จากเรื่องราวในวันนั้นแผนการตะล่อมล่อจับหนู อย่างใจเย็น ก็กลายเป็นแผนการกวาดล้างเหล่าขุนนางชั่วช้าอย่างบ้าคลั่ง เมื่อหลักฐานทั้งหมดได้ถูกนำมาวางไว้เบื้องหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้ การเปลี่ยนหน้า ประวัติศาสตร์ ครั้งใหญ่ในแคว้นถังจึงได้เกิดขึ้น มีขุนนางมากกว่าครึ่งราชสำนักที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการเป็นขุนนางกังฉินในครั้งนี้
ผู้ที่ได้รับความดีความชอบทั้งหมด จึงกลายเป็นองค์รัชทายาทหลี่หย่วนเจ๋อ ที่สามารถสืบค้นเรื่องราวพวกนี้ขึ้นมาได้ แต่แล้วสิ่งที่ทำให้ฮ่องเต้และฮองเฮาตกตะลึงต่อมา ก็คือการขอสละตำแหน่งขององค์รัชทายาทหลี่หย่วนเจ๋อ เพื่อไปใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ยังดินแดนที่ห่างไกล
และให้ประทานความดีความชอบทั้งหมดให้กับองค์ชาย 3 ที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในครั้งนี้…
การได้เดินทางไปทั่วใต้หล้าของหลี่หย่วนเจ๋อในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เขาได้พบกับนักพรตผู้หนึ่ง ที่สามารถเรียกวิญญาณของผู้ที่ตายไปแล้ว ให้กลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง ซึ่งในตอนแรกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อถึงเรื่องราวอันน่ามหัศจรรย์นี้ แต่สุดท้าย เขาก็ได้เห็นกับตาตนเอง ว่านักพรตผู้นั้นหาได้คุยโวโอ้อวดแต่อย่างใด แต่ในการเรียกวิญญาณของคนผู้หนึ่งให้กลับมานั้น ถือว่าเป็นการฝืนลิขิตของสวรรค์ และหากไม่มีชะตาที่ผูกพันกันอย่างแท้จริง ก็จะไม่สามารถทำสำเร็จได้ และข้อแลกเปลี่ยนในการฝืนลิขิตสวรรค์ในครั้งนี้ ต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดที่แสนทรมาน เหมือนกับตายทั้งเป็นของผู้ที่ต้องการดึงวิญญาณกลับมา
แต่ในตอนนี้เขาจะมีสิ่งใดที่จะต้องเสียอีก ในเมื่อนี่เป็นโอกาสที่เขาจะได้พบเจอนางอีกครั้ง ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใด เขาก็ยอมแค่เพียงความเจ็บปวดทรมานทางร่างกายเท่านี้ จะสู้อันใดกับหัวใจของเขาที่เหมือนถูกกรีดนับร้อยนับพันแผล จากการสูญเสียนางไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แล้วหากนี่จะเป็นโอกาสเพียงแค่หนึ่งเดียว ที่จะสามารถนำนางกลับมาอยู่เคียงข้างเขาได้อีกครั้งเขาก็หาได้มีความลังเลใจใดๆ
"แล้วเปิ่นหวางจะรู้ได้เช่นไร ว่านั่นคือดวงวิญญาณของนาง"
"เมื่อถึงตอนนั้นพระองค์จะทรงทราบเอง เพราะดวง วิญญาณของสตรีนางนั้นถูก กระหม่อมเรียกกลับมายัง ภพภูมินี้แล้ว นางไปอยู่ยังที่แสนไกล กว่าจะตามเจอมิใช่เรื่องง่ายเลย กระหม่อมต้องเสียเวลาไปมากทีเดียวกับวิญญาณดวงนี้ แต่ก็ยังถือว่าวิญญาณของนางและพระองค์ ยังมีความเกี่ยวพันกันอยู่ หาไม่แล้วเกรงว่าต่อให้กระหม่อม เรียกดวงวิญญาณของนางกลับมาเช่นใด ก็คงจะไม่สำเร็จได้เป็นแน่"
"แล้วนางจะยังสามารถจำเรื่องราวทั้งหมดได้อยู่หรือไม่"
"โดยทั่วไปแล้ววิญญาณที่ถูกเรียกกลับมา จะสามารถจำเรื่องราวในภพชาติที่แล้วของตนเองได้เพียงหนึ่งชาติ แต่ในกรณีของดวงวิญญาณดวงนี้ นางได้ไปเกิดใหม่ยังภพภูมิอีกภพภูมิหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนั้น นางจะไม่สามารถจดจำเรื่องราวในภพภูมิก่อนหน้านั้นได้เลย"
"อืม" หลี่หย่วนเจ๋อ เพียงแค่พยักหน้าเมื่อได้ยินคำกล่าวนั้น ดวงตาของเขาทอดมองไปยังที่ไกลแสนไกล พร้อมกับใจที่มุ่งหวังว่าจะได้พบเจอนางอีกครั้ง และสามารถแก้ไขในสิ่งที่ตนเองได้เคยทำผิดพลาดเอาไว้กับนางได้
จวิ้นอ๋องหลี่หย่วนเจ๋อค่อยๆ เปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งนั้นของเขา ให้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่ความเจ็บปวดทั้งสรรพางค์กายได้หายไป มันไม่ใช่ความเจ็บปวดธรรมดาสามัญที่เขาต้องแลกมา แต่มันคือความเจ็บปวดเหมือนกับตายทั้งเป็น กระดูกและเนื้อหนังของเขาเหมือนจะฉีดขาดออกจากกัน ความเจ็บปวดนี้มันเกินกว่าคนทั่วไปจะรับไหวจริงๆ
แต่มันก็สมควรแล้วที่เขาได้รับผลของการกระทำทั้งหมดนี้ในทุกๆ 15 วัน นี่ก็ผ่านมาแล้วกว่า 2 ปี แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของนาง เขาไม่รู้จริงๆ ว่าในตอนนี้นางอยู่ที่แห่งใด
แต่ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็กลับมาขาวซีดอีกครั้ง ทั่วทั้งสรรพางค์กายค่อยๆ สั่นเทา ความหนาวเย็นเข้ามาปกคลุมทั่วร่างกาย
องครักษ์หย่างไห่รีบเข้าไปเติมน้ำร้อนลงในอ่างที่หลี่หย่วนเจ๋อแช่อยู่อย่างรู้หน้าที่ เพราะเหตุการณ์เช่นนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนเขารู้สึกคุ้นชินไปเสียแล้ว
"ท่านอ๋องทรงอดทนอีกหน่อย นี่ก็ใกล้จะค่อนคืนแล้ว" องครักษ์หยางไห่ไม่รอช้าในขณะที่กล่าวออกมา ก็รีบเร่งเติมน้ำที่กำลังเดือดปุดๆ นั้น ลงไปในอ่างใบใหญ่ที่จวิ้นอ๋องกำลังแช่อยู่ ความรู้สึกหนักอึ้งในใจของเขา ถูกก่อตัวขึ้นทุกครั้งที่ได้เห็นภาพเหล่านี้
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่หลี่หย่วนเจ๋อก็ไม่เคย เปล่งเสียงใดให้เล็ดลอดออกมาจากปาก มือของเขาที่ถูกกำเอาไว้แน่นที่ขอบอ่าง จนทำให้เกิดรอยปริแตกสามารถบ่งบอกได้ถึงความทรมานในขณะนี้ของเขาได้เป็นอย่างดี
"ท่านอ๋อง!!! "
"มันสมควรแล้ว" หลี่หย่วนเจ๋อหลับตาลงอีกครั้ง โดยไม่ได้สนใจถึงความเจ็บปวดในร่างกายของตนเองตอนนี้ เขาคิดเพียงแค่ว่าจะกล่าวสิ่งใดกับนางเป็นประโยคแรก เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าเขาจะต้องได้พบเจอกับนางอีกครั้งเป็นแน่ เพราะนั่นเป็นเพียงความหวังเดียว ที่ทำให้เขายังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในตอนนี้
ณ พรรคมังกรทะยานฟ้า
หนึ่งสตรีและหนึ่งเด็กหญิง ได้ถูกไล่ล่าอย่างดุเดือด เข้ามาในป่าทมิฬ พวกนางถูกไล่ต้อนจนไปถึงยังชายป่า ใบหน้าที่สิ้นหวังกวาดมองไปทั่วกลุ่มคนที่กำลังรุมล้อมพวกนางอยู่
"ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของพวกเจ้า"
"ฮูหยินอย่าได้กล่าวโทษพวกข้าเลย ถ้าจะโทษก็โทษที่ท่านไว้ใจคนผิดดีกว่า"
"สารเลว บิดาของข้าเป็นผู้นำพวกเจ้าขึ้นมาจากโคลนตม และสอนทุกสิ่งอย่างให้พวกเจ้าสามารถมีวันนี้ได้ แต่สิ่งที่พวกเจ้าตอบแทนให้กับบิดาของข้า คือฆ่าบุตรสาวของเขาทิ้งเช่นนั้นหรือ ช่างอกตัญญูเสียจริง"
"รีบจัดการนางก่อนที่นางจะกล่าววาจาใดไปมากกว่านี้ดีกว่า ข้าฟังแล้วรู้สึกขัดเคืองใจยิ่งนัก" หนึ่งในเหล่าคนร้ายที่ล้อมนางอยู่กล่าวขึ้นมาอย่างอารมณ์เสีย เพราะทุกสิ่งที่สตรีนางนี้กล่าวออกมานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น แล้วเช่นนี้ พวกเขาจะสามารถทนฟังสิ่งที่สตรีผู้นั้นกล่าวออกมาอย่างดูถูกตนเองได้เช่นไร
ไม่รอช้าเขาจึงใช้ดาบในมือพุ่งตรงไปที่ลำคอ ของผู้ที่เคยเป็นนายหญิงของตนเองอย่างไม่กลัวเกรงหรือรู้สึกผิดบาปอันใด
เช้ง!!
เสียงกระบี่กระทบกันได้ดังขึ้น หูเย่เหยานำกระบี่ในมือขึ้นมาตั้งรับการโจมตีนั้นเอาไว้ได้ทัน อีกมือหนึ่งของนางก็กระชับมือของเด็กหญิงเอาไว้แน่น
"หากข้ารอดไปได้ ข้าขอสัญญา ว่าจะทำให้พวกเจ้า ต้องรับผิดชอบผลของการกระทำในวันนี้"
"ปากดีนัก เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงวันพรุ่งนี้ได้เยี่ยงไร"
กระบี่ในมือของชายฉกรรจ์อีก 5 เล่มก็พุ่งตรงมายังร่างบางของนางอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยสายตาอันคมกริบของนาง จึงทำให้ สามารถรับรู้ได้ถึงอันตรายที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา นางสามารถปัดป้องการโจมตีนั้นได้อย่างหวุดหวิด
แต่ถึงอย่างไรน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟอยู่วันยังค่ำ ถึงแม้หูเย่เหยาจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นถึงบุตรีของประมุขพรรคคนเก่าแต่เนื่องด้วยไม่ได้ฝึกปรือฝีมือมานาน จึงทำให้ความสามารถในการต่อสู้ลดถอยลง จึงพลาดถูกดาบฟันเข้าที่ต้นแขนจนเป็นแผลแหวะหวะขนาดใหญ่
"อ๊ะ ท่านแม่!!! "
เสียงกรีดร้องของหูจูนหลิงเตือนสติให้นางลุกขึ้นสู้ต่ออย่างไม่ย่อท้อ ถึงแม้นว่าในตอนนี้ นางจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และยังได้รับบาดเจ็บ แต่ด้วยชีวิตน้อยๆ อีกชีวิตหนึ่งที่อยู่กับนางในตอนนี้ จึงทำให้นางรู้ว่าไม่สามารถยอมแพ้ได้
"หลิงเอ๋อร์หนีไปลูก"
หูเย่เหยาใช้ร่างของตนเองกำบังร่างของบุตรสาวเอาไว้ และเปิดโอกาสนี้ให้บุตรสาวของนางหนีไป ถึงแม้ตัวนางจะตายแต่ถึงอย่างไรบุตรสาว เพียงคนเดียวของนางจะต้องรอดชีวิต นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่นางต้องการในตอนนี้ แต่ดูเหมือนว่า บุตรสาวของนางจะไม่ยอมขยับเขยื้อนไปโดยง่าย ดวงตาที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำตากำลังจ้องมองมาที่มารดาอย่างเสียใจ
"ไม่ หลิงเอ๋อร์จะไม่ทิ้งท่านแม่เอาไว้โดยเด็ดขาดหากจะตายก็ขอตายด้วยกัน"
"หลิงเอ๋อร์" ในขณะที่นางกำลังจ้องมองใบหน้าของบุตรสาวอย่างเจ็บปวดอยู่นั้นก็มีดาบพุ่งตรงมาที่ร่างบางของนางอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ฉึก!!!
"ม่าย…ท่านแม่"
ในขณะที่ร่างของมารดาถูกแทงเข้าที่ช่องท้อง เมื่อไร้ซึ่งผู้ป้องกัน ทำให้ร่างบอบบางของหูจูนหลิงกลายเป็นเป้าหมายคนต่อไป ดาบเล่มหนึ่งเสียบทะลุมาที่ช่องท้องของนางอย่างแม่นยำ
ไร้ซึ่งหนทางจะหลีกหนี ร่างบางของนางกระอักเลือดออกมาคำโต พร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตาของผู้ที่ปักดาบเข้ามาในร่างของนาง อย่างเคียดแค้นชิงชัง
"อู๋ลี่คุน เจ้ามันคนสารเลว"
"หึ จะตายอยู่แล้วยังทำมาปากดีอยู่อีก ไม่เป็นไรรอให้เจ้าตายเสียก่อน ข้าสามารถเล่นสนุกกับเรือนร่างของเจ้าได้"
"เดรัจฉานเจ้ามันนรกส่งมาเกิดโดยแท้"
เพียะ!!! ฉั้วะ!!!
เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าดังขึ้นตามมาด้วย เสียงดาบที่แทงเข้าไปในร่างกายของนางอีกครั้ง
"ม่าย!!! หลิงเอ๋อร์ " หูเย่เหยา กรีดร้องออกมาเสียงดังหลังจากที่ได้เห็นว่าบุตรสาว ได้ถูกทำร้ายเช่นไร หัวใจของผู้เป็นมารดาเจ็บแปลบขึ้นมาราวกับถูกควักจากอกเมื่อไม่สามารถทำสิ่งใดได้
"สวรรค์เหตุใดพระองค์ถึงได้ใจร้ายกับข้านัก ตลอดชีวิตของข้าไม่เคยทำเรื่องผิดบาป แต่กลับต้องมาเจอโชคชะตาที่เลวร้ายเช่นนี้ ท่านคิดว่ามันยุติธรรมแล้วเช่นนั้นหรือ"
หูเย่เหยาพาร่างที่อาบไปด้วยเลือดเข้าไปประคองร่างบางของบุตรสาว ที่ตอนนี้ไร้ซึ่งสติไปเสียแล้ว หากนางรู้ว่าวันหนึ่งจะมีชะตากรรมที่อาภัพเช่นนี้ นางคงจะให้บุตรสาวได้เรียนรู้วรยุทธ์ เพื่อเอาไว้ปกป้องตนเอง ในยามคับขันเช่นนี้