บทที่ 9 ความเจ็บปวด

1588 คำ
บทที่ 9 ความเจ็บปวด ยามไฮ่ (เท่ากับเวลา 21.00 น. จนถึง 22.59 น.) องค์ชายสิบเก้า หยวนหรงหย่งหมิง นอนบิดตัวไปมาบนเตียงกว้าง ม่านสีแดงปลิวพลิ้วไหวตามแรงลม ริมฝีปากขบเม้มแน่น มือเล็กกุมที่ท้องเอาไว้งอตัวดิ้นไปมา ภายในห้องเงียบกริบ นางกำนัลสองนางถูกเขาไล่ออกไปด้านนอกตั้งแต่ช่วงเย็น เยว่เอ๋อร์เดินวนไปมาใจกังวลนึกถึงองค์ชายน้อยหลังม่านแดง แววตาหวาดระแวงไร้ความไว้ใจในตัวผู้คนช่างดูโดดเดี่ยวยิ่งนัก ดวงตาหวานมองไปที่เรือนนอนขององค์ชายน้อย ม่านหน้าต่างสีแดงปลิวตามแรงลม คงมิเป็นไรหากนางจะไปดูเขาสักหน่อย ร่างเล็กกลมป้อมเดินไปที่หน้าต่างเรือนไม้ เท่าที่นางจำได้คนที่มีฉายาว่าวิหคขาวบอกว่าหลังกินยาสามชั่วยาม องค์ชายน้อยจะปวดตามร่างกายราวกระดูกถูกกัดกร่อนและลำไส้ถูกบิดราวจะขาด ร่างเล็กป้อมยืนจ้องหน้าต่างเรือนนอนขององค์ชายน้อย ด้วยระดับความสูงของนางไม่มีทางที่นางจะปีนเข้าไปได้แน่นอน สายตาหวานเหลือบไปเห็นโต๊ะกลมที่ใต้ต้นสนใหญ่ริมฝีปากบางยกยิ้มพอใจ ที่นี่การเฝ้าระวังหละหลวมดังนั้นนางจึงไม่ต้องหวั่นว่าจะถูกใครจับได้ อีกทั้งองครักษ์เฉินก็นั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนงานนี้จึงทางสะดวกยิ่งกว่าสิ่งใด ท่ามกลางแสงจันทร์สาดส่องร่างกลมป้อมมุดมาทางหน้าต่าง ดวงตาคมมองดวงตาหวานผ่านม่านสีแดง ร่างกายของเขาตอนนี้อ่อนแอมากมิสามารถแม้แต่จะเดินปราณป้องกันตนเองได้ เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นเต็มดวงหน้าและร่างกายจนชุดที่สวมใส่ชุ่มไปหมด เยว่เอ๋อร์เปิดม่านเตียงสีแดงออกมองร่างของเด็กชายวัยสิบสองปีตรงหน้าแล้วถอนหายใจยาว เจ็บปวดขนาดนี้แต่เขากลับไม่ร้องสักนิด ช่างอดทนยิ่งนัก มือเล็กป้อมหยิบผ้าที่หัวเตียงชุบน้ำแล้วเช็ดตามใบหน้าและร่างกายของเด็กชาย หยวนหรงหย่งหมิงอยากปัดมือป้อมนั้นออก หากแต่ร่างกายก็อ่อนล้าเกินทน ความเจ็บปวดแทรกซึมไปทั่วตัวราวกับกระดูกจะแตกสลาย ลำไส้บิดม้วนราวจะขาดเสียให้ได้ ดวงตาจ้องดวงหน้ากลมนั้นอย่างมิพอใจ เมื่อนางนั่งลงบนเตียงยกศีรษะเขาวางบนตักน้อยๆ ของนาง เขามีศักดิ์เป็นถึงองค์ชายแห่งหนิงอัน นางเป็นเพียงสามัญชนถือดีอย่างไรมาตีตัวเสมอเขาเช่นนี้ หากแต่เพียงไม่นานความคิดนั้นก็ถูกแทรกแซงด้วยความเจ็บปวดทั่วทั้งตัว เขาบิดร่างไปมาอีกครั้งใบหน้าคมซุกที่หน้าท้องนุ่มนิ่มของนาง “วิหคขาวบอกหม่อมฉันว่าพระองค์จะทรมานราวโดนกัดกร่อนกระดูกและบิดลำไส้ราวสองชั่วยาม อดทนหน่อยแล้วกันนะเพคะ” ร่างของเด็กชายบนเตียงดิ้นรนไปมาด้วยความทรมาน ริมฝีปากขบแน่นไม่แม้แต่จะเปล่งเสียงออกมา เยว่เอ๋อร์ช่วยเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา ก่อนส่งผ้าอีกผืนมาที่ริมฝีปากเขา “กัดผ้าไว้เพคะ มิเช่นนั้นพระโอษฐ์อาจเป็นแผลได้” องค์ชายน้อยยอมทำตามที่เด็กสาวกล่าว มือป้อมเล็กยังคงใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามเนื้อตัวให้เขา นางเองก็อยากช่วยเขา หากแต่มิรู้จะช่วยเหลืออย่างไรเช่นกัน จวบจนเมื่อความเจ็บปวดแล่นถึงขีดสุดเกินกว่าร่างกายของเด็กชายจะทนได้ในที่สุดเขาก็สลบไป เยว่เอ๋อร์ถอนหายใจยาวอย่างเห็นใจยังคงเช็ดใบหน้าชุ่มเหงื่ออย่างอ่อนโยน ท่าทางทะมัดทะแมงคล้ายมิใช่เด็กห้าขวบตามร่างกาย สองชั่วยามแห่งความทรมานสิ้นสุดลง ร่างขององค์ชายน้อยอ่อนเพลียจนไม่มีแม้แต่แรงจะขยับ ดวงตาคมลืมตามองรอบห้องนอน เด็กน้อยหน้ากลมหายไปแล้วในห้องเงียบสงบ ดวงตาคมปิดลงอย่างอ่อนล้าอีกครั้งทิ้งตัวเข้าสู่ห้วงนิทรา กลิ่นหอมอบอวลของอาหารลอยเข้ามา นางกำนัลคนเดิมยกอาหารหลากชนิดมาให้องค์ชายน้อย เฉินมี่ถงพยุงร่างขององค์ชายสิบเก้าลุกขึ้นนั่ง วันนี้เขาอ่อนแรงเป็นพิเศษจึงมิค่อยดื้อดึงนัก มือเล็กเอื้อมไปหยิบตะเกียบเพื่อกินอาหาร หากแต่มิทันที่จะคีบสิ่งใดเข้าปากร่างกลมเล็กก็เดินเข้ามา ในมือถือถาดเล็กมองดูคล้ายถ้วยอาหาร “นั่นอะไร” เสียงเล็กแหบพร่าอ่อนแรงเอ่ยถามขึ้น เยว่เอ๋อร์นำถาดเล็กวางบนโต๊ะกลมข้างถาดอาหารของนางกำนัลหน้าดุคนเดิม แม้จะก้มหน้าแต่เยว่เอ๋อร์ก็เห็นสายตาพิฆาตจากนางทางหางตา “ท่านอาบอกหม่อมฉันว่าทรงอยากเสวยอาหารที่โรงเตี๊ยมเหินเวหา หม่อมฉันเลยนำมาถวายเพคะ” เฉินมี่ถงมองใบหน้ากลมของเด็กน้อยแล้วขมวดคิ้วอย่างสงสัย เขาเคยกล่าวเช่นนั้นเมื่อไหร่กัน ขณะที่หยวนหรงหย่งหมิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย วางตะเกียบในมือเลื่อนอาหารชุดเดิมของนางกำนัลออก หันมาสนใจอาหารของเด็กน้อยแทน อาหารที่คนของชุ่ยฮองเฮานำมาให้เขากินทุกวันแน่นอนไม่มากก็น้อยล้วนผสมยาพิษ เขาแม้รู้ดีแต่มิมีหลักฐานใดมาชี้ชัด นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่ค่อยกินอาหารเท่าไรนัก สองปีที่เขาถูกกักตัวอยู่ที่นี่ไม่ใช่เพื่อมารักษาตัวหรือพักผ่อนอย่างเช่นที่ชุ่ยฮองเฮาประกาศออกไป หากแต่เป็นเขาถูกนางกักบริเวณเอาไว้และค่อยๆ วางยาเขาเสียมากกว่า “อืม... รสชาติดีไม่น้อย” เยว่เอ๋อร์ยกยิ้มกว้างจนดวงตาหยี แก้มกลมปรากฏรอยบุ๋มทั้งสองข้างดูน่ารักมิน้อย หยวนหรงหย่งหมิงมองแววตาสดใสจริงใจของนางแล้วยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ชีวิตเขาผ่านมาสิบสองปี คนที่ไว้ใจได้กลับนับได้ด้วยนิ้วมือเท่านั้น ซึ่งคนเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคนที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กทั้งสิ้น นางจึงเป็นคนแรกที่เขาเปิดใจให้ในรอบสิบกว่าปีนี้ เฉินมี่ถงมององค์ชายสิบเก้าเสวยอาหารตรงหน้าจนหมด เดิมทีคิดจะตำหนิเจ้าเด็กน้อยนี่เสียหน่อย แต่พอเห็นองค์ชายน้อยเสวยได้มากขึ้นจึงลืมเรื่องตำหนินางไปเสียสนิท “หม่อมฉันเห็นดอกไม้ในอุทยานด้านหลังออกดอกสวยมากเลยเพคะ เสวยเสร็จแล้วเสด็จไปทอดพระเนตรหน่อยไหมเพคะ” ดวงตาหวานเปล่งประกาย หยวนหรงหย่งหมิงยกยิ้มน้อยๆ ก่อนพยักหน้า ขณะที่เฉินมี่ถงแทบอยากจะบีบคอเด็กน้อยตรงหน้า “องค์ชายทรงประชวรอยู่พ่ะย่ะค่ะ” “แต่ท่านอาเคยบอกข้าว่าแม้ไม่สบายก็ไม่ควรอุดอู้อยู่ในห้องมิใช่หรือเจ้าคะ” เฉินมี่ถงหันไปจ้องเด็กน้อยตรงหน้า เขาเคยพูดแบบนี้ที่ไหนกันเจ้าเด็กแก้มซาลาเปานี่ชักจะเอาใหญ่แล้ว เยว่เอ๋อร์มองหน้าคมดุของราชองครักษ์แล้วอดยิ้มไม่ได้ นางรู้ว่าองค์ชายน้อยอยากออกไปด้านนอกบ้างและอีกอย่างตอนนี้พิษในร่างขององค์ชายน้อยก็สลายไปจนหมดแล้ว การได้ออกไปเดินเหินบ้างย่อมเป็นผลดีต่อสุขภาพมากกว่านอนอุดอู้ในห้องสี่เหลี่ยมนี่ “เช่นนั้นเราขอออกไปเดินเล่นสักครู่แล้วกัน” ร่างองค์ชายน้อยค่อยๆ ลงจากเตียงโดยมีเฉินมี่ถงคอยพยุง เยว่เอ๋อร์ มองร่างผอมซีดของเขาแล้วอดที่จะสงสารไม่ได้ หากคิดย้อนไปตามเหตุการณ์องค์ชายน้อยตรงหน้าคงเป็นเด็กน้อยที่นางเคยช่วยเอาไว้เป็นแน่ ดวงตาหวานพลันน้ำตาคลอขึ้นมา ด้วยส่วนสูงของคนสองคนที่ค่อนข้างต่างกันทำให้การพยุงดูทุลักทุเลมิน้อยแต่สุดท้ายองค์ชายหยวนหรงหย่งหมิงก็มานั่งที่ศาลาในอุทยานได้ในที่สุด ใบหน้าคมซีดมีรอยยิ้มน้อยๆ ปีกว่าแล้วสินะที่เขามิได้ออกมานอกห้องสี่เหลี่ยมนั่น สิ่งต่างๆ ภายนอกดูทรุดโทรมไปมิน้อยเลยทีเดียว ชุ่ยฮองเฮาหยุดยืนที่ริมอุทยานสายพระเนตรจดจ้องที่องค์ชายหยวนหรงหย่งหมิงอย่างหงุดหงิด หากแต่ใบหน้ายังคงความราบเรียบอ่อนโยนเอาไว้ไม่แสดงพิรุธใดๆ ออกมา ช่างน่าแปลกนักปกติเด็กนั่นจะต้องค่อยๆ ตายไปช้าๆ เหตุใดวันนี้กลับลุกเดินออกมาด้านนอกได้กัน จะต้องมีสิ่งใดผิดปกติแน่นอน “ช่วงนี้องค์ชายสิบเก้ามีอะไรผิดปกติหรือไม่” ชุ่ยฮองเฮาหันไปถามนางกำนัลที่คอยรับใช้องค์ชายหยวนหรงหย่ง หมิง ใบหน้างามยังคงราบเรียบไม่แสดงความรู้สึกใด ราวกับกำลังถามไถ่เรื่องดินฟ้าอากาศ “ทูลฮองเฮา ไม่มีเพคะ” แม้นางกำนัลจะเอ่ยเช่นนั้นหากแต่ภาพตรงหน้าก็มิอาจทำให้นางวางใจได้ จะต้องมีสิ่งใดผิดพลาดแน่นอนและนางจะต้องหาให้เจอว่าสิ่งนั้นคืออะไร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม