“รู้ตัวแบบนี้แล้วนายจะเอายังไงต่อครับ...” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยถามขณะที่พากันเดินออกจากโกดังเก็บของแห่งนั้น กัณฑ์รพีเหลือบมองหน้าคนพูดนิดหนึ่งราวกับกำลังครุ่นคิดและตัดสินใจบางอย่างสองเท้าหยุดอยู่ตรงหน้าประตูเหล็กม้วนบานใหญ่
“นายอธิปเป็นคนกว้างขวาง แล้วก็อยู่ในวงการคนกลางคืนมานาน ธุรกิจของเขาเกี่ยวเนื่องกับนักท่องราตรีทุกอย่าง ทั้งคาสิโน ค้าผู้หญิงแล้วก็ยา...ไม่แปลกหรอกที่พอเราเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นแล้วดึงนักท่องเที่ยวพวกนั้นมาอออยู่ที่ร้านของเราหมด แล้วเขาขาดรายได้ซึ่งพ่วงกันเป็นทอดๆ ก็เลยคิดจะกำจัดเราให้พ้นทาง...ตอนนี้คงต้องเงียบไว้ก่อนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีกเดือนเดียวร้านก็เปิดได้เป็นปกติ สิ่งที่เราต้องคิดควบคู่กันไปคือทำอย่างไรให้ลูกค้ากลับมาร้านเราเหมือนเดิม เพราะตอนที่ตำรวจบุกค้นบรรดานักท่องราตรีก็ต้องหวาดเสียวไปตามๆ กัน ไม่กล้าเหยียบย่างเข้ามาที่ร้านเราอีกเป็นแน่ ยังไงตอนวันเปิดก็ต้องหาทางดึงความประทับใจของนักเที่ยวให้มากที่สุด สองเดือนมานี้เราขาดทุนไปเยอะถ้าไม่กลับมาบูมเหมือนเดิมเราก็จบเหมือนกัน ทีนี้ก็เข้าทางพวกมัน”
“เรื่องนั้น...ผมจะพยายามให้เต็มที่ครับ ตอนนี้เราก็เริ่มโปรโมทแล้วว่าร้านจะเปิดวันไหนมีโปรอะไรให้ลูกค้าบ้าง แต่ยังไม่แจงรายละเอียดครับกลัวว่าคนที่มันจ้องเล่นงานจะจับทางได้ แล้วเรื่องการควบคุมเราก็เตรียมการกันไว้หมดทุกทางแล้วรับรองไม่มีพลาดให้มันใช้วิธีสกปรกเล่นงานเราได้ครับ”
ลูกน้องคนสนิทกล่าวรายงานขณะที่อีกสองคนช่วยกันเปิดประตู กัณฑ์รพีครุ่นคิด ไม่นึกว่าการก้าวเข้ามาทำงานด้านนี้จะสร้างปัญหาให้เขาอย่างรวดเร็ว และดูท่าคงยืดเยื้อมีเรื่องให้ต้องปวดหัวต่อไปอีกนาน เมื่อคู่แข่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการกำจัดเขาไปจากเส้นทาง
“อื้ม...ฝากด้วยก็แล้วกัน เรื่องร้านฉันมีไฮไลท์อยู่ในหัวแล้วเหมือนกัน มีอะไรก็ให้รีบรายงานจะได้จัดการทันที ช่วงนี้งานที่บริษัทก็ยุ่งๆ ไหนจะเรื่องร้านอีก แล้วยังจะ...”
“ครับ...” คนคอยจ้องจะฟังว่านายจะกล่าวอะไรต่อขานรับคล้ายเป็นคำถาม แต่ฝ่ายกัณฑ์รพีกลับหยุดชะงักเหมือนจะคิดได้ว่าเรื่องที่กำลังจะพลั้งปากนั้นมันไม่เกี่ยวกับเรื่องงานสักนิดเขากลอกตา เบ้ปาก ก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบให้ลูกน้องหนุ่มแล้วเดินออกจากโกดังไป
แม้จะมีเรื่องสุมในอกให้ร้อนรุ่มไม่ขาด แต่หาก...ร่างที่ทอดกายหลับใหลอยู่ในห้องนอนนั้นกลับฝังกลบปัญหาทุกอย่างให้มีความสำคัญเพียงน้อยนิด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะทำอะไร ใจ...ของเขาก็ยังคงครวญหาแต่เพียงเธอจนแทบไม่มีสมาธิเลย
แม่มดน้อย...คืนนี้อาจจะรอด แต่รับรองได้เลยว่าไม่เกินสี่สิบสองชั่วโมงเขาจะ ‘กิน’ เจ้าหล่อนให้ได้ ก่อนที่ตัวเองจะขาดใจเพราะความหิวกระหาย...
“คุณซีล...คุณซีลคะ...” เสียงหวานลอยเข้าสู่โสตประสาทหูทำให้คนกำลังเหม่อกลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ชายหนุ่มกะพริบตาถี่นิดหนึ่งก่อนจะหันไปยิ้มให้กับสาวน้อยที่นั่งข้างๆ เช้านี้เขามาส่งตมิสาที่ทำงานอีกเช่นเคยหลังจากเมื่อคืนแอบหนีไปทำภารกิจ แต่โชคดี...กลับมาพบว่าหญิงสาวยังหลับสนิทอยู่ ไม่อย่างนั้นเธอต้องโกรธเขาเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆ ที่ปล่อยให้นอนอยู่คนเดียวตั้งค่อนคืน
“ว่าไง...ให้ขึ้นไปส่งที่ทำงานเหรอ”
“เปล่าค่ะ คือคุณจอดรถตั้งนานแล้วหอมเรียกบอกว่าจะลงไปแล้วคุณก็ไม่ได้ยิน เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“มีอะไรให้คิดนิดหน่อยน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่ากับที่เธอไม่ยอมให้ฉันรักเมื่อคืนหรอก” เขาเย้า ทำเอาคนฟังแก้มแดงปลั่งชวนให้ยิ่งน่ามอง
“หอมขอตัวนะคะ เดี๋ยวจะเข้าทำงานสาย”
“เอาสิ...ตอนเย็นให้ตรงเวลานะฉันจะมารับ”
“ค่ะ...” เธอรับปากพร้อมส่งยิ้มน้อยๆ แต่ยังไม่กล้าสบตาคมกล้าที่มองราวกับจะกลืนกินอยู่รำไร “อยากได้ชุดใหม่หรือเปล่า...” คนในรถยังเย้าไม่เลิก หญิงสาวทำหน้ามุ่ยเป็นคำตอบก่อนจะเปิดประตูรถแล้วก้าวออกไป
“อุ๊ย!! คนบ้านี่ที่ทำงานนะคะ” ตมิสาสะดุ้งด้วยความตกใจเพราะสัมผัสทางด้านหลัง เมื่อหันหลังหวังจะเดินเข้าสู่ตัวอาคารตึกใหญ่ไม่ทันไร คนในรถก็ถลาตัวตามมาใช้มือตะปบบีบสะโพกเธอเต็มแรง เมื่อมองกลับไปก็พบว่าเขาเอนตัวส่งยิ้มร้ายมาให้อย่างหน้าไม่อาย
“ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ...” เขาตอบส่งท้าย คราวนี้ตมิสาหายใจยาวอย่างปลงๆ ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าสู่บริษัทที่เธอทำงาน ขืนมัวพิรี้พิไรมีหวังกัณฑ์รพีได้จับเธอกดในรถเป็นต้องหยุดงานกลางคันเป็นแน่แท้ ผู้ชายร้ายกาจคนนี้ไว้ใจได้ที่ไหนกัน