“ข้อนี้เอินคงให้คุณพ่อไม่ได้ คุณพ่อก็รู้ถึงสาเหตุที่เอินทำตัวแบบนี้ อย่าห้ามเอินเลยค่ะ ให้เอินมีความสุขในแบบที่เอินอยากจะเป็น ก่อนที่เอินจะต้องตกนรก อีกข้อเรื่องให้เอินเป็นแม่บ้านแม่เรือน สมัยนี้เขาจ้างคนใช้กันแล้วค่ะ ไม่ต้องทำงานบ้านเอง ไม่ต้องทำกับข้าวเอง เสียแค่เงินที่จะต้องจ่ายค่าจ้างทุกเดือนเท่านั้นค่ะ อีกอย่างถ้าคุณกฤตเขายกเลิกงานแต่งงานจริง เอินจะบวชชีแก้บนเลยค่ะ”
“พ่อว่าเอินคงไม่ได้บวชชีตามที่เอินพูดออกมาหรอก นี่การ์ดแต่งงาน คุณลุงวินส่งมาให้พ่อเมื่อตอนบ่ายนี้เอง การ์ดแต่งงานจะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าคุณกฤตไม่มีวันยกเลิกการแต่งงานแน่นอน ไม่ว่าเอินจะทำตัวย่ำแย่มากแค่ไหน เอ้า เอาไปดูซะ”
เกษมศักดิ์ยื่นการ์ดแต่งงานให้ลูกสาว ก่อนที่อีกฝ่ายจะยื่นมือไปรับอย่างจำใจ ไม่คิดที่จะเปิดซองการ์ดออกมาดูด้วยซ้ำว่าแต่งงานวันที่เท่าไหร่ เดือนอะไร จะดูทำไม ดูไปก็ช้ำใจเปล่าๆ อยากจะฉีกทิ้งด้วยซ้ำไป
“เอินไปก่อนนะคะ หนุ่มๆ คอยอยู่”
หญิงสาวเปรี้ยวจี๊ดไม่รีรอให้บิดารั้งด้วยคำพูดอีก เธอก้าวเดินออกไป จากบ้านทันที โดยมีสายตาของเกษมศักดิ์มองตามไปอย่างนึกสงสาร และเห็นใจ เขาคิดอยู่ตลอดเวลาว่าสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมดนั้นถูกต้องหรือไม่ ก่อนจะได้รับคำตอบจากการคิดทบทวนหลายตลบคำตอบนั้นก็คือ...ถูกต้อง
ระหว่างทางที่เดินไปยังรถยนต์ของเธอนั้น ธัญชนกก้มมองการ์ดแต่งงานที่อยู่ในมือ พร้อมกับฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ การแต่งงานครั้งนี้ทำให้เธอเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างมาก แรกๆ ร้องไห้ด้วยความเสียใจทุกวัน ไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลย ธัญชนกไม่รู้ว่าว่าที่เจ้าบ่าวจะเสียใจและเจ็บปวดกับการแต่งงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่ดูท่าเขาจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเหมือนกับเธอ เพราะวันแต่งงานที่แน่นอนได้ระบุอยู่ในการ์ดแต่งงานใบนี้แล้ว เห็นทีเธอต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อที่จะให้กฤตยศเจ็บปวดเหมือนกับเธอบ้าง ต้องเจ็บกว่าเธอร้อยเท่าพันเท่า กระอักอยู่ในอก
ธัญชนกเปิดประตูรถยนต์ ก่อนจะเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ โยนการ์ดแต่งงานไปที่เบาะนั่งด้านข้างอย่างไม่ไยดี ปิดประตูด้านที่เธอนั่ง เตรียมตัวขับรถออกไปท่องแสงสีในเมืองหลวง ทว่าเสียงเปิดและปิดประตูด้านข้างคนขับดังขึ้น เจ้าของรถจึงหันไปมองคนที่เข้ามานั่งอย่างถือวิสาสะทันที
“นายเข้ามาในรถของฉันทำไม ออกไปนะ” ธัญชนกแหวใส่สิงหาที่เข้ามานั่งในรถของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต
“ไม่ออก” สิงหาชายหนุ่มจอมยียวนไม่ยอมออกไปจากรถตามคำสั่งของธัญชนก แล้วยังคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จสรรพ หญิงสาวเห็นดังนั้นจึงวีนแตกอีกรอบ
“ฉันบอกให้นายออกไปจากรถของฉันไงเล่า ฉันว่าฉันพูดภาษาคนแล้วนะ ไม่ได้พูดภาษาควายนายถึงไม่เข้าใจน่ะ หรือว่านายฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง?”
“ฉันฟังภาษาคน พูดภาษาคนรู้เรื่อง เธอต่างหากที่พูดและฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง ฉันก็บอกเธอไปแล้วว่าไม่ออก ไม่ลง ไม่ไปไหน นั่นก็หมายความว่า ฉันจะยังคงนั่งในรถคันนี้ต่อไป จบ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงดังฟังชัด ไม่ยี่หระกับอาการวีนกระจายของเธอ
“นายอย่ามากวนประสาทฉันนะ เดี๋ยวได้เจอดีแน่”
“ฉันไม่ได้กวนประสาทซะหน่อย ฉันไม่มีไม้กวน และอีกอย่างประสาทเธอก็อยู่ในสมอง แล้วฉันจะไปกวนได้ยังไง”
เจอคำย้อนสุดกวนอวัยวะเบื้องล่างของสิงหา เธออึ้งพูดไม่ออก เถียงไม่ถูก นึกคันไม่คันมือขึ้นมาตงิดๆ เงื้อมือขึ้นสูงกะจะฟาดลงบนซีกแก้มของหนุ่มสุดกวนคนนี้ให้หายแค้น ทว่าเสียงเข้มๆ ดุๆ บ่งบอกถึงความเอาจริงเอาจัง กล่าวเตือนเธอขึ้นมาเสียก่อน
“อย่านะ ถ้าเธอตบฉัน ฉันจะจูบเธอให้หายซ่าไปเลย เอาสิตบเลย ตบมาเมื่อไหร่จูบกระจายเมื่อนั้น”
ฝ่ามือนุ่มค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าทำร้ายเขาดั่งใจคิด ไม่ใช่กลัวเขาหากแต่เธอกลัวคำพูดข่มขู่ของสิงหาต่างหาก ก่อนที่เธอจะลดฝ่ามือลงหันไปทุบพวงมาลัยรถเพื่อระบายอารมณ์แทน
“เอ้าๆๆๆ ทุบมันเข้าไปพวงมาลัยรถน่ะ มันทำอะไรให้ ทุบมากๆ เดี๋ยวมันใช้ไม่ได้นะ”
ธัญชนกหันมามองผู้พูดตาเขียว กัดริมฝีปากแน่น อยากจะเอามือดึงเคราของเขาให้หลุดคามือ เหมือนกับที่เธอดึงไรขนของเขาเมื่อเช้า ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจที่ทำอะไรเขาไม่ได้
“นายขึ้นมาบนรถฉันทำไม?” ธัญชนกถามถึงสาเหตุที่เขาเข้ามานั่งหน้ากวนในรถของเธอ
“ฉันมาทำหน้าที่ดูแลความประพฤติของเธอไง ใกล้วันแต่งงานแล้ว กฤตเขาก็เลยสั่งฉันไว้ว่า ถ้าเธอไปอ่อยผู้ชายตามผับตามบาร์ให้ฉันตามไปด้วย”
“ทำไมต้องตาม ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องแต่ง ยกเลิกงานแต่งงานไปเลยก็ได้ยิ่งดี ฉันชอบ” เธอไม่แคร์อยู่แล้ว ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะอยากให้กฤตยศยกเลิกการแต่งงาน
“ไม่ได้หรอก กำหนดวันแต่งงานออกมาแล้ว ติดต่อโรงแรมไว้แล้วด้วย การ์ดเชิญก็อาจจะถูกแจกไปแล้วบ้างก็ได้ ตอนแรกฉันก็นึกว่าอีกสามสี่เดือน แต่ที่ไหนได้อีกสองเดือนข้างหน้า เห็นทีต้องเร่งสร้างเรือนหอให้เธอกับกฤตจะได้ทันงาน กฤตเขาฝากมาบอกว่า เขารับเธอได้ทั้งนั้นแหละไม่ว่าจะมั่วมากแค่ไหน ผ่านผู้ชายมาเป็นร้อยเขาก็รับได้ เพราะไม่คิดจะอยู่กับเธอไปตลอดชีวิต แต่งไปสักพักก็จะหย่า”
สิงหาฝากคำพูดของญาติหนุ่มให้ธัญชนกได้รับฟัง คำพูดของสิงหานี้เองทำให้เธอจุดประกายความคิดอะไรบางอย่างออก ความคิดที่จะทำให้กฤตยศกระอักและเจ็บจนพูดไม่ออก ในเมื่อกฤตยศไม่แคร์ว่าเธอจะมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหน กฤตยศก็คงไม่แคร์เหมือนกัน หากว่าที่เจ้าสาวจะนอนกับญาติของเขา
“นายนอนกับฉันมั้ย?” ธัญชนกตัดสินใจพูดออกไป สิงหาหันมามองหน้าผู้พูดเขม็ง ตะลึงไปชั่วขณะ ไม่คิดเลยว่าเธอจะพูดประโยคนี้ออกมา หรือว่าเขาหูฝาด
“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ?” สิงหาทวนถาม
“ฉันบอกว่า ฉันอยากมีเซ็กซ์กับนายพูดอย่างนี้ชัดหรือยัง?”
หญิงสาวขยายความให้เขาเข้าใจมากขึ้น สายตาที่มองไปยังใบหน้าของธัญชนกเต็มไปด้วยความตกใจ คาดไม่ถึงและไม่เข้าใจ
“ทำไม ทำไมถึงอยากนอนกับฉัน?”
“คุณกฤตเขาพูดเองไม่ใช่เหรอว่าไม่สนใจ รับได้ที่ฉันนอนกับผู้ชายคนอื่น ถ้าฉันนอนกับนาย คุณกฤตเขาก็คงไม่สนใจและรับได้เหมือนกัน เหตุผลอีกข้อคือนายเป็นญาติของว่าที่เจ้าบ่าวของฉันไง มันสะใจดีพิลึกที่ฉันได้นอนกับญาติสนิทของว่าที่เจ้าบ่าว แค่คิดฉันก็สะใจแล้ว ยิ่งได้ทำฉันจะยิ่งสะใจมากขึ้นไปอีก ว่าไง นายจะนอนกับฉันมั้ย?”
เหตุผลที่ร้ายกาจถูกเฉลยออกมาจากปากบางน่าจูบที่ขยับพูด สิงหาอึ้งไปอีกรอบเมื่อได้ยินเหตุผลของเธอ ธัญชนกคิดได้ยังไง คิดแผนนี้ขึ้นมาได้ยังไง มันเป็นแผนที่น่าเจ็บปวดสำหรับกฤตยศเป็นอย่างมาก การที่หญิงสาวจะหลับนอนกับชายอื่นที่ไม่ใช่เครือญาติไม่ใช่เรื่องแปลกและน่าตกใจ แต่นี่เขาเป็นญาติสนิท ไม่ใช่สนิทกันธรรมดา สนิทสนมกันมากเรียกได้ว่าถูกเลี้ยงควบคู่กันมาก็ว่าได้ มันจึงเป็นเรื่องที่สิงหาเหนือความคาดหมาย ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองด้วย