bc

พี่แผนวิศวะ

book_age16+
690
ติดตาม
6.4K
อ่าน
จบสุข
คนใช้แรงงาน
ชายจีบหญิง
เบาสมอง
ใจถึง
ฉลาด
วิทยาลัย
มัธยมปลาย
like
intro-logo
คำนิยม

นิยายเรื่องนี้มี "ผีจับหัว" ผีเปร..ต ผีพราย ผีตา..ยโหง

 

แผน เลือกที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ เพราะว่า เกิดมาหน้าตาดีทั้งที จะให้มาจมปลักอยู่แต่ในอำเภอเล็ก ๆ อย่างอำเภอโพนตะโคก ก็ไม่เท่ากับเกิดมาเสียความหล่อไปฟรี ๆ หรือไง มันก็ต้องออกไปเฉิดฉายให้สาวเมืองกรุงได้ชื่นชมกันบ้างสิ

แต่เรื่องที่อยากจะให้เขาไปอยู่กรุงเทพฯ เมืองศิวิไลมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ต้องรับช่วงต่อเป็นพ่อครูต่อจากปู่ ถึงจะเรียนคาถาอาคมจนเก่งกล้ามาตั้งแต่เด็ก ซึ่งน้อยคนนักที่จะทำได้ ปู่ไกรเคยบอกเอาไว้ว่า เพราะมีบุญบารมีเก่าหนุนนำมาแต่ชาติปางก่อน ทำให้ชาตินี้เขาเป็นผู้ที่ถูกเลือก แล้วใครมันจะอยากอยู่กันล่ะ...

กานดา ลูกสาวของผู้อำนวยการโรงพยาบาลชื่อดัง แต่เธอกลับไม่เรียนหมอตามความต้องการของพ่อ ที่เลือกสอบเข้าคณะวิศวฯ ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ผู้ชายคณะนี้ขึ้นชื่อว่าหล่อเท่ที่สุดในบรรดาทุกคณะ เป้าหมายก็คือ จะต้องมีแฟนเป็นหนุ่มวิศวะให้ได้ และรุ่นพี่ปี 4 เฮดว้ากคนนั้น ก็เป็นคนที่เข้าตาที่สุด

---------------------

ยัยน้องรุกหนักขนาดไหน แวะมาเรียกน้ำย่อยกันก่อนค่า

“ลูกชายพี่กี่ขวบแล้วอะ”

“แล้วพี่อยากหาแม่ใหม่ให้ลูกมั้ย”

“ก็ถ้าพี่อยากหาแม่ให้ลูก หนูจะได้สมัครไง”

------------------------------

?จบสุขนิยม ไร้ดราม่าให้หนักใจ อ่านจอย ๆ ม่วน ๆ ไม่มีปมหนัก เน้นความสุขและเสียงหัวเราะ 

?ชอบนางเอกสู้คน ไม่อ่อนแอ รุกพระเอกหนัก ๆ เชิญมาทางนี้ได้เลยค่า

เพื่อไม่พลาดการอัปเดตนิยาย

กดหัวใจ ❤️

กดเข้าชั้น ?

?กดติตามนามปากกา มิรินKL

-----------------------

ย้ำเตือน

นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน

ทั้งตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่ ล้วนเป็นเรื่องสมมติ

ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาพาดพิงถึงผู้ใด

เนื้อหาบางช่วงมีคำหยาบคาย และฉากเลิฟซีน

เหมาะสำหรับผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป

**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน**

----------------------------------

**ห้ามคัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำ นิยายเรื่องนี้ หรือส่วนใดส่วนหนึ่งเด็ดขาด หากพบเห็นจะดำเนินตามกฎหมายทันที

❤️❤️❤️❤️❤️

ด้วยรัก

มิรินKL

 

 

 

 

 

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
หนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว
“ไอ้แผน เอ็งเก็บเสื้อผ้าไปเยอะขนาดนั้น ไม่คิดจะกลับมาบ้านแล้วรึ” เสียงของชายชราที่เป็นคุณปู่ของแผนเอ่ยถามหลานชาย ที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทาง เพื่อจะไปกรุงเทพมหานครในวันพรุ่งนี้ “มันก็ต้องเก็บไปเผื่อสิปู่ ชุดหล่อ ๆ เผื่อได้เอาไว้ไปใส่โชว์สาว ๆ” แผน ชายหนุ่มวัย 19 ปีพอดิบพอดี ตอบกลับปู่ของตัวเองด้วยสีหน้ายียวน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติที่ปู่ไกรนั้นเห็นจนชินตา “แล้วแถวบ้านมันไม่มีที่ให้เรียนหรือไง เอ็งถึงต้องถ่อไปเรียนถึงกรุงเทพฯ” “ปู่จะไปเข้าใจอะไร คนหล่อเฟี้ยวแบบหนูมันก็ต้องคู่ควรกับเมืองหลวงสิปู่” เรื่องความหล่อนั่นก็ใช่ เกิดมาหน้าตาดีทั้งที จะให้มาจมปลักอยู่แต่ในอำเภอเล็ก ๆ อย่างอำเภอโพนตะโคก ก็ไม่เท่ากับเกิดมาเสียความหล่อไปฟรี ๆ หรือไง มันก็ต้องออกไปเฉิดฉายให้สาวเมืองกรุงได้ชื่นชมกันบ้างสิ “เอ็งนี่มันหลงตัวเองได้ใครวะ” “ได้ปู่นั่นแหละ แต่ก่อนปู่ก็เล่าให้หนูฟังบ่อย ๆ ว่าปู่หล่อมาก หล่อขนาดย่ายอมหนีตามมาด้วย” ประโยคสุดท้ายยังไม่ทันได้จบดี ฝ่าเท้าของปู่ไกรก็ยกขึ้นทำท่าจะถีบเข้าให้ ดีหน่อยที่แผนโดนจนชิน จึงจับทางได้ถูกแล้วกระโดดหนีทัน แต่เรื่องที่อยากจะให้เขาไปอยู่กรุงเทพฯ เมืองศิวิไลมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่ต้องรับช่วงต่อเป็นพ่อครูต่อจากปู่ ถึงจะเรียนคาถาอาคมจนเก่งกล้ามาตั้งแต่เด็ก ซึ่งน้อยคนนักที่จะทำได้ ปู่ไกรเคยบอกเอาไว้ว่า เพราะมีบุญบารมีเก่าหนุนนำมาแต่ชาติปางก่อน ทำให้ชาตินี้เขาเป็นผู้ที่ถูกเลือก แล้วใครมันจะอยากอยู่กันล่ะ “แล้วนี่เอ็งจะไปกันกี่คน” ปู่ไกรเอ่ยถามอีกครั้ง แต่เท่าที่รู้ก็คงมีสงคราม เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่แผนมี “ไปกับไอ้ครามไงปู่ หนูกับไอ้ครามสอบติดคณะเดียวกันด้วยนะ อยู่ด้วยกันจะได้ช่วยกันออกค่าหอ” สงครามเป็นเพื่อนคนเดียวที่แผนมี เพราะต้องฝึกเรื่องคาถาอาคมตั้งแต่เด็ก ทำให้พ่อแม่ของเด็กคนอื่น ๆ ไม่กล้าให้มาเล่นกับเขา กลัวว่าจะโดนผี โดนของเข้า เลยมีเพียงสงครามที่เป็นหลานของเพื่อนสนิทปู่ไกรที่คอยมาเล่นด้วยเป็นประจำ “จะไปก็ไป เอาไอ้เพชรไปด้วย” “ปู่! ปู่จะให้หนูเอาไอ้เพชรไปทำไม” แผนพูดท้วงเสียงดัง หยุดเก็บเสื้อผ้าแล้วมานั่งอยู่ข้างผู้เป็นปู่ “เผื่อมันได้ช่วยอะไรเอ็ง” ปู่ไกรตอบออกมาเพียงเบา ๆ ไอ้เพชรที่ว่า คือกุมารทองที่แผนเลี้ยงมาได้หลายปีแล้ว ไม่รู้ไปมาอย่างไร จู่ ๆ ก็ได้มาอยู่ด้วยกัน ไล่ก็ไม่ยอมไปจึงจำใจต้องเลี้ยงไว้อย่างช่วยไม่ได้ “โอ้ย! ปู่ ไอ้เพชรมันจะไปช่วยอะไรหนูได้ ลำพังตัวมันยังต้องให้หนูเลี้ยงอยู่ทุกวันนี้เลย” แผนเริ่มโวยวายเอาแต่ใจตามประสาหลานชายคนเดียว แต่ปู่ไกรก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะที่ผ่านมาแผนก็เป็นเด็กดีมาตลอด แต่คงไม่ใช่กับเจ้าเด็กผมจุกสวมชุดไทย ที่กำลังยืนเท้าสะเอวมองหน้าคนที่เลี้ยงดูตัวเองเขม็ง “พ่อแผนจะมาว่าหนูอย่างนี้ไม่ได้นะ แต่ก่อนพ่อก็เคยใช้งานหนูตั้งหลายอย่าง หรือจะให้หนูฟ้องปู่ไกร” ทันทีที่ได้ยินกุมารทองลูกรักพูดขึ้น แผนก็หันขวับไปมองหน้า พร้อมถลึงตาใส่ให้หยุดพูด แต่เรื่องที่เจ้าเพชรว่าแผนเคยใช้ให้ไปทำก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่ให้ไปแอบดูข้อสอบก่อนวันที่จะสอบเท่านั้นเอง “พวกเอ็งสองคนไม่ต้องเถียงกัน” ปู่พูดขึ้นเพื่อหยุดการทะเลาะของสองพ่อลูก หนึ่งคน หนึ่งกุมารทอง “ไอ้แผน ถ้าเอ็งไม่เอาไอ้เพชรไปด้วย พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องไป” “โห...ปู่อะ” ปู่ไกรเป็นคนเด็ดขาด หากว่าได้สั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตาม ไม่อย่างนั้นมีหวังโดนมนต์ลงโทษจากปู่แน่ ๆ ถึงจะไม่ได้เจ็บปวดปางตาย แต่ก็พาลทำให้ปวดเมื่อยไปหลายวัน “เอาไปด้วยก็ได้” สุดท้ายแผนก็ต้องยอมรับปากอย่างจำยอม ///// วันต่อมา สถานีรถไฟอำเภอโพนตะโคก “ไอ้แผน ๆ ทางนี้โว้ย!” เสียงของสงครามตะโกนมาแต่ไกลเมื่อเห็นเพื่อนซี้หอบหิ้วสัมภาระ พร้อมกับชะเง้อชะแง้เหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง จะหาอะไร ถ้าไม่ได้หาเพื่อน “ไอ้คราม” แผนรีบเดินมายังเพื่อนสนิทที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้ตรงชานชาลา อีกครึ่งชั่วโมงรถไฟก็จะมาแล้ว “โห...ไอ้แผน นี่มึงจะแต่งตัวหล่อไปไหนวะเนี่ย” “หล่อเฟี้ยวเลยใช่มั้ยล่ะ แต่ก็อย่างว่า คนมันหล่อ ใส่อะไรก็หล่อไปหมด” เพื่อนชมแค่คำเดียว แต่เจ้าตัวชมตัวเองไปแล้วสามประโยค จะว่าเขาหลงตัวเองก็ไม่ได้ เพราะแผนก็หน้าตาดีจริง ๆ คมเข้มตามฉบับหนุ่มไทยแท้ หากถอดเสื้อออกก็จะเห็นลายสักยันต์ที่ปู่ไกรสักให้ ยิ่งดูน่าเกรงขามเข้าไปอีก “เออ หล่อ กูไม่เถียง” สงครามก็ตามน้ำไปกับเพื่อนเหมือนทุกที แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นบางอย่าง “ไอ้แผน มึงเอาไอ้เพชรไปด้วยเหรอวะ” แผนหันไปตามสายตาที่เพื่อนกำลังมองเจ้าเพชรอยู่ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา “เออดิ ก็ปู่กูบอกว่าถ้าไม่เอามาด้วย ปู่จะไม่ให้ไปกรุงเทพฯ แล้วมึงว่ากูมีทางเลือกเหรอ” ระหว่างที่เขาตอบคำถามเพื่อน เจ้ากุมารทองก็ทำหน้าทำตาเป็นทองไม่รู้ร้อน กระโดดโลดเต้นไปมารอบ ๆ แต่ก็มีเพียงแผนกับสงครามเท่านั้นที่มองเห็น เพราะเป็นเพื่อนสนิทกัน แผนเลยบอกให้เจ้าเพชรทำให้สงครามเห็นได้ ปู๊น ปู๊น!! ทั้งสองคนนั่งรอรถไฟอยู่เกือบสี่สิบนาที เสียงหวูดก็ดังมาแต่ไกล พร้อมกับเสียงฉึกฉักของรถไฟที่กำลังเข้าเทียบชานชาลา ทั้งแผนและสงครามต่างรีบเร่งขนสัมภาระของตัวเองขึ้นรถไฟ เพราะเป็นสถานีเล็ก ๆ รถไฟจะจอดแค่แป๊บเดียวเท่านั้น ถึงจะเป็นเด็กต่างจังหวัด แต่ฐานะทางบ้านของทั้งคู่ก็ถือว่ามีฐานะพอสมควร รถไฟตู้นอนปรับอากาศจึงเป็นทางเลือกที่สะดวกที่สุด การเดินทางใช้เวลาหนึ่งคืนเต็ม ๆ ในที่สุดทั้งสองคนก็มาถึงกรุงเทพฯ เมืองฟ้าศิวิไล แผนกับสงครามเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งยังหอพักที่ทำการเช่าเอาไว้ แล้วเตรียมตัวที่จะต้องไปมหาวิทยาลัยวันแรกในอาทิตย์หน้า ///// มหาวิทยาลัย NT TECH เปิดเทอมวันแรก นักศึกษาใหม่ในคณะวิศวฯ กำลังทำความรู้จักกัน ระหว่างที่รอรุ่นพี่เรียกรวมตัว “เอ้า! มาแล้วก็รีบ ๆ มาเข้าแถวให้เป็นระเบียบ มัวแต่ชักช้าอืดอาดกันอยู่ได้ ชาติที่แล้วเป็นหอยทากกันหรือไง” เสียงพี่ว้ากตะโกนใส่โทรโข่งเสียงดัง ทำเอารุ่นน้องปีหนึ่งรีบวิ่งมาเข้าแถวตามคำสั่ง คงมีแต่เพียงแผนกับสงคราม ที่เดินด้วยความเร็วปกติ จนรุ่นพี่ต้องประกาศอีกครั้ง “เฮ้ย! สองคนนั้นไม่มีหูหรือไง ทำไมเดินช้าจังวะ” ประกาศรอบสองทำเอาเด็กปีหนึ่งทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว ชายหนุ่มสองคนกำลังเดินคู่กัน คนหนึ่งหล่อคมเข้ม อีกคนก็ดูน่ารัก ทำให้สาว ๆ รุ่นพี่ที่หันไปมองเริ่มส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด และมันก็คงทำให้พวกรุ่นพี่ผู้ชายไม่ชอบใจ “เดินช้า อยากโดนทำโทษหรือไงวะ” “โธ่พี่ มันก็ใกล้แค่นี้ พี่จะให้วิ่งไปทำไม เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึง เห็นไหม ผมมายืนอยู่หน้าพี่แล้วเนี่ย” แผนพูดขึ้น พร้อมกับสีหน้าที่ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไร แต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนไม่กลัวใครหน้าไหน แค่รุ่นพี่ที่แก่กว่าปีสองปี มีสิทธิ์อะไรมาสั่งขนาดนี้ “ไอ้เด็กปีหนึ่ง มึงกล้าเถียงเหรอวะ” ได้ยินคำที่เขาตอบกลับก็ยิ่งทำให้รุ่นพี่ไม่พอใจ แผนกับสงครามกำลังจะเดินไปนั่งที่แถว แต่ก็โดนดักหน้าเอาไว้เสียก่อน “พวกมึงสองตัวช้า จะต้องโดนลงโทษ” “ตัวเขาเอาไว้ใช้กับสัตว์ครับพี่ พูดให้ดีด้วย” เมื่อรุ่นน้องไม่กลัว ก็ยิ่งทำให้เสียหน้า พี่ว้ากหลายคนเริ่มทยอยมายืนล้อมเขากับสงครามเอาไว้ สงครามเองก็ไม่อยากให้มีเรื่องตั้งแต่วันแรก เลยดึงแขนเพื่อนให้เลิกต่อปากต่อคำ “ไอ้แผน หยุดเถอะว่ะ เดี๋ยวมีปัญหา” “มึงจะกลัวอะไรวะไอ้คราม มีก็มีดิ ไม่เห็นกลัว” “ไม่ได้กลัวเว้ย แต่ไม่อยากมีเรื่องตั้งแต่วันแรก” เห็นท่าทีของเพื่อนที่ไม่อยากมีเรื่อง แผนก็ยอมอ่อนลง แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็โดนลงโทษให้ลุกนั่งห้าสิบครั้ง เรียกได้ว่าขาอ่อนแรงไปเลยทีเดียว หลังทำกิจกรรมวันแรกเสร็จ ทั้งคู่ก็กลับมาที่หอพัก สองคนทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง “ไอ้คราม เพราะมึงเลยให้กูยอม แม่งลุกนั่งตั้งห้าสิบครั้ง เหนื่อยฉิบหาย” แผนบ่นไปพลางบีบนวดขาตัวเองไปพลาง ไม่ต่างอะไรกับสงคราม “เออ กูก็เหนื่อย เอาไว้ค่อยเอาคืนทีหลัง” “เอาคืนทีหลังเหรอวะ กูรู้แล้วว่าจะเอาคืนยังไง” รอยยิ้มร้ายฉาบบนใบหน้า ก่อนที่แผนจะเรียกเจ้าเพชรที่อยู่ในรูปปั้นกุมารทองออกมา “พ่อแผนมีอะไรให้หนูทำเหรอจ๊ะ” “ไปต้องทำอะไรมากหรอก แค่ไปสั่งสอนไอ้พวกรุ่นพี่ให้หน่อย เอาแค่หัวโกร๋นก็พอแล้ว” “ได้เลยจ้ะ” รับคำสั่งของพ่อเสร็จ เจ้าเพชรก็หายวับออกไปจากห้อง เหลือก็แต่แผนที่นั่งหัวเราะร่วนอย่างสะใจ “จะได้ผลเหรอวะไอ้แผน” สงครามถามขึ้น “ได้ไม่ได้ พรุ่งนี้มึงก็รู้เอง” วันต่อมา “เฮ้ย ๆ พวกแกดูพี่ปีสองดิ” “ไปโดนอะไรมาวะ” “ทำไมหัวล้านแบบนั้นอะ” เสียงของนักศึกษาปีหนึ่งซุบซิบกับในกลุ่ม ซึ่งแผนกับสงครามก็นั่งอยู่ด้วย ภาพชายหนุ่มหลายคนที่กำลังเดินเข้ามาด้านในตึกทำเอาแผนแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะผู้ชากลุ่มนั้นคือรุ่นพี่ปีสอง ที่สั่งลงโทษเขาเมื่อวาน ไม่รู้ว่าเจ้ากุมารทองลูกรักไปทำอีท่าไหน แต่ก็ถือว่าสำเร็จตามคำสั่ง เพราะทุกคนในกลุ่มหัวโกร๋นล้านเกลี้ยง ไม่มีผมเหลือติดอยู่เลยสักเส้น ค่อยคุ้มกับที่เลี้ยงดูมาหลายปี /////////////////////////////////////////////////////// พี่แผนมาแล้วค่า เอ็นดูพี่แผนกันเยอะ ๆ น้า พ่อหนุ่มสุดหล่อจากอำเภอโพนตะโคก รักทุกคนค่าาา ❤️❤️❤️

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook