ทางด้านผู้พันหยาง หลังจากพบหน้าว่าที่ภรรยาแล้ว ชายหนุ่มจึงกลับมายังคฤหาสน์เพื่อทักทายผู้เป็นบิดา เดินเข้ามายังไม่ทันพ้นประตู กลับมีเสียงแหลมร้องเรียกด้วยความดีใจ และตั้งท่าจะเดินเข้ามาคล้องแขน แต่ทว่าซีห่าวเบี่ยงตัวหลบด้วยความรวดเร็ว การกระทำของชายหนุ่มทำให้เพ่ยจีหน้าเสียไม่น้อย
“พี่กลับมาแล้ว คุณลุงเขยบ่นคิดถึงไม่หยุดเลยค่ะ” หญิงสาวปรับสีหน้ารวดเร็ว ก่อนจะจีบปากจีบคอพูดโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร
หยางซีห่าวเลือกที่จะเดินหนี วันนี้เขาตั้งใจจะเข้ามาหาบิดาเพื่อพูดคุยเรื่องงานแต่งเท่านั้น โดยปกติหากไม่ไปปฏิบัติภารกิจนอกพื้นที่ เขามักจะนอนในค่ายทหาร นาน ๆ ถึงจะกลับมานอนที่คฤหาสน์หลังนี้สักครั้ง
หยางซีห่าวคือบุตรชายคนเดียวของนายพลหยาง ชายหนุ่มเข้าเป็นทหารตอนอายุสิบหก เวลานั้นเขาเพิ่งจบมัธยมปลายและเริ่มเรียนมหาวิทยาลัย แต่เพราะสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานั้น ทำให้เขาเลือกที่จะเรียนควบคู่กับการฝึกซ้อมทหารไปด้วย
ชายหนุ่มไต่เต้าขึ้นมาโดยใช้ความสามารถของตนเองจนมาถึงตำแหน่งผู้พันในปัจจุบัน ไม่มีการใช้เส้นสายของบิดาช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นหลายตระกูลใหญ่ต่างก็อยากจะเกี่ยวดองกับตระกูลหยาง เนื่องจากตระกูลหยางนั้นมีฐานะร่ำรวยและมีอำนาจในกองทัพไม่น้อย เพียงแต่ผู้พันหยางไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับใคร จนอายุล่วงเลยเข้าเลขสาม
กระทั่งวันหนึ่งเขาปฏิบัติภารกิจและเกิดการปะทะเข้าจนได้รับบาดเจ็บ แต่ได้รับความช่วยเหลือจากเหวินเปียวและจื่อหานเมื่อสามปีก่อน
เขาจึงให้คำมั่นสัญญาว่าจะตอบแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิตในครั้งนี้ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะร้องขอเรื่องใดก็ตาม แต่ชายหนุ่มไม่คิดว่าสามเดือนก่อนเหวินเปียวจะมาขอพบ และให้เขาตอบแทนบุญคุณด้วยการแต่งงานกับน้องสาวที่ชื่อ ‘หว่านซูฉี’
ในเมื่อรับปากไปแล้ว ชายชาติทหารเช่นเขาไม่มีวันกลืนน้ำลายตัวเอง จึงได้ตกปากรับคำที่จะแต่งงานกับหญิงสาวที่ชื่อหว่านซูฉี โดยให้ผู้เป็นบิดาพาแม่สื่อไปสู่ขอเธอเมื่อเดือนก่อน แต่เขาไม่ได้ติดตามไปด้วยเนื่องจากติดภารกิจด่วน
วันนี้กลับมาจึงแอบไปพบหน้าว่าที่เจ้าสาวของตนเองเสียหน่อย แต่ไม่คิดว่าเธอจะดูบอบบางและอ่อนแอเช่นนี้
‘เธอคงซ่อนบางอย่างไว้ภายใต้หน้ากากที่แสดงออกว่าอ่อนแอและหวาดกลัวสินะ ซูฉี’ นี่คือสิ่งที่ชายหนุ่มคิด จากที่เขาพบเธอในวันนี้ หญิงสาวไม่ใช่แบบที่เห็น ความรู้สึกของเขาบอกแบบนั้น
ทันทีที่มาถึงหน้าห้องของบิดา หยางซีห่าวเคาะประตู ก่อนจะสั่งงานลูกน้องบางอย่าง
“ส่งคนติดตามและดูแลเธอให้ดี ฉันต้องการรับรู้ความเคลื่อนไหวเธอทั้งหมด”
“ครับนาย” อานเผิงตอบรับ ก่อนจะเดินแยกออกมาและรีบสั่งการลูกน้องทันทีตามคำสั่งที่ได้รับมา
เมื่อเข้ามาในห้องทำงานของนายพลหยาง ผู้เป็นพ่อจึงเอ่ยทักทายลูกชายด้วยรอยยิ้ม และดีใจที่หยางซีห่าวกลับมาอย่างปลอดภัย
“กลับมาแล้วหรืออาห่าว” นายพลหยางเอ่ยทัก ก่อนใช้สายตาสำรวจลูกชาย พอเห็นไม่มีส่วนใดเสียหายจึงพยักหน้าอย่างพอใจ
“ครับพ่อ ผมจะมาสอบถามพ่อเรื่องงานแต่งของผม ตอนนี้พ่อเตรียมการไปถึงไหนแล้วครับ” หยางซีห่าวไม่รีรอ รีบพูดถึงจุดประสงค์ของตนเองออกมา
“เรื่องงานเลี้ยง ทางโรงแรมจัดเตรียมห้องจัดเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงลูกไปตรวจสอบความเรียบร้อยเท่านั้น จริงสิ อย่าลืมพาหนูซูฉีไปลองชุดเจ้าสาวด้วยนะลูก พ่อดูแล้วทางบ้านหว่านน่าจะไม่จัดเตรียมอะไร วันที่พ่อไปสู่ขอฝ่ายนั้นต้องการขอเปลี่ยนตัวเจ้าสาว อ้างว่าซูฉีร่างกายอ่อนแอไม่เหมาะจะตั้งท้องทายาทของลูก”
จากนั้นนายพลหยางจึงเล่าเรื่องราวในวันนั้นให้ลูกชายฟังอย่างละเอียด
หยางซีห่าวกระตุกยิ้มอย่างเย็นชาออกมาเล็กน้อย ในใจนั้นคิดว่า นี่คงเป็นเหตุผลที่เหวินเปียวต้องการให้น้องสาวแต่งงานกับเขาสินะ
“ครับพ่อ แล้วพ่อเป็นอย่างไรบ้างตอนที่ผมไม่อยู่ ร่างกายดีขึ้นบ้างไหม” ชายหนุ่มรู้ว่าระยะนี้พ่อของตนมีอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง คิดว่าน่าจะเป็นเพราะพ่อพักผ่อนไม่เพียงพอและโหมงานหนักจนเกินไป
“ขึ้น ๆ ลง ๆ นั่นแหละ พ่อเองก็แก่แล้ว อีกไม่กี่ปีก็จะได้เกษียณ ตอนนั้นคงได้ปลดประจำการดูแลหลาน ๆ เสียที พรุ่งนี้พ่อจะไปพบทนายเสียหน่อย”
นายพลหยางกล่าวขึ้น อาการป่วยที่กำลังเป็นนั้นเขาไม่รู้ว่าจะรักษาหายหรือไม่ วันก่อนหมอมาตรวจถึงบ้านก็บอกเพียงว่าพักผ่อนน้อย ไม่แน่ว่าหมอไม่อาจจะไม่กล้าบอกว่าเขาเป็นโรคร้ายก็ได้ จึงคิดที่จะทำพินัยกรรมไว้ก่อน
“พ่อทำแบบนี้ไม่กลัวว่าคุณนายเขาจะโกรธเคืองเอาหรือครับ” หยางซีห่าวย้อนถามพ่อของตน
“ลูกรู้ว่าพ่อแต่งงานกับเธอเพราะอะไร ไม่ใช่พ่อไม่รู้ว่าจิงหลันพาเพ่ยจีเข้ามาดูแล เพราะวาดหวังจะให้ลูกแต่งกับหลานสาวเธอ ในใจพ่อมีเพียงแม่ของลูกเท่านั้น และลูกคือดวงใจคนเดียวของพ่อ และพ่อกล้าสาบานว่าพ่อไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางกายกับจิงหลันเลยหลังจากคืนนั้น”
เรื่องที่ท่านนายพลถูกวางยากำหนัดจนพลาดพลั้งมีความสัมพันธ์กับจิงหลัน หยางซีห่าวย่อมรู้ดี และยังรู้อีกว่าพ่อของตนนั้นไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับจิงหลันอีกเลย แต่ที่ต้องรับเข้าบ้าน เพราะชายชาติทหารเช่นพวกเขาเมื่อทำผิดแล้วย่อมต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเอง
“ผมเชื่อครับ ผมรู้จักนิสัยพ่อดี”
“แต่งงานแล้วกลับมาอยู่บ้านนะลูก ไม่ต้องกลัวว่าใครจะรังแกแม่หนูซูฉี เพราะเธอคือนายหญิงน้อยของบ้านนี้”
ท่านนายพลกล่าวคล้ายจะขอร้อง เรื่องที่ให้ลูกชายกลับมาอยู่บ้านหลังจากแต่งงานแล้ว พร้อมกับให้คำสัญญาว่า จะไม่มีใครมารังแกลูกสะใภ้เขาได้ โดยที่สองพ่อลูกไม่รู้เลยว่า หว่านซูฉีก็ไม่มีทางยอมให้ใครคิดร้ายกับเธอเหมือนกัน
“ครับพ่อ” ชายหนุ่มรับปากเรื่องจะกลับมาอยู่บ้าน ส่วนเรื่องที่ใครคิดจะรังแกภรรยาของเขาหากกล้าก็ลองดู
ด้านหว่านซูฉี หลังจากที่ช่วยพี่ชายและพี่สะใภ้ทำอาหารเสร็จแล้ว เธอและทุกคนจึงเดินมายังบ้านของจื่อหานอีกครั้ง และครั้งนี้หญิงสาวมาในฐานะน้องของเหวินเปียวไม่ใช่นายหญิงซู
“ซูฉีบอกว่าพี่ต้องการพบเราสองคน พี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าพี่ใหญ่” ซวงซวงเอ่ยถามพี่ชายทันทีที่พบหน้า
“อีกครึ่งเดือนพี่จะย้ายออกจากหมู่บ้าน น้องและอาเปียวจะไปด้วยกันหรือไม่” จื่อหานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามแบบฉบับของตน
“อะไรนะ ! ทำไมพี่ถึงย้ายออกจากหมู่บ้านล่ะ เกิดเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้หรือไม่พี่ใหญ่”
ซวงซวงตกใจจนร้องเสียงหลง กลัวว่าจะเกิดเรื่องกับพี่ชายจนต้องย้ายออกจากหมู่บ้าน เหมือนตอนที่ช่วยเธอจากคนเลวพวกนั้น
“นั่นสิครับ เกิดอะไรขึ้นครับพี่ใหญ่” หว่านเหวินเปียวเองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อรู้เรื่องนี้
“ทั้งสองคิดอะไรกัน ที่พี่บอกจะย้ายออกจากหมู่บ้านนั่นก็เพราะสหายมาชวนไปทำงานด้วย เขาเป็นคนสนิทของนายหญิงซู นายจะไปทำงานด้วยกันไหมล่ะ อีกไม่นานซูฉีจะแต่งงานแล้ว นายเองก็ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้วนี่”
จื่อหานตอบพร้อมกับรีบอธิบาย ก่อนที่น้องสาวและน้องเขยจะคิดไปไกลกว่านี้
“พี่ใหญ่ไปอยู่ในเมืองกับพี่จื่อหานเถอะนะ ฉันเองจะได้ไม่เป็นกังวลและเป็นห่วงพี่หลังจากที่ฉันแต่งงานแล้ว พอฉันไม่อยู่ย่าและคนอื่น ๆ คงใช้งานพี่กับพี่สะใภ้จนไม่มีเวลาพักแน่ แล้วเมื่อไรพี่และพี่สะใภ้จะมีหลานตัวน้อยให้พวกเราล่ะ” หว่านซูฉีรีบสนับสนุน เธอต้องการให้พี่ชายตัดสินใจเรื่องนี้โดยเร็ว
“พี่อยากไปนะซูฉี แต่ย่าจะยอมหรือไง แรงงานของบ้านหว่านที่ทำแต้มคะแนนมากที่สุด มีเพียงพี่กับซวงซวงเท่านั้น”
เหวินเปียวอยากหลุดพ้นจากบ้านหว่านมานานแล้ว แต่เพราะทุกครั้งที่ขอแยกบ้าน ย่ามักจะเอาความกตัญญูมาอ้างเสมอ เลยทำให้เขาไม่สามารถแยกบ้านได้
“ยอมไม่ยอมต้องเสี่ยงดูละพี่ใหญ่ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันจัดการเอง อาจจะยอมแลกกับเงินสินสอดบางส่วน” แม้จะพูดว่ายอมแลกกับเงินสินสอด แต่เธอไม่ได้ใจดีขนาดนั้น บ้านหว่านมีเพียงปู่หว่านคนเดียวที่เธอคิดจะตอบแทนบุญคุณแทนผู้เป็นพ่อ ส่วนคนอื่นอย่าฝัน
“เรื่องแยกบ้านยังมีเวลา อีกตั้งสองอาทิตย์กว่าที่ซูฉีจะแต่งงาน พรุ่งนี้หาข้ออ้างก่อนเถอะ พี่จะพาไปเจอคนที่ชื่อตู้หมิง เขาเป็นคนสนิทของนายหญิงซู เราต้องไปสมัครงานกันก่อน”
จื่อหานเหลือบสายตามองหว่านซูฉี โดยที่เหวินเปียวและซวงซวงไม่ทันสังเกต หญิงสาวพยักหน้าให้เล็กน้อยเป็นอันเข้าใจกัน