แคว้นชิน
ฝูจื่อหรงกำลังตรวจดูฎีกากองโตบนโต๊ะช้าๆอย่างระมัดระวัง เมื่อตรวจถึงฎีกาอันสุดท้ายเขาขยับตัวบิดกายเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า แล้วหยิบรายงานที่วางอยู่ข้างกายขึ้นมาอ่าน
"การจัดเตรียมงานเลี้ยงเป็นไปด้วยดีเราก็เบาใจ งานนี้สำคัญมากผู้แทนพระองค์แคว้นเหลียงปีนี้คือชินอ๋อง เป็นบุคคลที่สำคัญยิ่งเราจะให้พลาดไม่ได้" ฝ่าบาทเงยหน้ากล่าวกับอันกงกงเมื่ออ่านรายงานเรื่องการจัดงานเลี้ยงเสร็จ
"ด้วยพระบารมี ทุกสิ่งย่อมผ่านไปด้วยดีพะย่ะค่ะ" ตงกงกงกล่าวอย่างนอบน้อม
"ฝ่าบาทฟางกุ้ยเหรินขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ" กงกงผู้ถวายรับใช้ใกล้ชิดอีกคนเข้ามาขออนุญาตนำฟางกุ้ยเหรินเข้ามา
ฝูจื่อหรงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
ร่างบอบบางในอาภรณ์งดงามสีเขียวอ่อนสวมเครื่องประดับเต็มยศของสนมขัั้นหนึ่งเดินอ้อนแอ้นเข้ามายอบกายทำความเคารพอยู่เบื้องหน้าพระพักต์
"เจ้ามีสิ่งใดถึงมาหาข้าดึกดื่นเช่นนี้" เขากล่าวเรียบๆ
"หม่อมชั้นเห็นว่าฝ่าบาททรงงานไม่ได้พักผ่อน จึงนำน้ำแกงบำรุงมาถวายเพคะ" ฟางกุ้ยเหรินกล่าวพร้อมขยับตัวเข้าใกล้ นิ้วมือเรียวนวดลงไปบนช่วงไหล่ของฝูจื่อหรงช้าๆ
ฝ่าบาทรู้สึกผ่อนคลายร่างกายที่ตึงแน่นไปกับฝ่ามือนุ่มนิ่มของพระสนม
"อืม ขอบใจเจ้า"
สนมขั้นหนึ่งฟางกุ้ยเหรินเป็นบุตรสาวเสนาบดีคนสำคัญ ถือเป็นสนมคนโปรดของฮ่องเต้มีความสามารถด้านการดีดพิณ ร้องรำ เล่นหมากล้อม และเฉลียวฉลาดกว่าใคร อีกทั้งยังมีใบหน้าที่งดงามหาผู้ใดเทียบเท่า จึงเปรียบเป็นคู่สวรรค์สร้างของฮ่องเต้แคว้นชินจนประชาชนร่ำลือไปทั่ว
ผู้คนต่างคิดว่า ฟางกุ้ยเหรินจะได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาซึ่งตอนนี้ตำแหน่งนั้นยังว่างเปล่าอยู่ในเร็ววัน
"ฝ่าบาทลองเสวยน้ำแกงบำรุงนะเพคะ น้ำแกงนี้สามารถขับไล่ความเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดี หม่อมชั้นต้มน้ำแกงนี้ด้วยตัวเองเลยนะเพคะ"
ฟางกุ้ยเหรินสั่งนางกำนัลให้ยกถ้วยน้ำแกงเข้ามาถวาย
ตงกงกงรับถ้วยน้ำแกงมาจากนางกำนัลเข้ามาถวายฝ่าบาท
ฝูจื่อหรงจิบน้ำแกงจนหมดถ้วย รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันตา
"เจ้ากลับไปรอเราที่ตำหนัก"
ฟางกุ้ยเหรินตาลุกวาวด้วยความดีใจ ยอบกายถวายความเคารพแล้วรีบรุดกลับไปที่ตำหนักอย่างว่องไว
"พวกเจ้าเตรียมพระสนมให้พร้อม ฝ่าบาทจะเสด็จคืนนี้" กงกงขั้นสองเร่งไปยังตำหนักของฟางกุ้ยเหรินเพื่อตระเตรียมความพร้อมล่วงหน้า
หลังจากสะสางราชกิจจนมั่นใจว่าไม่มีอันใดผิดพลาดฝูจื่อหรงก็ตรงมายังตำหนักของฟางกุ้ยเหรินทันที
บรรดานางกำนัลต่างทยอยออกมาด้านนอกเมื่อฝ่าบาทมาถึง ฟางกุ้ยเหรินสวมเสื้อคลุมตัวบางนั่งรออยู่บนเตียงขนาดใหญ่กลางห้องที่โอบล้อมด้วยผ้าสีขาวบางรอบเตียง
นางลงมายอบกายถวายความเคารพใบหน้างดงามถูกแต่มแต้มสวยสด ปากแดงสดด้วยชาดแย้มยิ้มชวนเชิญ
นางปลดอาภรณ์ให้ฮ่องเต้แผ่วเบาเมื่อเขากางแขนออก ร่างกายแข็งแกร่งด้วยมัดกล้ามทำให้ฟางกุ้ยเหรินหลงไหล
ฝ่าบาทดึงเสื้อคลุมออกจากร่างบางอุ้มฟางกุ้ยเหรินขึ้นบนเตียง แยกขานางออกแล้วกดมังกรยักษ์เข้าช่องแคบทันที ไม่มีการเล้าโลม ไม่มีตรัสคำว่ารักหวานฉ่ำ ทุกสิ่งเพียงเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ดิบเฉกเช่นบุรุษทั่วไปเพียงเท่านั้น
ในใจพลันนึกถึงร่างเปลือยงดงามภายใต้สายน้ำในคืนนั้น สตรีของผู้อื่นที่เขาได้แนบชิดถึงจะเพียงแค่ครั้งเดียวแต่ก็สามารถตราตรึงจิตใจให้ใฝ่หาจวบจนกระทั่งบัดนี้
ฝูจื่อหรงกระแทกร่างจนมิดลำมังกรหลายครั้ง ยิ่งใจวนเวียนถึงสตรีผู้นั้นร่างกายก็ยิ่งต้องการปลดปล่อยแรงปรารถนา
ฟางกุ้ยเหรินนอนแนบร่างอยู่บนอกเมื่อฝ่าบาทเสร็จสิ้น พระสนมลูบไล้มัดกล้ามแน่นอย่างพึงใจถึงจะมีสนมมากมายในวังหลวงแห่งนี้แต่นางก็เป็นหนึ่งเหนือกว่าผู้ใด
ฝ่าบาทเป็นของนาง หากผู้ใดคิดจะมาแย่งฝ่าบาทไปจากนาง อย่าหวังว่าจะได้อยู่ดี
ฟางกุ้ยเหรินใช้อกอวบถูไถอกแน่นและอ้าขาขยับกายให้ส่วนสยิวตรงแก่นสัมผัสกับมังกรยักษ์ของฝ่าบาทตั้งใจจะปลุกมันขึ้นมาอีกครั้ง
ฝูจื่อหลงยันกายลุกขึ้นขยับร่างห่างจากพระสนม
"เราเหนื่อยแล้วแต่งกายให้เรา เราจะกลับตำหนัก"
"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมชั้นขออภัยหากทำให้ขุ่นเคือง ขอพระองค์พำนักที่นี่ให้หม่อมชั้นคอยปรนนิบัตินะเพคะ"
"เราจะกลับตำหนัก" เสียงเข้มของเขาทำให้ฟางกุ้ยเหรินทำตามคำสั่งโดยไม่อิดออดอีกต่อไป
เมื่อมาถึงตำหนัก ฝูจื่อหรงไล่ขันทีออกจากห้องแล้วเดินไปหยิบเจ้าตุ๊กตาหมีพูดได้ขึ้นมาดู เขากดเข้าที่กลางลำตััวของมัน
"เจ้าเว่ยเธอยอดมาก เจ้าเว่ยเธอยอดมาก" เสียงของเจ้าตุ๊กตาประหลาดทำให้ฝูจื่อหรงจิตใจสงบลง
หลังจากคืนนั้นเขาก็ไม่ได้พบนางอีกเลยในวันนั้นเมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าชายหญิงคู่นั้นได้ออกจากสำนักคุนหลุนไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง
แม้จะพยายามถามท่านเจ้าสำนักแต่เพราะกฏที่ไม่เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของศิษย์ในสำนักอันเข้มงวด จึงทำให้เขาไม่อาจรู้ได้ว่านางคือผู้ใด
ตอนนี้เขาเห็นหญิงงามข้างกายเป็นตัวแทนของสตรีผู้นั้นไปแล้ว มีแต่เจ้าสิ่งนี้ที่ทำให้จิตใจว้าวุ่นของเขาสงบลงได้ เจ้าของมันจะรู้บ้างหรือไม่ว่านางได้ทำสิ่งใดกับจิตใจเขาบ้าง
หากเขาได้พบกับนางอีกครั้ง เขาจะสามารถปล่อยสตรีที่เป็นของชายอื่นไปได้หรือไม่