บทที่ 2 ย้อนภพครั้งที่ 1

1629 คำ
บทที่ 2 ย้อนภพครั้งที่ 1 เพราะแสงสีทองที่แยงตาเข้ามา จันทร์จิราจึงค่อยๆ กะพริบตา ปรับให้ชินกับแสงสว่าง ภาพความทรงจำค่อยๆ ฉายเข้ามาช้าๆ เธอเกิดอุบัติเหตุแล้วเหตุใดอยู่ดีๆ จึงมานอนอยู่กลางป่าเช่นนี้ หรือนี่คือทางสิ้นสุดของชีวิต ร่างบางค่อยขยับลุก แล้วก้าวเดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย เสียง... เธอได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง... เสียงนั้นคล้ายโลหะกระทบกันดังมาจากด้านในป่าอีกฝั่งไม่ห่างนัก จันทร์จิราตัดสินใจเดินตามเสียงนั้นไปด้วยคล้ายมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้เธอตัดสินใจแบบนั้น ภาพตรงหน้าทำให้ร่างบางรีบแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่และถึงกับเบิกดวงตากว้าง การต่อสู้กันระหว่างคนสองกลุ่มตรงหน้าช่างคล้ายกับในละครจีนโบราณที่เธอชอบดูเป็นอย่างยิ่ง หากแต่เธอมั่นใจว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้านี้ไม่ใช่เป็นภาพยนต์ ละคร หรือภาพในความฝันอย่างแน่นอน ต้องมีบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดเกิดขึ้น เหตุการณ์เสี่ยงตายก่อนหน้านี้เธอยังจำได้ดี หรือจะเป็นอย่างในนิยายย้อนยุคที่เธอชอบอ่าน ใบหน้างามแม้จะสงสัยแต่ก็ระคนดีใจ อ่า... หญิงงามหลงยุคมาพบรักกับองค์ชายรูปหล่อผู้เก่งกาจ หรือจะเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของยุทธภพดีนะ เลือกไม่ถูกเลย จันทร์จิรากำลังนึกฝันไปต่างๆ นานาว่าตนคือนางเอกในนิยายน้ำเน่าที่ชื่นชอบ เมื่อดึงสติกลับมาก็พบว่าบุคคลที่ใส่ชุดสีดำคล้ายกับผู้ร้ายได้ถูกสังหารจนหมดสิ้น หากแต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้จันทร์จิราถึงกับขมวดคิ้วเรียวยาวของตน หญิงสาวใบหน้างดงามสวมชุดคล้ายสตรีสูงศักดิ์ในยุคจีนโบราณดูจากเครื่องแต่งกายและรูปร่างแล้วนางจะต้องตั้งครรภ์แน่นอนและต้องมีอายุครรภ์ไม่ต่ำกว่า เจ็ด เดือนเป็นแน่ ร่างงดงามนั้นทรุดลงกับพื้น ใบหน้าแสดงความเจ็บปวดส่งเสียงร้องอย่างทุกข์ทรมาน ขณะที่รอบตัวนางมีหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มมากมายรายล้อมด้วยท่าทางตื่นตกใจ ด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของนางบ่งบอกได้ในทันทีว่านางกำลังจะให้กำเนิดบุตรอย่างแน่นอน จิตวิญญาณแห่งวิชาชีพพยาบาลนำพาให้จันทร์จิรามิได้ทบทวนให้ถี่ถ้วน ร่างบางตรงเข้าไปหาคนเจ็บในทันทีโดยมิได้คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าปลายดาบคมถูกยื่นจ่อมาที่ลำคอของเธอ ความเย็นของโลหะ และกลิ่นคาวเลือดที่ยังติดที่ดาบนั้นทำให้จันทร์จิราสำนึกได้ในวินาทีนี้เองว่าการตัดสินใจโดยไร้ซึ่งการยั้งคิดนั้นน่าหวาดกลัวเพียงใด “ฉันช่วยเธอได้” น้ำเสียงเอ่ยออกมาอย่างสั่นเครือ แม้จะไม่มั่นใจนักด้วยยังมิได้เข้าไปประเมินอาการของคนตรงหน้า แต่นี่เป็นทางรอดเดียวที่จันทร์จิราจะคิดออกในเวลานี้ ด้วยประเมินจากสถานการณ์แล้วหญิงตรงหน้าคงจะมีความสำคัญกับคนกลุ่มนี้เป็นแน่ และพวกเขาต้องกำลังลำบากใจกับอาการของหญิงตรงหน้าอย่างแน่นอน บุรุษร่างสูงใหญ่ที่จ่อคมดาบมาที่ลำคอของเธอเกิดความกังวลและลังเลในทันที ด้วยสถานการณ์บีบบังคับเช่นนี้บุคคลด้านหลังมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งหากหญิงสาวคนนี้สามารถช่วยเหลือนางได้จริงอย่างปากว่าก็นับเป็นบุญวาสนาอย่างยิ่ง เช่นกันหากเกิดสิ่งใดผิดพลาดนั่นหมายถึงชีวิตทดแทนด้วยชีวิต “เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากผิดพลาดแม้เพียงนิดนั่นหมายถึงชีวิตของเจ้าจะต้องสูญสิ้นไปด้วย” คำพูดที่บุรุษผู้นั้นบอกแก่จันทร์จิราทำให้เหงื่อไหลอาบแผ่นหลังคนใจกล้าในทันที ความมั่นใจถูกทดแทนด้วยความกังวล หากแต่พอหญิงสูงศักดิ์ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด บวกกับน้ำใสๆ ที่ไหลออกมาตรงกลางหว่างขานั่นทำให้จันทร์จิราไม่มีเวลาคิดอะไรอีก ใบหน้าที่มิจัดว่างามของจันทร์จิราพยักหน้าออกไปในทันที ผ้าสีขาวถูกกางออกเป็นที่กำบังคล้ายผนังห้องทั้ง สี่ มุม จันทร์จิรานั่งอยู่ตรงกลางระหว่างขาของหญิงสูงศักดิ์ จับนางชันขาขึ้น ผ้าผืนยาวผูกโยงจากกิ่งไม้ลงมาให้นางกำเอาไว้ “ท้องแรกหรือเปล่า... เอ่อ เจ้าคะ” ใบหน้างามที่แม้เจ็บปวดเจียนตายแต่ยังมีสติ พยักหน้าตอบ จันทร์จิราหน้าซีดเผือด ท้องแรกคลอดยากกว่าท้องสอง ขอเจ้าตัวเล็กในท้องอย่าได้มีปัญหาอย่างอื่นอีกเลยนะ “ฉันต้องการน้ำสะอาดสำหรับล้างร่างกายทารก ผ้าสะอาดอีกจำนวนมาก ถ้าเป็นไปได้น้ำที่จะนำมาให้ ฉันขอเป็นน้ำอุ่นแต่หากเป็นไปไม่ได้ขอให้เป็นน้ำที่มีอุณหภูมิปกติ” แม้สำเนียงการพูดจาของหญิงแปลกหน้าจะพิลึกแต่ก็ไม่มีใครสนใจ ต่างปฏิบัติตามคำบอกของนาง จันทร์จิราเริ่มกระบวนการทำคลอดเด็กน้อยอย่างใจเย็น สายตาจับผิดและลุ้นไปกับการรักษาของเธอมิได้สร้างความกดดันให้เธอเลยแม้แต่น้อย ด้วยจิตใจของเธอกำลังจดจ่ออยู่กับเหตุการณ์ตรงหน้า ใช้เวลาไม่นานเด็กน้อยก็กำเนิดขึ้น แต่ชะตาของจันทร์จิราท่าจะขาดอีกรอบ เด็กไม่ร้อง! ให้ตายเหอะ! จันทร์จิราประเมินเด็กน้อยเบื้องต้น ร้องเดี๋ยวนี้นะ ชีวิตฉันขึ้นอยู่กับเสียงร้องของเธอนะเด็กน้อย จันทร์จิรากระตุ้นประสาทสัมผัสของเจ้าตัวเล็กทุกทาง สุดท้ายตีที่ก้นไปหนึ่งที เจ้าเด็กน้อยก็แผดเสียงร้องจ้า จันทร์จิราลอบถอนหายใจยาวรีบห่อตัวให้ความอบอุ่นแก่เด็กน้อย หญิงผู้เป็นมารดายิ้มทั้งน้ำตา ในคราแรกนางคิดว่าลูกน้อยของนางคงสิ้นใจไปแล้วด้วยเด็กน้อยเกิดก่อนกำหนดไปหนึ่งเดือน อีกทั้งในสภาพที่แม้แต่หมอก็ยังไม่มี เมื่อจันทร์จิราจัดการห่อตัวให้ความอบอุ่นแก่เด็กน้อยเสร็จก็ส่งให้ผู้ป็นมารดาชื่นชม หญิงงามกอดเด็กน้อยแนบอกจุมพิตที่หน้าผากมนที่ยังมีคราบเลือดติดอยู่อย่างอ่อนโยนน้ำตาแห่งความยินดียังไหลอาบแก้มนวลอย่างมิขาดสาย “ลูกชายค่ะ...” จันทร์จิราเอ่ยบอกเสียงสดใจ น้ำตาคลอไปกับภาพความอบอุ่นตรงหน้า “ยินดีด้วยเพคะพระสนม” น้ำสียงยินดีร้องบอกไม่ขาดเสียง ไม่นานจันทร์จิราก็จัดการทำคลอดรกและทำความสะอาดร่างกายของทั้งตนเองและคนไข้จำเป็นของเธอ “ขอบใจเจ้ามาก...” หญิงสูงศักดิ์ที่จันทร์จิราทราบเพียงว่าคือพระสนมยิ้มอ่อนโยนให้เธอก่อนที่จะหันไปสนใจบุตรชายอีกครั้ง จันทร์จิรายิ้มอ่อนโยนตอบ แล้วเดินออกมาจากเขตกำบังผ้านั้น ชายที่เอาดาบจ่อคอเธอเมื่อครู่ก้มศีรษะให้เล็กน้อย “ขอบใจเจ้ามาก” “ไม่เอาดาบจ่อคอฉันแล้วรึไง” หลังพูดจบชายที่ชอบทำใบหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลาตรงหน้าก็หน้าแดงขึ้นมา มิมีใครสอนนางหรือไรว่ามิให้พูดจาไร้มารยาทเช่นนี้ จันทร์จิรายิ้มกว้างคนตรงหน้านี้ก็หน้าตาดีไม่น้อย อ่า... ยิ่งตอนเขาเขินแบบนี้ยิ่ง... หล่อกระชากใจสาวจริงๆ รอยยิ้มและแววตาของจันทร์จิราทำให้เฉินมี่ถงถึงกับปากแห้งคอแห้ง ใจสั่นขึ้นมาในทันที น่าตายนัก! แม่นางที่อายุมากกว่า แถมท่าทางประหลาดนี่มันนางมารชัดๆ ในตอนแรกจันทร์จิราคิดว่าตนเองนั้นแค่ฝันแต่ในเวลานี้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวทำให้เธอเริ่มแน่ใจว่านี่คงจะเป็นความจริงอย่างแน่นอน จากการพูดคุยและสังเกตสิ่งรอบตัว จันทร์จิรามั่นใจว่าเธอกำลังหลุดเข้ามาในยุคจีนโบราณยุคใดยุคหนึ่ง และแน่นอนหญิงไทยที่เป็นสาวกนิยายจีนอย่างเธอจดจำข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างแม่นยำ อ่า... ไร้สาระน่า นั่นมันนิยาย ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเวลานี้คือยุคใดและจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นในอนาคต จันทร์จิราได้แต่ภาวนาเพียงว่าขอให้สิ่งต่างๆ นี้เป็นเพียงความฝันของเธอและหวังว่าหากเธอหลับตาลงแล้วตื่นขึ้นมาใหม่จะสามารถกลับไปอยู่ในยุคที่เธอเคยดำเนินชีวิตอย่างเดิมได้ แต่จนแล้วจนรอดคำภาวนานั้นก็ยังคงเป็นเพียงแค่คำภาวนา ตอนนี้เธอนั่งอยู่ในรถม้าคันใหญ่ เบื้องหน้าคือสตรีสูงศักดิ์ที่เธอเพิ่งทำคลอดให้พร้อมด้วยเด็กชายทารกน้อยแรกเกิดที่ถูกอุ้มโดยสตรีวัยกลางคน คาดว่าอายุน่าจะประมาณสี่สิบถึงห้าสิบปี คนที่นี่บอกเธอว่าหญิงสูงศักดิ์ตรงหน้านั้นคือพระสนมกุ้ยเฟย พระนามเดิมคือเทียนมี่ลี่ และตอนนี้ขบวนเสด็จของพระสนมก็กำลังจะเดินทางกลับวังหลวง ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในจิตใจของจันทร์จิราในทันที ด้วยประสบการณ์จากการดูละครจีนโบราณ วังหลวงนั้นมีแต่สิ่งที่น่าหวาดกลัวเสียมากกว่าน่าเจริญใจ หากเธอกระทำสิ่งใดผิดพลาดแม้เพียงนิดนั่นหมายถึงชีวิตของเธอเป็นแน่ เหตุใดชีวิตของสาวน้อยเช่นเธอถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนเช่นนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม