสนากับสกุลเมิ่งแล้ว เช่นนั้นให้เต๋ออ๋องดูแลนางดีหรือไม่ ข้าเคยพบนางคราหนึ่งใบหน้างดงามล่มเมือง กิริยานับว่าไม่เลวนิสัยเอาแต่ใจสตรีสูงศักดิ์ผู้ใดไม่เป็นบ้างเล่า หากจะมากไปหน่อยออกเรือนแล้วย่อมรู้ความ สมรสนี้มอบให้เต๋ออ๋องเห็นว่าจะเหมาะสมกว่า ท่านเสนาบดีเมิ่งคิดเห็นเป็นเช่นไร" ในที่สุดไทเฮาก็ตกหลุมพรางของเมิ่งฟู่แล้ว เขาหรือจะเกี่ยวดองกับตาแก่ที่เขาชิงชังมานานผู้นั้น ทว่าความชิงชังนี้เขาได้แต่กดข่มเอาไว้ไม่เคยแสดงออกให้ผู้ใดล่วงรู้มาก่อน ไทเฮาคงคิดว่าเขามีแผนการใหญ่เป็นแน่จึงได้ระแวงและยอมตกลงยื่นข้อเสนอด้วยตนเอง ความจริงแล้วคนที่เขาหมายตาคือเต๋อลู่หาน บุรุษผู้นั้นมีทหารในกำมืออีกกึ่งหนึ่ง และยังมีป้ายอาญาสิทธิ์ควบคุมองครักษ์วังหลวง ด้วยเป็นน้องชายร่วมอุทรที่ฝ่าบาทวางพระทัยที่สุด ถ้าหากเมิ่งลี่เฟยสามารถกุมหัวใจของเต๋ออ๋องได้ผลประโยชน์ล้วนตกอยู่ที่สกุลเมิ่ง เมิ่งฟู่ไม่เคยคิดก่อการกบฎ เพียงแต่อำนาจในราชสำนักเขาละโมบที่จะเป็นผู้ที่อยู่สูงสุด แน่นอนว่าคนแรกที่เมิ่งฟู่คิดจะจัดการและรวบอำนาจก็คือฝั่งของผู้สำเร็จราชการต้วน หากเต๋ออ๋องอยู่ข้างเขาเสียแล้ว ผู้สำเร็จราชการต้วนผู้นั้นจะทำเช่นใดกันเล่า เมิ่งฟู่อารมณ์ดียิ่งเขาตอบรับไทเฮาด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม หลังได้รับสมรสพระราชทานให้บุตรสาวคนโตจากไทเฮา กระทั่งหนึ่งเดือนต่อมาสินสอดถูกส่งมาที่จวนมากมาย และยามนี้ก็เป็นเขาที่ขังเมิ่งลี่เฟยเอาไว้ในเรือนให้คนเฝ้านางอย่างดีไม่ให้ก่อเรื่องอีก วันส่งตัวเจ้าสาวมาถึงแล้วบ่าวรีบรุดมาที่เรือนใหญ่ เมิ่งฟู่และฮูหยินใหญ่กำลังนั่งจิบชารอส่งตัวเจ้าสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มกลับหน้าตึงขึ้นมาทันใด "คุณหนูไม่ยอมสวมชุดเจ้าสาวเจ้าค่ะ" เมิ่งฟู่ปาถ้วยน้ำชาทิ้งด้วยโทสะ ฮูหยินใหญ่ส่งเสียงอ่อนหวาน "ท่านพี่ เรื่องนี้ฝืนใจเฟยเอ๋อร์ก็เป็นธรรมดาที่นางจะดื้อรั้น ประเดี๋ยวข้าไปเกลี้ยกล่อมนางหน่อย คงเบาลง ท่านใจเย็นรออยู่ที่นี่เถิด" เมิ่งฟู่ถอนหายใจออกมา "นางแผลงฤทธิ์เจ้าเองก็ระวังตัว อย่าให้นางรังแกเจ้าได้อีก นางไม่อาจไว้ใจได้ทั้งหมดเป็นข้าที่ตามใจนางจนเกินไป" "ท่านพี่ เฟยเอ๋อร์ยังเด็กนักอย่าถือสานางเลยนะเจ้าคะ ท่านไม่ต้องห่วงข้ามีความรักให้นางประดุจบุตรสาวที่คลอดออกมา นางต้องเข้าใจข้าเป็นแน่" "เฮ้ย ฮูหยินเจ้าเองก็ดีเช่นนี้ อ่อนแอเช่นนี้จะรับมือนางได้อย่างไร เอาเถิดข้าฝากเจ้าแล้วเรื่องนี้หากข้าเห็นนางในตอนนี้คงอดไม่ได้ที่จะลงแส้หวดนางสักที วันนี้เป็นวันมงคลแท้ ๆ แต่เจ้าดูนางสิ" ฮูหยินใหญ่ลูบหลังมือของผู้เป็นสามี ก่อนจะหันหลังเดินตรงไปยังเรือนของเมิ่งลี่เฟย เมื่อก้าวเข้าไปในเรือนพบข้าวของกระจัดกระจาย กระทั่งชุดเจ้าสาวยังกองอยู่ที่พื้น นอกจากบ่าวเสี่ยวเหลียนแล้วไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เมิ่งลี่เฟยแม่แต่คนเดียว สาวใช้ยืนจับกลุ่มที่มุมหนึ่งของห้องเมื่อเห็นฮูหยินใหญ่แล้วต่างรีบทำความเคารพ "พวกเจ้าออกไปให้หมด ข้าจะคุยกับบุตรสาวคนดีเสียหน่อย" สาวใช้กรูกันออกไป ฮูหยินใหญ่สั่งให้บ่าวคนสนิทของตนเองปิดประตู ฮูหยินใหญ่เดินช้า ๆ มาหาเมิ่งลี่เฟย ท่าทางอ่อนหวานเมื่อสักครู่เปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างทันที "เจ้ากับข้าคงไม่ต้องเอ่ยให้มากความแล้วกระมัง ใส่เสื้อผ้าเสียอย่าให้ข้าต้องลงมือ" เมิ่งลี่เฟยหัวเราะ นางนั่งอยู่บนเก้าอี้มือขาวหยิบเครื่องประดับมาเล่นทีละชิ้นก่อนจะโยนทิ้งลงพื้นโดยไม่ไยดี ใบหน้างามล้ำค่อย ๆ เงยขึ้นเอ่ยทั้งรอยยิ้มพราว "การแสดงของท่านนับวันยิ่งเก่งกาจ กระทั่งท่านพ่อยังเชื่อจนคล้ายคนตาบอดไปแล้ว" ฮูหยินใหญ่ขยับเข้าใกล้แล้วโน้มตัวลงมากอด เมิ่งลี่เฟยจากด้านหลัง กระซิบเบา ๆ ที่ริมหู "แล้วอย่างไรเล่า สุดท้ายผู้ที่แสดงเก่งย่อมชนะมิใช่หรือ จวนนี้ทั้งจวนรวมทั้งพ่อของเจ้าล้วนเป็นคนของข้า หากเจ้ายังรั้งอยู่ต่อที่นี่ก็มีแต่ทรมานไม่ใช่หรือ ได้โอกาสออกไปแล้วไยไม่คว้าโอกาสเล่า จวนแห่งนี้ไม่ใช่ที่ของเจ้า ออกไปหาที่ของตนเองเสียไม่ดีกว่าหรือ" และในยามนั้นนั่นเองที่เมิ่งลี่เฟยรับรู้ว่าที่ลำคอของตนเองมีปิ่นแหลมจ่ออยู่ เมิ่งลี่เฟยหัวเราะในลำคอพร้อมกับเอ่ยขบขัน "แทงลงมาเลยสิ ต้องการกำจัดข้ามิใช่หรือ ข้าเป็นหนามตำใจมิใช่หรือ ถึงจะบอกว่าท่านพ่อเป็นของท่านแต่สตรีในใจท่านพอแท้จริงคือแม่ข้า คนที่ท่านเกลียดชังที่สุดมิใช่หรือข้าจะบอกท่านให้ว่าต่อให้ข้าตายไปอย่างไรท่านพ่อก็ยังรักแม่ของข้าไม่มีวันลืม ต่อให้ท่านพ่อดีต่อท่านเพียงใดคนที่อยู่ในใจเขาก็คือท่านแม่คนเดียว" ฮูหยินใหญ่คล้ายจะสะอึก ฮูหยินใหญ่ผ่อนลมหายใจยาวออกมา นางเดินอ้อมเก้าอี้มาหยุดอยู่ตรงหน้าเมิ่งลี่เฟย ใบหน้านั้นแดงก่ำ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะฟาดมือลงบนแก้มหญิงสาวอย่างแรง แรงตบนั้นมีไม่น้อยด้วยโทสะที่ไม่อาจควบคุม เกิดรอยฝ่ามือขึ้นที่ใบหน้าของคนที่กำลังจะกลายเป็นเจ้าสาว เมิ่งลี่เฟยร่างสั่นระริก มือยกขึ้นกุมที่แก้มที่ยังชาของตนเอง "เจ้าคิดลองดีกับข้าก็สมควรแล้ว แต่งตัวเสียอย่าให้พ่อเจ้าต้องมาลงแส้ด้วยตัวเอง อย่าให้สกุลเมิ่งต้องอับอายมากไปกว่านี้ ไม่รู้หรือว่าหากเจ้าหนีสมรสพระราชทาน สกุลเมิ่งจะถูกกล่าวหาอย่างไร ผู้ใดจะเดือนร้อน เจ้าไม่รู้หรือว่าเรื่องนี้ทำให้ ฝ่าบาทหาเรื่องสกุลเมิ่งจนนำไปสู่การลบหลู่เบื้องสูง มีโทษประหารเจ็ดชั่วโคตร สมใจเจ้าแล้ว ข้าต้องตาย เจ้าต้องตาย พ่อเจ้าต้องตาย ยังมีสาวใช้ที่เจ้าคิดเป็นน้องสาวผู้นั้นก็ต้องตายอีก เอาสิ ให้ทุกคนตายไปให้หมดจะได้สะใจเจ้าใช่หรือไม่" ฮูหยินใหญ่เองก็รู้สึกชาที่มือ เมื่อก่อนตอนที่เมิ่งลี่เฟยยังเด็กฮูหยินใหญ่เคยลงมือมานับครั้งไม่ถ้วน เมิ่งลี่เฟยไม่ยอมคนกระโดดเข้าสู้สุดชีวิต ทว่าในยามนั้นยังเป็นเด็กไม่อาจสู้แรงผู้ใหญ่ได้คนที่เจ็บตัวก็คือนาง เมื่อฮูหยินใหญ่ไปแล้วเมิ่งลี่เฟยเองก็จะอาละวาดในเรือนด้วยความคับแค้นใจ เมื่อท่านพ่อกลับมาพบนางวิ่งไปฟ้อง ฮูหยินใหญ่มักจะเล่าความเท็จด้วยนำตาว่านางร้ายกาจเพียงใด ในยามนั้นนางเป็นเพียงแค่เด็กผู้หนึ่ง ไม่อาจแก้ต่างความผิดให้ตนเองได้และสุดท้ายมักจะถูกท่านพ่อจับขังเอาไว้ในเรือนหรือหากท่านพ่อโกรธมากก็มักจะลงหวายทำโทษนางด้วยตนเอง หลังจากนางเติบโตขึ้นนางก็หลีกเลี่ยงการปะทะกับฮูหยินใหญ่ ทว่านางยังคงเป็นคุณหนูปีศาจของสกุลเมิ่งเช่นเดิม เมิ่งลี่เฟยลุกขึ้นจากเก้าอี้ได้ยินเสียงของฮูหยินใหญ่เรียกคนให้มาช่วยนางแต่งตัวด้วยคิดว่าถูกตบไปหนึ่งครั้งเมิ่งลี่เฟยคงยอมแล้วกระมัง เมิ่งลี่เฟยกลับก้าวขาเร็วเพียงสองสามก้าวก็ถึงร่างของฮูหยินใหญ่แล้ว นางดึงมวยผมที่เกล้าสูงนั่นแล้วกระชากอย่างแรง ฮูหยินใหญ่กรีดร้องด้วยตกใจและเจ็บหนังศีรษะ ยังไม่ทันตั้งตัวฝามือเล็กของเมิ่งลี่เฟยก็ฟาดเข้าที่ใบหน้าแล้ว เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อบ่าวไพร่เปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเมิ่งลี่เฟย กำลังนั่งทับร่างฮูหยินใหญ่อยู่ ฝ่ามือเล็กนั่นตบลงที่ใบหน้าของฮูหยินใหญ่นับครั้งไม่ถ้วน "ได้ ข้าจะแต่งแต่ก่อนที่ข้าจะออกจากจวน ขอตบเจ้าให้สะใจสักครั้ง ตบนี้แก้แค้นให้ตัวข้าเองในวัยเยาว์ที่ไม่อาจสู้เจ้าได้ มาสิสู้ข้าคืนสิ ไม่มีปัญญาเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า" เมิ่งลี่เฟยคุ้มคลั่งไปแล้ว กระทั่งคนที่วิ่งมาแยกนางออกจากร่างของฮูหยินใหญ่ที่บอบช้ำก็คือเมิ่งฟู่ แต่เพราะฤกษ์ยามใกล้เข้ามาทุกขณะ เขาเองก็ไม่อาจลงโทษเมิ่งลี่เฟยได้จึงได้แต่ให้คนแบกร่างไร้เรี่ยวแรงของฮูหยินใหญ่กลับเรือน และรีบให้คนแต่งตัวให้เมิ่งลี่เฟยอย่างเร่งด่วน เรื่องนี้ล่วงรู้ถึงหูของเต๋อลูหานอย่างรวดเร็ว "นางไม่ยอมแต่งถึงขั้นตบตีแม่เลี้ยงของตนเองเพราะไม่พอใจหรือ" "พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง" มุมปากของชายหนุ่มยกโค้งขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นออกมา "ช่างเป็นนางปีศาจอย่างแท้จริง!"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม