เอาคืน ตอนที่ 1

2055 คำ
พึ่บ! พึ่บ! พึ่บ!  “เฮ! เฮ!..” แสงไฟหลากสีฉายส่องสลับกันไปมาท่ามกลางเสียงโห่ร้องอย่างคึกคะนองของบรรดานักท่องราตรีดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณทั้งด้านในและด้านนอกของ Red Bar ดนตรีและเพลงที่กำลังบรรเลงจากฝีมือดีเจสุดฮอตได้รับการตอบรับอย่างดีจากเหล่าหนุ่มสาวที่แต่งองค์ทรงเครื่องประชันความสวยความหล่อกันสุดฤทธิ์เมื่อยามออกโบยบินในสถานบันเทิงยามค่ำคืน             ด้วยการโปรโมทนี่เองและความดึงดูดใจตลอดเวลาที่ถูกสั่งปิดจนกระทั่งคืนนี้เมื่อผับได้รับอนุญาตให้เปิดบริการได้ตามปกติบรรดานักเที่ยวจึงต่างแห่กันมาลองของเดิมแต่โมดิฟายใหม่ทั้งร้านรวมถึงไฮไลท์ต่างๆ ที่แปลกหูแปลกตาอย่างหนาแน่น แต่...ก็ยังเทียบไม่ได้กับตอนที่ยังไม่เกิดเรื่อง             ภายในห้องกระจกทึบด้านบนสุดของร้านที่สามารถมองเห็นส่วนต่างๆ ได้ทั้งหมด อนุชาญได้แต่เดินไปเดินมาด้วยความเป็นห่วงผู้เป็นเจ้านาย นาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่มพอดี ยิ่งดึกลูกค้าก็ยิ่งทยอยกันเข้ามามากเข้าไปทุกที และเขาก็ทิ้งทางนี้ไปโดยพลการไม่ได้ด้วย มันเป็นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแม้จะไม่อยากทำก็ตามที             “อย่าห่วงเลยเพื่อน คุณซีลต้องจัดการทุกอย่างได้แน่ๆ ฉันเชื่อมือ...” เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้วยกันเอ่ยขึ้น อนุชาญถอนหายใจหนัก แลบลิ้นเลียริมฝีปากแสดงออกถึงความเครียดที่ตัวเองไม่อาจทำอะไรได้             “ฉันรู้...แต่ทางนายอธิปก็ไม่ใช่ย่อย ไปกันแค่ห้าคน ฉัน....”             “เอาน่า ฉันว่าคุณซีลคงมีแผนอยู่ในหัวแล้วล่ะว่าจะทำอะไรตอนไหนยังไง หน้าที่ของพวกเราคือดูแลให้คืนนี้เป็นคืนที่วิเศษสุดเรียกลูกค้ากลับมาให้ได้ก็พอ นี่ก็ถือเป็นภารกิจหนักเอาการนะถ้าทำไม่ได้ทุกอย่างก็จบเหมือนกัน ไปเถอะเพื่อน...เรามีงานต้องทำอีกเยอะ” “อืม...คุณซีลเพิ่งออกไปเมื่อครู่ ฉันจะรอเวลาจนถึงเที่ยงคืนถ้าหากพวกเขาไม่กลับมาฉันไม่อยู่เฉยได้แน่ๆ” “ฉันรู้ และฉันก็เหมือนกัน...” เพื่อนหนุ่มสมทบก่อนจะลุกเดินมาตบบ่าเขา พยักหน้าให้กำลังใจกันก่อนจะเดินตีคู่ออกไปด้านนอก สลัดสิ่งค้างคาใจทุกอย่างออกจากหัวแล้วเข้าสู่โลกบันเทิงยามรัตติกาลที่เต็มไปด้วยแสง สี เสียงและเหล่าผีเสื้อราตรีกับหมู่ภมรที่กำลังเริงร่าอยู่เต็มร้าน “เฮ! กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องอย่างสนุกสนานแข่งกับเสียงเพลงที่ดังเป็นจังหวะดนตรีปลุกเร้าความคึกคะนอง บนเวทีมีโคโยตี้แต่งตัวล่อแหลมออกมาเต้นยั่วยวนสลับกับการแสดงอื่นๆ ที่เรียกเสียงเชียร์เสียงกระตุ้นให้บรรยากาศคึกคักเป็นอย่างยิ่ง โปรโมชั่นสุดพิเศษสำหรับวันเปิดร้าน รวมไปถึงไฮไลท์ทั้งแสงสีเสียงและบุคลากรที่ทำงานกันอย่างเป็นมืออาชีพในทุกๆ ด้านสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ยิ่งดึกนักท่องราตรีก็ยิ่งหลั่งไหลกันมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่างก็รู้ว่าไฮไลท์ในคืนนี้อยู่ในช่วงปิดท้ายรายการซึ่งทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอย                                  แต่...หารู้ไม่ว่าไฮไลท์ที่แท้จริงมันกำลังจะเกิดขึ้นกับสถานที่อีกแห่งหนึ่ง เพื่อ...ฉลองการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่และกลับมาผงาดเป็นเจ้ารัตติกาลอีกครั้งของ Red Bar “ที่นี่เหรอครับ ผมนึกว่าเราจะ...” เสียงหนึ่งเอ่ยถามท่ามกลางความเงียบและมืดสนิท ชายฉกรรจ์จำนวนห้าถึงหกคนจับกลุ่มแอบหลบซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ตรงสวนข้างๆ ตึกใหญ่ที่ห้อมล้อมไปด้วยแสงสีจากไฟนีออนหลากหลายรูปแบบและพวกเขาก็มีธุระบางอย่างกับสถานที่แห่งนี้ “บุกไปที่ Challenger Pub ใช่ไหม” ชายชุดดำซึ่งกำลังดึงเอาผ้าเช็ดหน้าสีเดียวกับเสื้อผ้ากระชับรูปร่างปิดเหนือจมูกถามกลับเมื่อประโยคหนึ่งขาดหายไปด้วยความสงสัยของคู่สนทนา ดวงตาคมมองเขม็งไปยังตึกใหญ่ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นแหล่งหาความสำราญประเภทหนึ่งของเหล่าชายชาตรี “ครับ...นายคิดอะไรถึงได้มาที่นี่บอกแผนผมมาบ้างสิครับเดี๋ยวก็ไม่รู้แกวกันพอดี มีคนคอยคุมอยู่ด้วย...หลายคนอีกต่างหาก” ลูกน้องหนึ่งในห้าเอ่ยร่ายยาวในขณะที่สายตาสำรวจสถานการณ์รอบๆ อย่างละเอียด “เผาแม่งซะ...” คำตอบของนายเหนือหัวทำให้บรรดาลูกน้องหันมองเป็นตาเดียว มันไม่ได้เหนือความคาดหมายหรอกแต่ที่พวกเขามองอย่างคาดคั้นก็แค่อยากรู้ว่าจะเริ่มต้นกันตรงไหนใครมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง “เดี๋ยวนายสามคนจัดการพวกคนที่คุมทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกนี้นะ ล่อให้มันออกไปไกลๆ ได้ยิ่งดี ส่วนนายมากับฉัน งานนี้ไม่ต้องมีแผนอะไรทั้งนั้นแหละ แค่จัดการพวกมันให้ได้ก็พอ” “เผาซ่อง...น่าสนุกดีแฮะ! ถ้าเผารังแล้วน้องหนูจะไปไหนล่ะทีนี้...ฮ่าๆๆ”           “โถ...คงตกใจกันพิลึกนะครับ อย่างนี้เผารังเสร็จเราก็ต้องอยู่ปลอบหนูๆ ต่อสิครับเนี่ย” เมื่อรู้ว่าต้องทำอะไรบ้างต่างก็ออกปากแซวกันเบาๆ ตามประสาผู้ชายที่เห็นสตรีนุ่งนิดห่มน้อยอยู่ตรงหน้าเป็นสิบ                                                       “หุบปากน่า เราไม่ได้มาเล่น...อีกอย่างหนูหน้าร้านเนี่ยไม่น่าสนใจเท่าหนูที่ถูกจับขังอยู่ข้างในหรอก” กัณฑ์รพีกล่าวกับบรรดาลูกน้อง อันที่จริงนอกจากจะมาทำลายที่นี่แล้วเขายังมีแผนเด็ดจะเล่นงานศัตรูตัวร้ายให้เข็ดหลาบไปสักพักใหญ่ๆ อยู่ด้วย “นี่เป็นซ่องขนานแท้สินะครับ มีทั้งเบื้องหน้าแล้วก็เบื้องหลังการค้าเนื้อสด...ใจบาปจริงๆ” “เสร็จงานนี้คนใจดีอย่างนายก็พาไปเลี้ยงสักสองสามคนสิครับ ขาวๆ อวบๆ คิดแล้วอุ่นซะไม่มีล่ะ” เสียงแซวเสียงส่งต่อความคิดเห็นยังดังเบาๆ ต่อเนื่อง “เรื่องไก่หลงน่ะค่อยว่ากัน ตอนนี้ทำงานให้เสร็จก่อนดีกว่า ไม่อย่างนั้นพวกนายได้หนาวๆ ร้อนๆ กันแน่” ผู้เป็นนายใหญ่ขัด ทุกคนอมยิ้มแล้วก็ล้อมวงคอยรับคำสั่งอย่างละเอียดอีกครั้ง พลั่ก! พลั่ก!! “โอ๊ย!” ร่างใหญ่ในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืดที่กำลังยืนคุมเชิงอยู่ตรงทางเดินถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว มันโดนทั้งหมัดทั้งศอกทั้งเข่าจนทรุดลงกองกับพื้นร้องโอดโอยเสียงดังลั่นบริเวณ “กรี๊ด!! กรี๊ด!!” สาวๆ ที่คอยรอให้บริการลูกค้าเห็นดังนั้นก็พากันตกใจลุกมาดูเหตุการณ์อย่างกล้าๆ กลัวๆ บางคนก็หนีเข้าไปด้านใน ก่อนที่พวกผู้ชายอีกสองสามคนจะวิ่งออกมาเมื่อรู้ว่าเกิดเรื่องไม่ปกติขึ้นแล้ว “เฮ้ย!! เกิดอะไรขึ้น! มึงเป็นใคร!” ชายคนหนึ่งที่วิ่งนำหน้าตะโกนตามพร้อมยกมือชี้ไปยังผู้บุกรุกชุดดำที่ยืนใช้เท้าเหยียบเพื่อนร่วมงานของมันที่นอนหมดท่าอยู่บนพื้น “พ่อมึงไง!!...” คนถูกถามตอบกลับยียวนพร้อมยกมือขึ้นกระดิกนิ้วกลางเรียกให้พวกมันเข้ามา “หน็อยยยยย...มึงอย่าอยู่เลย!” ไอ้หนวดหน้าโหดที่อยู่ทัพหน้าโกรธจนคิ้วกระตุกเมื่อถูกจาบจ้วงถึงบุพการี มันกระชากปืนออกมาแล้วเล็งยิงไปยังชายหนุ่มชุดดำทันที ปัง!! ปัง!! “ลูกพี่!” แต่กลับเป็นมันเองที่ร่วงลงไปนอนกับพื้นเลือดท่วมตัวเมื่อเสียงกัมปนาทสงบลง ชายชุดดำอีกสองคนเดินออกมาจากพุ่มไม้ซึ่งตกแต่งขนาบสองข้างทางพร้อมอาวุธเงาวับในมือ “พวกมึงเป็นใคร...เร็ว!! ไปตามคนอื่นๆ ออกมา” “ครับ!!/กรี๊ดดดดด!” เหล่าคนคุมซ่องที่กรูกันออกมาส่วนหนึ่งออกไปบุกจับผู้บุกรุก ที่เหลือต่างก็วิ่งเข้าไปตามพวกที่เหลือให้ออกมาช่วย ทางด้านพวกผู้หญิงก็แตกตื่นหนีภัยกันอลหม่าน เสียงกรีดร้องผสมผสานกับเสียงเพลงที่ขับกล่อมให้สถานเริงรมย์มีชีวิตชีวาเกิดขึ้นพร้อมกับความวุ่นวายชุลมุนเมื่อการถูกรุกรานเกิดขึ้นอย่างไม่มีใครคาดคิด “เฮ้ย!! มาเป็นสิบ พี่ขอเสียสละให้น้องรับผลงานไปเต็มๆ” คนพูดที่อยู่ด้านหลังสุดกลับหลังหันแล้ววิ่งก่อนที่จะพูดจบด้วยซ้ำปล่อยให้อีกสองที่เพิ่งมุดออกมาจากพงไม้มองตาปริบๆ “พี่อ๊อดรอด้วย แบ่งๆ กันสิพี่ ผมไม่อยากเอาหน้าคนเดียวหรอก” “ตลกนะมึงไอ้กัส เร็ว!! วิ่ง!!” หนึ่งในสองที่เหลือเหลือบตะคอกเพื่อนรุ่นน้อง ปัง! ปัง! ปัง! ยังไม่ทันขาดคำเสียงปืนก็ดังสนั่นพร้อมๆ กับหัวกระสุนที่พุ่งเข้าหาพวกเขา คนเร็วกว่าวิ่งหายลับไปกับความมืดแล้วอีกสองคนที่เหลือคงทำเช่นนั้นไม่ทันจึงกระโดดหลบเข้าพุ่มไม้กลับไปเช่นเดิมก่อนจะใส่เกียร์สุนัขโกยแนบโดยไม่ต้องพึ่งหลักสูตรใดๆ “กัสทางนี้!!” เมื่อวิ่งมาได้สักพักก็ถึงจุดนัดหมายที่คุยกันไว้ล่วงหน้า “ครับพี่มาแล้วครับเราจะเอายังไงต่อดี มากันเพียบเลย” น้องนุชสุดท้องเอ่ยถามพี่ๆ ที่ซุ่มตัวรออยู่                                                                         “คุณซีลนะคุณซีลไม่เห็นบอกว่าพวกมันมีเยอะขนาดนี้” ต่างพากันบ่นไม่ขาดปากเมื่อเห็นจำนวนศัตรูที่ตัวเองต้องเผชิญหน้า                                    “คิดว่าพวกมันออกมากันหมดหรือยังครับ...” กัสถามเพราะเจ้านายบอกให้ล่อเหล่าคนคุมออกมาให้หมดเพื่อเปิดทางให้อีกกลุ่มปฏิบัติการได้สะดวกขึ้น      “ละโมบนะมึง...ชอบล่ำๆ รึไง” “บ้าพี่...ถึกๆ แบบนั้นไม่ไหวหรอกดำอีกต่างหาก ถ้าเป็นพวกพี่สองคนก็ว่าไปอย่าง” “เฮ้ย!” สองหนุ่มประสานเสียงอุทานขนลุกปนหวาดกลัวยิ่งกว่าต้องฝ่าดงกระสุนปืนใหญ่เสียอีก “ผมล้อเล่น นั่น! มันกำลังหาพวกเราอยู่” อ๊อดบอกเพื่อนพร้อมกระชับอาวุธประจำกายอย่างเตรียมพร้อม ในสถานะตอนนี้เขาอาวุโสกว่าใครๆ จำเป็นต้องคิดและแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าให้รอดไปจากจุดนี้ให้ได้ “ล่อมันให้ออกห่างจากที่นี่ให้มากที่สุด หากจำเป็นก็เก็บซะ” “ผมคิดว่าเราจำเป็น...” กัสตอบพร้อมทั้งค่อยๆ เดินย่อเข่าย่องออกไปตามสัญญาณมือของผู้อาวุโสกว่าล่วงหน้าไปก่อนใคร “เซ็น...นายไปทางนี้ จัดการลากไอ้พวกสามคนที่อยู่หลังสุดส่วนที่เหลือฉันจะเก็บมันเอง” “ที่เหลือ...คนเดียวเนี่ยนะ” “เออน่า! ดูท่ามันจะเป็นหัวหน้านะโว้ยฝีมือเทียบเท่าสิบคนใครจะไปรู้ มาแล้ว...”ทั้งสองหยุดการโต้ฝีปากและทำตัวให้กลมกลืนกับความมืดที่เงียบงันที่สุด เซ็นทำตามที่อ๊อดบอก เขาย่องหลบไปทางด้านหลังของพวกมัน ปัง! ปัง! ปัง! “อ๊ากกก!!” “เฮ้ย! ทางนั้นมันอยู่นั่นเร็ว!!” ใครคนหนึ่งในพวกฝ่ายตรงข้ามตะโกนบอกพวกพ้องเมื่อเสียงกัมปนาทคำรามกู่ก้องพร้อมๆ กับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งบ่งบอกถึงการสูญเสียไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่งไปแล้ว ฉึก!! “อื้อ!” ในขณะที่กัสกำลังระดมยิงเพื่อเรียกร้องความสนใจล่อหลอกศัตรู อีกสองคนที่เหลือก็ฉวยโอกาสที่พวกมันไม่ทันระวังจัดการด้วยมือเปล่า และมีดเป็นอาวุธที่ทรงพลังแต่เก็บเสียงได้ยอดเยี่ยมไร้วี่แวว “บ๊ะ! แห่กันมาเพียบ นี่มันซ่องหรือกองทัพวะ” พีระบ่นกระปอดกระแปดเมื่อสายตามองไปยังบันไดทางเดินแล้วเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งกรูกันออกตามกำจัดพวกเขา “เซ็น!! กัส! วิ่งไปที่รถเร็ว” เขาตะโกนบอกเพื่อนรุ่นน้องทั้งสองเพราะรู้ว่ากำลังแค่เพียงสามคนคงต้านไม่อยู่แน่ๆ คำสั่งคือให้ล่อพวกที่คุมซ่อง ดังนั้นไม่จำเป็นว่าต้องจัดการพวกมันทั้งหมด ขอแค่พาไปไกลๆ จากที่นี้ก็พอแล้ว...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม