ความลุ่มหลงในกามตัณหา… นำมาสู่การเล่นชู้ พวกผู้ชายมักมากจงจำใส่กะลาหัวเอาไว้ บางครั้งผู้หญิงก็ไม่ใช่เหยื่อและพวกเธอก็จะเอาคืนอย่างสาสม!
บ้านกรุงเทพฯ
“คราวนี้จะไปกี่วันคะพี่ธี”
ผมแหงนหน้าขึ้นจากหนังสือพิมพ์เห็นน้ำอิงภรรยาสาวกำลังวางจานอาหารลงบนโต๊ะ มีไข่ดาวและไส้กรอกที่กำลังส่งกลิ่นหอมชวนรับประทาน ผมชื่อเมธีอายุ33ปี มีอาชีพเป็นสถาปนิกในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งผมแต่งงานกับอิงได้สามปีเศษ ภายนอกคู่ของเราสองคนดูรักใคร่กลมเกลียวกันดี แต่ลึกๆ แล้วผมและเธอต่างรู้ดีว่าระหว่างเรายิ่งนานวันเสมือนมีเส้นกั้นบางอย่างที่แยกเราให้ออกห่างกันมากขึ้น ความรักมันจืดจางลงทุกวันและรวดเร็วมากกว่าที่ควรจะเป็น
“คงสักสามสี่วัน”
“ดูแลตัวเองด้วยนะคะหลังเลิกงานอย่าดื่มให้เมามาก แล้วก็อย่าขับรถเร็วด้วยอิงเป็นห่วง”
“อืม”
“ช่วงนี้งานของอิงเป็นไงบ้าง”
น้ำอิงภรรยาของผมนอกจากเธอจะเป็นแม่บ้านแล้ว อิงยังมีอาชีพเสริมเป็นพนักงานขายประกันชีวิต เราสองคนต่างไม่ก้าวก่ายเรื่องงานของอีกฝ่าย ผมเคยบอกให้เธออยู่บ้านเป็นแม่บ้านอย่างเดียว แต่เธอก็บ่นให้ฟังบ่อยๆ ว่าเบื่ออยากจะออกไปทำงานเหมือนตอนก่อนหน้าที่เราจะแต่งงานกัน น้ำอิงอายุ28ปี ผิวขาว ผมยาว หน้าตาสะสวยและดูคล่องแคล่ว เธอเคยทำงานเป็นพนักงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งก็ไม่แปลกที่เธอจะรู้สึกเบื่อเมื่อต้องกลายมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวให้กับผม
งานของผมต้องออกไปต่างจังหวัดบ่อยๆ ไปหนหนึ่งก็กินเวลาสามถึงสี่วันด้วยหน้าที่การงานที่กำลังก้าวหน้าทำให้ผมต้องอดทนทุ่มเทให้กับงานเป็นหลัก บางครั้งเดือนหนึ่งผมมีเวลาอยู่กับน้ำอิงไม่ถึงสิบวันด้วยซ้ำ นี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผมกับเธอในระยะหลังๆ มาดูไม่ค่อยแฮปปี้กันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง เวลาที่ผมร่วมรักกับเธอน้ำอิงมักจะนอนนิ่งเป็นผักให้ผมทำรักจนเสร็จกิจเหมือนหุ่นยนต์หรือตุ๊กตายางที่เอาไว้สนองความใคร่ ไร้ชีวิตจิตใจไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วม
ผมยอมรับว่าผมเสียอารมณ์อยู่บ่อยๆ ทั้งที่เมื่อก่อนอิงจะเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างเซ็กส์จัดตอบสนองอารมณ์ของผมได้อย่างถึงพริกถึงขิง แรกๆ ที่เราสองคนแต่งงานกันผมและเธอร่วมรักกันทุกวัน วันหนึ่งก็หลายรอบตอนนั้นผมมีความสุขมาก