02 ปะทะครั้งที่ 2

3040 คำ
“นี่ถามไรหน่อยสิ...” เพราะสิ่งที่เห็นดันขัดกับภาพลักษณ์และลักษณะนิสัย ความสงสัยจึงถูกถามขึ้นท่ามกลางบรรยากาศความเงียบในห้องพัก “นายสักด้วยเหรอ?” “สะ สวย!” เขาอุทานเสียงดังท่าทางตกใจหลังถูกถาม พลางใช้มือจัดเสื้อยืดสีดำที่ใส่อยู่เหมือนพยายามซ่อนเรื่องที่ถูกสงสัยให้พ้นจากสายตา “สะ..สวยแอบมองเราเปลี่ยนเสื้อเหรอ...” “ฉัน...แค่บังเอิญเห็นน่ะ” พอถูกถามกลับบ้างก็เกือบตอบไม่ถูกเหมือนกันนะ “สรุปตรงสีข้างน่ะ สักมาใช่ไหม?” “อือ” เขายอมรับอย่างว่าง่ายเหมือนทุกครั้ง ไม่ว่าใครจะถามอะไร ก่อนตบท้ายด้วยคำถามบอกความรู้สึก “มันดูไม่เข้ากับเราใช่ไหม?” “ก็ดูเหมาะกับนายดี” พูดจบฉันจึงเลื่อนสายตามายังหน้าของหนังสือที่เปิดค้างไว้ “สวยเป็นคนแรกเลยนะที่ชมรอยสักเรา” คราวนี้เสียงของพูดด้วยเสียงโล่งใจและแฝงไว้ด้วยความดีอกดีใจ “คนอื่นเขาว่าว่ามันไม่สวยเหรอ?” “เปล่า...” “ถ้างั้นคนอื่นเขาพูดถึงรอยสักนายว่าอะไรล่ะ?” “ไม่มีใครเคยพูดถึงรอยสักเราหรอก...” การที่จู่ๆ อีกฝ่ายเงียบไปทำฉันจำต้องเหลือบมองเขาอีกครั้งอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนพบว่าคนตัวสูงกำลังนั่งอยู่บนเตียงของตัวเอง เขาก้มหน้าใช้นิ้วเกี่ยวพันกันไปมาและต่อรูปประโยคที่หายไปจนจบ “พะ...เพราะสวยคือคนแรกที่เห็นรอยสักเรา” เวลาเกอร์พูดคุยกับฉันเหมือนคนทั่วไป เขาดูไม่เหมือนคนป่วยทางจิตเลยสักนิดแต่เหมือนผู้ชายธรรมดาที่ขี้อายจัดและชอบแสดงอาการประหม่าเวลาอยู่ต่อหน้าผู้หญิงเท่านั้น ความตรงไปตรงมาของเขาคือเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ฉันสัมผัสได้ซึ่งมันคือข้อดีอย่างหนึ่งที่มักพบได้จากคนป่วยทางจิตเท่านั้น และฉันคิดว่าความจริงใจที่ได้จากเพื่อนที่เป็นผู้ป่วยทางจิตมีมากกว่าคนปกติทั่วไปชนิดที่เทียบไม่ติด... “ถ้าพูดขนาดนั้น งั้นบอกทีสิว่าไอ้ที่นายสักตัว E กับตัว R ไว้คือคำว่าอะไร?” ฉันแกล้งลองใจด้วยการถามคำถามตามหลักจิตวิทยา เพื่อสังเกตอาการผู้ป่วย และเชื่อว่าเมื่อคนถูกถามได้ฟัง เขาต้องรู้สึกอายพอๆกับเรื่องรอยสักที่เขาแอบซุกซ่อนไว้บนร่างกายอยู่ตลอดเวลา “ทำไมสวยต้องอยากรู้ล่ะ…” และใช่ เขาไม่กล้าตอบจริงๆ “นายไม่อยากให้คนที่เห็นรอยสักคนแรกรู้เหรอ?” “…” “ตัว E กับตัว R น่ะคืออักษรที่นายชอบใช่ไหม?” ฉันยิงคำถามออกไปเรื่อยๆและหวังว่าเขาจะสามารถก้าวข้ามความไม่มั่นใจของตัวเองได้ แม้ลึกๆ จะพอเดาได้ว่ามันคงเป็นชื่อของเขาที่สะกดด้วย K E R ก็ตาม “หรือว่ามันคืออักษรย่อชื่อพ่อกับแม่?” “มะ ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง...” เขาเริ่มแสดงอาการลังเลให้เห็นมากขึ้นทุกขณะเมื่อถูกกดดัน ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังตอบ “มัน...มันคือชื่อของเราเอง” “KER น่ะเหรอ?” คนถูกถามส่ายหน้าไปมาและพูด “ไม่ใช่ KER…” “...” “แต่เป็น JOKER ต่างหาก” “งั้นเหรอ?” หนังสือเล่มใหญ่ในมือถูกลดลงวางข้างตัว จนอีกฝ่ายสามารถมองเห็นสายตาที่ฉันใช้มองเขากลับไปได้แบบเต็มสองตา “จะบอกว่านายคือตัวตลกคู่ปรับ Batman ใช่ไหม?” “มะ มันคนละ JOKER แล้วสวยก็...” เขารีบรัวคำพูดแก้ตัวพลางคว้าผ้าห่มของตัวเองมาห่อตัวไว้ซึ่งการคว้าผ้าห่มมาห่ม มันไม่ต่างจากการให้สัญญาณเพื่อบอกให้รู้ว่าเขากำลังต้องการอะไร เพราะงั้นฉันจึง... ฟึ่บ! “เอาล่ะ ฉันจะไปมินิมาร์ท นายจะฝากซื้ออะไรไหมพ่อตัวตลก?” ลุกออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว ทำเหมือนกับไม่เห็นสิ่งที่อีกฝ่ายพยายามบอก “อะ อ้าวสวย...ละ แล้วเรื่องนั้นล่ะเราจะไม่...” “ไม่ล่ะ” ฉันขัดคำพูดลังเลแบบไม่สนใจพลางใช้มือรวบปลายผมยาวไปข้างหลัง “วันนี้ฉันจะลงโทษนายหนึ่งวัน เป็นผู้ชายเสียเปล่าแต่กลับไม่รู้จักปกป้องตัวเอง” ฉันแอบลอบมองผลงานตัวเองครู่และพบว่าเกอร์นั่งก้มหน้านิ่ง ไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเคือง แต่ดูสลดเหมือนยอมรับผิดมากกว่าเหมือนเข้าใจ ช่วงเวลานั้นเองฉันจึงฉวยโอกาสคว้ากระเป๋าสะพายคู่ใจพาตัวเองเดินออกจากห้องพักไปโดยไม่พูดอะไรอีก เอาเข้าจริงฉันไม่ได้รู้สึกตกใจที่เขาบอกว่าตัวเองชื่อโจ๊กเกอร์หรอกนะ เพราะยังไงฉันก็ไม่เคยเรียกชื่อเล่นเขาอยู่แล้ว ที่รู้สึกในตอนที่ได้ยินชื่อ JOKER น่ะ มันคืออย่างอื่นมากกว่า ‘ไว้ฉันจะสอนเธอหัวเราะ...ในคืนต่อไปก็แล้วกัน’ เสียงกระซิบส่อแววทะเล้นและท่าทางคล้ายกับมีพลังเหนือธรรมชาติของชายหนุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจ ยังคงอยู่ในความสนใจ แม้ว่าบางทีการพบกันคืนนั้นระหว่างเรา อาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่เขาไม่จงใจให้มันเกิดขึ้นก็ตาม... สุดท้ายฉันก็ไม่ได้แวะกลับเข้าหอพักตอนช่วงบ่าย หลังจากซื้อของเสร็จ แต่เลือกเดินโตร่เตร่ไปตามถนนในเมืองและหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์เล็กๆบันดาลให้ฉันได้พบกับสิ่งที่อยากเจอโดยบังเอิญเมื่อคราว JOKER แต่ก็เปล่า ปาฏิหาริย์ดันไม่เกิดขึ้นกับฉันบ่อยนัก ทั้งที่ใครต่อใครพูดกันว่า เราสามารถเจอปีศาจประจำเมืองได้แม้แต่ตอนเดินบนถนนแท้ๆ แต่ฉันกลับไม่ใช่คนโชคดี ต่อให้พาตัวเองไปยังสถานที่ที่เขาว่าเป็นปีศาจสองตนนั้นสิงอยู่ก็ยังไม่มีโอกาสได้พบเจอ จำต้องพาตัวเองกลับเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อกลับห้องพักตามประสาคนล้มเหลว เวลา 21.40 น. ภายในมหาวิทยาลัยตอนนี้ยังพอมีนักศึกษาหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้างบางตา ส่วนใหญ่เป็นพวกที่อยู่ทำโปรเจ็คจบของตัวเองทั้งนั้น แต่ยิ่งเดินลึกเข้าไปยังหอพักอาถรรพ์ ผู้คนก็เริ่มหายไปเหลือทิ้งไว้เพียงความเงียบและลมเย็นๆยามค่ำคืน ฉันชอบบรรยากาศวังเวง ความเงียบและความมืด เพราะองค์ประกอบเหล่านั้นช่วยทำให้จิตใจรู้สึกสงบหลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายในตอนกลางวันมาอย่างเหนื่อยล้าซึ่งขณะเดียวกัน ความเงียบและความวังเวง มันก็ทำให้ฉันได้ยินเสียงบรรยากาศรอบตัวชัดเจน “....อะ...อ๊ะ...” อย่างเช่นเสียงครวญแผ่วของหญิงสาวซึ่งดังมาจากทางใดทางหนึ่งใต้ตัวหอพักอาถรรพ์ขนาดใหญ่ตรงหน้า เพราะบริเวณนี้เงียบและปลอดผู้คน มันอาจจะเป็นไปได้ หากจะมีนักศึกษาแอบพากันมาปลดปล่อยความต้องการของกันและกันเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต ตอนแรกฉันคิดแบบนั้น แต่เมื่อยิ่งเดินเข้าใกล้หอพักเท่าไหร่ เสียงครวญก็ยิ่งดังชัดเจนมากขึ้น จนกระทั่งฉันเผลอมองตามเสียงร้องดังกล่าวไปแบบไม่ตั้งใจ “อ๊ะ...อ...” เสียงดังกล่าวดังมาจากบริเวณบ่อน้ำเก่าใกล้กับล็อกเกอร์เก็บจดหมายของหอพัก ที่ตรงนั้นฉันเห็นร่างสูงใครคนหนึ่งกับนักศึกษากำลังร่วมรักกันอย่างไร้ยางอาย แต่ก็แค่ครู่เดียวก่อนที่คนทั้งคู่จะสำเร็จอารมณ์ โดยชายหนุ่มเป็นฝ่ายผละตัวออกจากร่างของหญิงสาวเสียเอง ฉันพยายามบอกตัวเองให้หันมองไปทางอื่น ทว่า วินาทีเดียวกับการตัดสินใจ ชายตัวสูงคนดังกล่าวกลับบังเอิญเหลียวมองมาทางฉันเสียก่อนคล้ายกับรับรู้การมา... แสงไฟน้อยนิดจากใต้อาคารส่องให้พอเห็นเคล้าโครงใบหน้าของคนคู่นั้นชัดเจน หญิงสาวแม้ว่าสภาพเธอจะผมเผ้ายุ่งเหยิงและมีสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยแต่องค์ประกอบบนใบหน้าเธอนั้นชี้ชัดว่าเธอคือคนๆเดียวกับที่ทำร้ายเกอร์เมื่อตอนบ่าย โดยเฉพาะกับทางฝั่งผู้ชายซึ่งเป็นเจ้าของใบหน้าสีชอร์คและริมฝีปากแดงยาวถึงใบหูเป็นเอกลักษณ์ JOKER… จังหวะที่ฉันและเขาสบตากันอย่างตรงๆ ปีศาจในสภาพชุดตัวตลกโจ๊กเกอร์ก็แลบเลียขอบปากตัวเองเสมือนพึงพอใจสิ่งที่ได้เสพสม รอยยิ้มยียวนกวนประสาทที่แรากฏให้เห็นนั่นก็ดูไม่ได้รู้สึกสำนึกในสิ่งที่ทำ สีหน้าและการกระทำของเขาน่ะ ไม่ได้เหมือนวิธีที่ซาตานใช้ตามคำล่ำลือสักนิดและเหมือนพวกคนโรคจิตในชุดของ JOKER ต่างหาก! แม้ว่าเขาจะเป็นหนึ่งในเรื่องลึกลับที่เข้าหูบ่อยแต่การกระทำท้าทายแบบไม่เกรงกลัวสายตาของผู้พบเห็น รวมถึงภาพลักษณ์ซึ่งต่างไปจากสิ่งที่คิด เลยทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่าไร้เหตุผล ฉันสะบัดหน้าเลี่ยงการปะทะสายตา ก่อนจ้ำเท้าเดินไวค่อนไปทางวิ่ง ตรงเข้าใต้หอพักทำตัวเหมือนว่าไม่เคยพบเห็นอะไรน่าขัดใจ ทว่า ฉันก็ทำไม่ได้เมื่อเขายังตามมาปรากฏตัวดักหน้าด้วยความไวในแบบที่มนุษย์ปกติทำไม่ได้ มันไม่ใช่การเดินหรือวิ่ง แต่เหมือนหายตัวจากบ่อน้ำและมายืนปรากฏตัวตรงหน้าฉันต่างหาก “Well well~ จะรีบไปไหน จะรีบไปไหน...” “…” เขาทักทายและทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งยังทักท้วง “ไม่คิดจะทักทายกันหน่อยเหรอ?” “ไง?” ฉันทักทายตามอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ และเห็นว่าริมฝีปากสีสดกำลังกระตุกยิ้ม ก่อนจบบทสนทนาอีกครั้งด้วยการบอกลา “ไปนะ...” ฉันไม่รอชายตรงหน้าพูดหรือเข้าใกล้ไปมากกว่านี้ แต่เลือกที่จะเดินสวนผ่านเขาไป ทั้งที่คิดว่าการเมินเฉยของฉันมันจะทำให้ผู้ชายที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นปีศาจหรืออะไรก็ตามแต่หยุดวุ่นวายได้ แต่เปล่าเลย เพราะทุกก้าวที่ฉันเดินจะตามมาด้วยเสียงผิวปากไม่ก็ฮัมเพลงของพวกคณะละครสัตว์อยู่เสมอ ด้วยความที่เป็นเช่นนั้นการตัดสินใจเดินกลับขึ้นห้องจึงถูกตัดไปจากความคิด มันคงไม่ดีเท่าไหร่ หากเขาสามารถตามฉันขึ้นไปยังห้องพักได้ สำพังแค่เกอร์คงไม่มีปัญญาช่วยจัดการผู้ชายคนนี้ได้อยู่แล้ว นอกจากเกอร์จะพึ่งไม่ได้ คนในหอก็เหมือนกัน ทางทีฉันคงต้องพึ่งตัวเอง คิดได้เช่นนั้นเส้นทางจึงถูกเปลี่ยนใหม่ ฉันตัดสินใจเดินไปตามโถงกว้างใต้ตึกเพื่อออกไปยังสวนด้านหลัง ตั้งใจจะเดินวนไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะเหนื่อยและเลิกตามในที่สุด แต่จนแล้วจนรอด JOKER ที่หลายคนเข้าใจก็ไม่หยุดตามฉันเสียที ฉันก้าว 1 ก้าวแล้วหยุด เขาก้าวตาม 1 ก้าวแล้วหยุด ฉันก้าว 3 ก้าวแล้วหยุด เขาก็ก้าว 3 ก้าวแล้วหยุดเช่นกัน... ให้ตายสิ! นี่เขาจงใจกวนประสาทฉันหรือไง “ไม่รู้หรือไงว่าเดินตามคนอื่นแบบนี้มันเสียมารยาท” ฉันถามเสียงเรียบ เมื่อรู้สึกหมดความอดทนกับการถูกตาม “Nah Nah Nah~” คำสแลงสื่ออารมณ์ความยียวนจากเจ้าของเสียงดังขึ้นทันควัน ก่อนตามมาด้วยเสียงจุ๊ปากเป็นทำนองราวกับต้องการสื่อให้รู้ว่า สิ่งที่ฉันว่าเขานั้นมันไม่ถูกต้อง “คุณสุภาพสตรีท่านนี้ กำลังสำคัญตัวผิดอยู่หรือไงน้าา~” และพลิกสถานการณ์ด้วยคำพูดกวนใจเหมือนฉันคือคนผิด! “ฉันไม่ได้เดินตามเธอ แต่เรามีจุดหมายที่เดียวกันต่างหาก” การก้าวเท้าหยุดลงโดยชะงักเมื่อที่สุดของที่สุดความอดทนพังครืนลง หลังจากได้ยินคำพูดยอกย้อนน่าไม่อายรีบหันขวับพร้อมต่อว่าเขาทันที ขวับ! “มันจะมากเกินไปแล้วนะ!” ทว่า พอหันหลังไป สิ่งที่รอคอยอยู่เบื้องหน้าจนสุดสายตา เพียงความมืดและความว่างเปล่า ไร้วี่แววใครหรืออะไร รวมถึงของเจ้าของคำพูดชวนโมโหอย่าง JOKER ด้วย เขาหายตัวไปอย่างเงียบเชียบราวกับใช้เวทมนตร์… การที่เขาหายตัวไปเฉยๆต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ทำให้ความคิดในหัวเริ่มเกิดความขัดแย้งกันเอง เมื่อด้านหนึ่งรู้สึกประหลาดใจกับความสามารถที่พบได้น้อยนักจากมนุษย์ปกติทั่วไป แต่อีกด้านยังคงปักใจเชื่อว่าเขาเป็นเพียงคนปกติทั่วไปที่มีทริคแบบนักมายากล หลอกทำร้ายนักศึกษาหญิงในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ฟึ่บ! “เฮือก!” แต่แล้วความคิดกลับต้องยุติลง เมื่อถูกมือใครอีกคนจับไหล่สองข้างจากทางด้านหลังก่อนตามมาด้วยเสียงกระซิบระยะประชิด “ไม่อยากถึงจุดหมายพร้อมฉันเหรอ?” เวลานี้เขาอยู่ใกล้มาก...มากเสียจนได้กลิ่นหอมหวานของน้ำหอมผู้หญิงจากเนื้อกาย ใจฉันเต้นผิดจังหวะเมื่อนึกถึงความรวดเร็วที่เขาแสดงออกให้เห็น อีกทั้งยังรับรู้ได้ถึงการเสียดสีระหว่างเสื้อสูทสีทึบกับเสื้อนักศึกษายามเขาขยับตัวจนเหมือนคล้ายกับว่าร่างกายของเรากำลังเนื้อแนบเนื้อกันอยู่ไม่มีผิด แม้จะตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายแสดงได้เห็น ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังสามารถคงสติของตัวเองเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อยู่ดี เพราะไม่ใช่คนโผงผาง การปฏิเสธสัมผัสของเขาอย่างมีมารยาทจึงถูกแสดงออกให้อีกฝ่ายเห็น “นายควรกลับไปทำธุระให้เสร็จดีกว่ามาเดินตามฉันแบบนี้นะ”ฉันจับมือเขาออกจากไหล่อย่างช้าๆและหันกลับไปเผชิญหน้ากับคนตัวสูงตรงๆ ซึ่งคราวนี้เขาไม่ได้หนีจากสายตาอย่างในตอนแรก JOKER เลิกคิ้วสูงสงสัยแต่ยังคงความทะเล้นยียวนผ่านสีหน้าจนฉันต้องพูดออกไปเอง “ก็ผู้หญิงที่บ่อน้ำนั่นไง นายทำธุระกับหล่อนอยู่ไม่ใช่เหรอ?” “Ahhhh” เขาลากเสียงพลางทุบกำปั้นลงกับฝ่ามือเมื่อนึกออก “ไม่ต้องห่วง กับผู้หญิงคนนั้นฉันเสร็จธุระแล้ว” เขาตอบอย่างไม่รู้สึกผิดหรืออายที่ถูกเห็นเลยสักนิด “ตอนนี้อยากมีธุระกับเธอมากกว่า...” เหมือนอย่างที่ใครว่ากัน เหยื่อของเขามักมีแต่ผู้หญิง และการที่เขาไม่แสดงความรู้สึกผิดให้เห็น อาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของเขามันได้กลืนกินตัณหา ราคะ จนกลายเป็นความต้องการหรือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตไปแล้วก็ได้ ที่คิดแบบนี้เพราะฉันเชื่อว่าเขาไม่ใช่ปีศาจหรือซาตานอย่างที่ใครต่อใครว่าไว้ แม้ว่าบางทีสิ่งที่เขาทำจะสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้พบเห็นก็ตามที แต่คิดว่าเขาเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่มีอาการทางจิตเหมือนคนที่ฉันรู้จักดีเท่านั้น “ฉันได้ยินมาว่านายชอบขอยื่นความปรารถนาแลกกับเรืองร่างและชีวิตของผู้หญิง...” ในเมื่อหนีไม่ได้ ก็คงต้องชวนเขาคุยจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมถอยไปเอง “ต่อให้ผู้หญิงพวกนั้นจะเป็นฝ่ายยินยอม แต่นายไม่ควรทำรุ่มร่ามใส่ผู้หญิงบริสุทธิ์พวกนั้นนะรู้ไหม?” “...” “สิ่งที่นายทำมันเป็นการทำร้ายพวกหล่อนทางด้านจิตใจ...” คนฟังอึ้งไปเล็กน้อยหลังถูกสอน เขาจ้องหน้าฉันนิ่งๆคล้ายกับไม่รู้จะพูดอะไร แต่แล้วจู่ๆ เขาก็หลุดหัวเราะขึ้น คล้ายกับตลกอะไร ส่วนปากก็ถามไปด้วย “A…Are you Serious? (นี่เธอจริงจังเหรอ?)” จากตอนแรกคนที่น่าจะทำอะไรไม่ถูกควรจะเป็นเขา กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่ฉันพูดคือเรื่องหรรษาสร้างความบันเทิงให้แก่เขาเมื่ออีกฝ่ายเริ่มระเบิดเสียงหัวเราะไม่ยอมหยุด ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ได้ตลกตรงไหน... “ใช่ ฉันจริงจัง” คำพูดสั้นๆ ของฉันคงฟังแล้วขัดแย้งกับนิสัยของ JOKER ล่ะมั้ง เสียงหัวเราะติดตลกของเขาถึงได้เงียบลงคล้ายกับถูก pause เอาไว้ “นายกำลังเอาความปรารถนาของผู้หญิงพวกนั้นมาล้อเล่น…” “ช่างเป็นสุภาพสตรีที่จริงจังไปซะทุกเรื่อง...” ปีศาจตรงหน้าขัดคำบอกกล่าวด้วยแบบไม่สนใจ เขาใช้นิ้วจิ้มและดันเบาๆ ตรงกลางหน้าผากฉัน ขณะริมฝีปากสีสดกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ไปด้วย “เพราะแบบนี้ไงเสียงหัวเราะเธอถึงไม่น่าพิสมัย” เขากำลังคิดว่าฉันจริงจังกับทุกๆเรื่อง ซึ่งมันไม่ใช่ ฉันไม่ได้จริงจังอะไร แค่รู้สึกไม่มีอารมณ์ร่วมกับสิ่งรอบข้างต่างหากล่ะ “รู้จักปรารถนาแลกปรารถนาไหม?” อีกครั้งที่คนตัวสูงตรงหน้าถาม เขาลากปลายนิ้วละมาตามโครงหน้าหยุดตรงปลายคาง มาพร้อมการบีบจากปลายนิ้วและแรงบังคับทำหน้าฉันเชิดขึ้นอยู่ในระยะที่สามารถสบสายตากับเขาได้อย่างพอดี “ผู้หญิงพวกนั้นไม่ใช่คนบริสุทธิ์ แต่เป็นแค่มนุษย์ที่ยังมีกิเลสในใจ ในเมื่อโลกใบนี้มันไม่มีอะไรได้มาฟรี พวกเธอเลยจำต้องแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้มา...” “...” “ถ้ารู้แบบนี้แล้ว Why so serious? (ทำไมยังจริงจังนักล่ะ?)” “ก็จริง...นายพูดถูก” ฉันยิ้มรับคำถามดังกล่าวอย่างไม่มีเงื่อนไขพลางจับข้อมือหนาให้ปล่อยออกจากคาง “มนุษย์ทุกคนมีกิเลสที่ไม่สามารถตัดได้ บางคนมีมาก จนยอมแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้มา...” “Yep~” “ที่ฉันพูดน่ะ ไม่ใช่การสอน...แต่มันคือการพูดบำบัดจิตระหว่างนายกับฉัน...” ฉันเหลือบมองหน้าคนฟังเล็กน้อยและพบว่ารอยยิ้มกว้างอย่างคนอารมณ์กำลังหุบลงจนนิ่งสนิท จังหวะเดียวกับที่ประโยคสุดท้ายถูกเอ่ยออกไป “ฐานะผู้ป่วยทางจิตกับนักศึกษาจิตวิทยาคลีนิก”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม