แสงแดดจ้าสอดส่องลอดผ่านผนังไม้ผุกระทบกับเปลือกตาส่งผลให้คนที่นอนหลับยาวรู้สึกร้อนผ่าวจนต้องรีบลืมตาแล้วกระพริบตาถี่ๆอย่างเลี่ยงไม่ได้ ร่างใหญ่รีบลุกขึ้นนั่งทันใดขมับทั้งสองข้างปวดตุบรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันที คงเพราะสาเหตุเกิดจากที่เมื่อคืนเขาเล่นดื่มหนักไปหน่อย แถมลุงสมคิดยังเอาเหล้ายาดองชนิดดีกรีหนักมาให้เขาได้ลิ้มรสมันครั้งแรก เล่นทำเอาเขาไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าขึ้นมานอนห้องได้ยังไงกัน
"หืม?"
แต่แล้วดวงตาคมต้องตกใจกะทันหัน
จากที่คิดว่ากำลังนอนอยู่ในห้องของตนเองกลับต้องขยี้ตาเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“ที่ไหนวะ?” เขามองไปรอบๆห้องนอนเก่าๆที่สร้างจากไม้ รอบๆผนังห้องเต็มไปด้วยโปสการ์ดรูปภาพวิวสวยๆของเมืองนอก?
ถ้าจำไม่ผิดคิดว่าภาพวิวน่าจะเป็นที่ออสเตรเลีย แต่โปสการ์ดกับสภาพห้องช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
..แต่จะยังไงก็แล้วแต่ ที่สำคัญมากในตอนนี้เขาอยากรู้แค่ว่า นี่มันห้องใครกัน??
เจ้าของไร่หนุ่มรีบก้มมองดูความเรียบร้อยก็ไม่มีอะไรน่าสงสัย ยังพอโล่งใจอยู่บ้างที่เขาไม่ได้ตื่นมาในสภาพเปลือยเปล่ากับสาวๆ แต่ยังมีแค่จุดเดียวที่ต้องเก็บให้มิดชิด นั่นคือซิปกางเกงของเขาที่รูดลงและส่วนกลางกายที่ต้องรีบเก็บให้เข้าที่ สงสัยอาจจะเป็นเพราะเมาจนต้องลืมเช็คความเรียบร้อยหลังเข้าห้องน้ำเป็นแน่
“บ้าชิบ!!”
ร่างใหญ่รีบเดินลงเรือนไม้หลังเก่าสภาพจะพังแหล่ไม่พังแหล่โดยเร็ว
เมื่อเดินออกจากเรือนปริศนาได้สักหลายร้อยเมตรจึงพบกับคนงานซึ่งขับมอเตอร์ผ่านมาพอดีเจ้าของไร่จึงวานให้ลูกน้องขับรถพาไปส่งที่เรือนใหญ่เพื่อจะได้รีบอาบน้ำชำระร่างกายเตรียมทำงานต่อ
“หลับฝันดีมั้ย ตาผา?”
เสียงผู้เป็นแม่จากห้องรับแขกทำให้เขาต้องหยุดฝีเท้าทันที
"ครับ" ภูผาจำต้องยิ้มแห้งส่งให้มารดาอย่างเสียไม่ได้
“มาคุยกันก่อน” เมื่อได้ยินประโยคเชิงคำสั่งจากผู้เป็นแม่สายตาคมจึงหันไปมองผู้หญิงสองคนที่นั่งกับพื้นกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่
“ทำไมครับ?” หวังว่าผู้หญิงสองคนที่นั่งร้องไห้ตรงนั้นคงไม่ได้เกี่ยวกับเขาหรอกนะ
“แกจำอะไรไม่ได้ถึงขั้นไม่รู้เลยหรอว่าแกไปก่อเรื่องอะไรมา”
“แม่ครับ ผมไม่เข้าใจ เอาล่ะ อธิบายผมที”
“ฮือๆๆ ก็คุณภูผาขึ้นไปบนเรือนฉวีแล้วไปได้เสียกันกับนังป่านลูกสาวของอิฉันไงคะ ฮือๆๆ อิฉันได้ยินเสียงร้องกลางดึกเลยเข้าไปดูที่ห้องลูกสาวก็พบกับคุณที่ห้อง ฮือๆๆ คุณต้องรับผิดชอบนังป่านมันนะคะ ฮือๆๆ” แม่ฉวีแสร้งทำเป็นร้องห่มร้องไห้ แล้วยื่นภาพในมือถือที่เธอเป็นคนถ่ายมันไว้เมื่อคืนให้ภูผาดู
เมื่อภูผาเลื่อนดูรูปเรื่อยๆสลับกับมองสองแม่ลูกที่ทำเป็นแกล้งร้องไห้จนน่ารำคาญหู
เรื่องราวเมื่อคืนจึงทำให้เขาจำได้แค่บางส่วน แต่ที่จำได้แม่นคือแม่ฉวีคนนี้แหละที่ประเคนเสนอตัวลูกสาวของตัวเองมาให้เขาถึงที่ ส่วนหลังจากนั้นเขาก็จำอะไรไม่ได้เลย
“บ้าเอ๊ย” เขาสบถออกมาอย่างโมโห พลางมองหน้าผู้เป็นแม่ที่กำลังพยายามตีสีหน้าปกติแต่กุมมือตัวเองไว้แน่นเสหน้าหันไปทางอื่น
“แม่ครับ ผมไม่รู้จริงๆ ผมไม่มีทางจะรับผิดชอบเรื่องบ้าๆนี้แน่”
“แล้วแกจำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยเหรอ ตาผา”
“เฮ้อ ผมขอโทษที่ทำตัวเหลวไหล แต่ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้พิศวาสผู้หญิงแบบนี้แน่นอน แม่ก็รู้อยู่ว่าผมกำลังคบกับ..
“แกจะบอกแค่ว่าจำอะไรไม่ได้เป็นข้อแก้ตัวเหรอ โอ๊ย ฉันล่ะปวดหัว”
“คุณภูผาต้องรับผิดชอบลูกสาวของฉวีนะคะ ไม่งั้น เราไม่ยอมจริงๆด้วย” ฉวีพยายามพูดขึ้นแทรก
“หึ จะให้ฉันรับผิดชอบเหรอแม่ฉวี? ถ้าอย่างนั้นฉันคงได้แต่งเมียเป็นร้อยๆคนแล้วมั้ง ถ้าต้องรับผิดชอบกับเรื่องไร้สาระแค่เนี้ยแค่ลูกสาวเธอใจง่าย กับฉันที่เมาจนแทบจำอะไรไม่ได้สักอย่าง”
เขาก้มลงมองหญิงสาวตัวต้นเรื่องที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ ถ้าเป็นคนอื่นมองเข้ามาคงดูน่าสงสารมาก แต่สำหรับคนอย่างเขารู้ทันสองแม่ลูกจอมลวงโลกนี้ดี ว่ากำลังทำเป็นตีหน้าเศร้าอ้างว่าเขาไปข่มขืนลูกสาวตัวเอง ทั้งๆที่เจ้าหล่อนคงผ่านผู้ชายมานักต่อนัก ดูจากวันก่อนที่เธอเล่นอาบน้ำใส่กระโจมอกให้ท่าผู้คนขนาดนั้น เขาคงพอเดาเกมส์ของสองแม่ลูกนี้ออกอยู่แล้ว
“หึ คิดจะจับฉันหรอ? มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกมั้ง” เขายืนเอ่ยวาจาเชือดเฉือนจนหญิงสาวใบหน้าสวยตัดสินใจเงยหน้ามาประจันกับเขา
“ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรฉันหรอกค่ะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างสั่นเครือ เธอเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาหลังจากที่ทนฟังบทสนทนาของทั้งสามอยู่สักพัก
เธอมาวันนี้ไม่ได้หวังให้เขามารับผิดชอบอะไรตัวเธออยู่แล้ว ในใจดวงน้อยๆขอแค่ได้ยินคำว่าขอโทษออกจากปากของผู้เป็นนายเท่านั้น เจ้านายที่บุกเข้ามาถึงห้องแล้วพรากความสาวไปจากเธอแบบไม่รู้ตัว แต่ตอนนี้ คงไม่ต้องหวังหรอก เพราะผู้หญิงกระจอกๆจนๆอย่างเธอเขาคงไม่ลดตัวเอ่ยคำขอโทษแน่
“ก็ดี” ภูผาเหยียดยิ้มให้กับหญิงสาวเบาๆ ก่อนเดินขึ้นยังห้องเพื่อไปอาบน้ำชำระร่างกายอย่างไม่รู้สึกสะทกสะท้านเลยสักนิด
ต่างจากคนเป็นแม่เลี้ยงที่ตอนนี้หล่อนพยายามให้ลูกเลี้ยงจอมโง่หันมาสบตาหล่อนเสียที เพราะเธอไม่ยอมรามือแน่ๆ แต่อีนังลูกเลี้ยงก็แสนจะบื้อเหลือหลาย เธอจำต้องพยายามสงบปากสงบคำเอาไว้ก่อน
“เมื่อคืนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอให้จบๆกันวันนี้นะคะ หนูขอตัวค่ะ” สายป่านลุกขึ้นยืนแล้วยกมือไหว้ลาคุณทัศนาอย่างนอบน้อมแล้วรีบวิ่งออกไปจากเรือนใหญ่ทันที
ระหว่างทางเธอพบกับแม่บ้านที่แอบฟังบทสนทนากำลังซุบซิบนินทาเธออย่างสนุกปาก เรื่องวันนี้ทั้งวันที่เหล่าแม่บ้านคนงานพูดถึง คงไม่พ้นเรื่องของเธอเป็นแน่ เธอได้แต่ก้มหน้าเดินไปขอลางานกับป้าช้อยหัวหน้าแม่บ้านถึงห้องครัว เธออายที่จะเผชิญหน้ากับใครต่อใครและตอนนี้รู้สึกตัวร้อนเหมือนจะไม่สบายเสียให้ได้
“ป่าน”
......
“ป่านโว้ยย”
.....
“นังป่าน!!” ฉวีเดินขึ้นเรือนเรียกหาสายป่าน เธอโกรธหนักที่วันนี้มันบังอาจมากที่หักหน้าเธอ อุตส่าห์เสี้ยมสอนอย่างดีว่าให้มันก้มหน้าร้องไห้อย่างเดียว แต่ดูมันทำสิ มันน่าตีนัก
...........
“อีป่าน!!! มึงอยู่ไหน”
“เอ่อ ฉันอยู่นี่จ๊ะแม่” เธอตอบแม่เลี้ยงเสียงแผ่ว
“มึงมานอนซมอะไรที่นี่ ห๊ะ อีป่าน อีโง่ มึงรู้มั้ยว่ามึงทำให้กูชวดเงินตั้งหลายบาท ถ้าเค้าไม่เอามึงอย่างน้อยก็ได้ค่าเสียหายบ้าง กูบอกให้แกล้งๆร้องไห้หนักๆให้คุณทัศนาสงสาร มึงก็โง่จริงโว้ยย โอ๊ยย กูจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเทอมให้นังน้ำฟ้าทันล่ะทีนี้”
“โอ๊ยย แม่ ฉันเจ็บ” แม่ฉวีดึงตัวเธอขึ้นมาเขย่าแล้วผลักเธอจนล้มลงกับพื้น
“อย่ามาสำออยกับกู มึงไปซักผ้าเดี๋ยวนี้” ถึงมันจะหยุดงานแต่ไม่มีทางที่เธอจะปล่อยให้มันสบาย
“แม่ หนูขอล่ะ หนูเจ็บจริงๆ”
“มึงเจ็บอะไรวะ อิห่...”
“คือ ฉัน ฉันแสบแผลจ๊ะ”
“แผลอะไรของมึง อีนี่”
“ตรง ตรงจิ๋มจ๊ะแม่ ...มัน เจ็บ”
“หา???? มึงอย่าบอกนะว่าโดนเค้าจิ้มแล้ว มึงบอกกูมาให้หมดเลยนะอีโง่” ฉวีบีบต้นแขนเธอแน่นพยายามเค้นเอาความจริงกับลูกเลี้ยงจอมหัวอ่อน
“คือ คือ เค้าเข้ามาข้างในตัวฉัน แล้วฉันถีบจนเขานอนหลับไปเลยจ๊ะแม่”
“โอ๊ยย อีโง่เอ๊ย ทำไมมึงโง่แบบนี้วะอีป่าน มึงให้เค้าเจาะไข่แดงฟรีๆ? กูละปวดหัวกับมึงเลยจริงๆ โอ๊ยกูจะบ้าตาย โง่ขนาดนี้ก็จนๆต่อไปเหอะมึง” ฉวีเขกหัวลูกเลี้ยงอย่งแรงก่อนเดินปึงปังออกจากเรือนไปอย่างหงุดหงิด
“กูจะบ้าตายจริงๆ เฮ้อ โง่เหมือนพ่อ ไอ้อาธรเว้ยย มึงเห็นมั้ยว่าลูกมึงโง่ขนาดไหน อารมณ์เสีย”
.
.
“ไงคะ พี่ชายตัวแสบ กลายเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ให้คนได้เม้าท์กันได้เป็นเดือนๆแน่ค่ะงานนี้?” สายธารเดินหอบเอกสารสำคัญมาให้ผู้เป็นพี่เซ็นต์ในห้องทำงานพร้อมถามเรื่องที่คนกำลังเม้าท์กันระหว่างพี่ชายตัวดีกับสาวใช้โนเนมที่คิดจะจับภูผา
“เปล่า ก็แค่พี่เมาแล้วจำอะไรไม่ได้”
“เฮ้อ เกือบไปแล้วมั้ยล่ะ นึกว่าจะได้แต่งกับสาวใช้ซะแล้ว”
“ไม่มีทางหรอกยัยธาร”
“เรื่องที่ฝรั่งเศสยังเคลียร์ไม่ได้ ไหงมาสร้างเรื่องอีก พี่นะพี่”
“รู้ได้ไง ใครบอก”
“ก็พี่เอ็มม่าไงคะ โทรมาหาธารตั้งแต่เช้า บอกวีรกรรมพี่ชายตัวแสบซะหมดเปลือก เฮ้อ เกลียดจริงๆผู้ชายเจ้าชู้เนี่ย”
“เอ็มม่าเหรอ?”
“ใช่ค่ะ เห็นบอกว่าติดต่อพี่ไม่ได้ แล้วฝากให้ธารมาบอกพี่ว่า อยากเคลียร์กับพี่ให้จบๆ ว่างั้น”
“เคลียร์เหรอ?” เขานึกขึ้นได้ว่าทำมือถือหาย
“เอามือถือให้พี่ยืมหน่อยสิ”
ภูผารีบโทรไปหาแฟนสาวทันที หลังจากที่เขาไม่รู้เลยว่าไปทำมือถือหล่นเอาตอนไหน
“เอ็มม่า คือ อ่าห์..ผมทำมือถือหายตั้งแต่เมื่อคืน ที่รัก คิดถึงคุณจะแย่” สายธารที่ยืนฟังข้างๆเป็นต้องจะอาเจียนกับคำหวานจากผู้ชายเจ้าเล่ห์อย่างภูผา
“เอาล่ะจอห์น ฉันจะไม่เสียเวลาคุยกับคุณอีกแล้ว เลิกแล้วต่อกันนะคะ”
“คุณพูดบ้าอะไร ที่รัก ผมแค่ทำมือถือหล่นหาย ผมเมา"
“ใช่ค่ะ คุณเมา เมาจนไม่รู้เรื่องเลยว่าฉันโทรไปหาตอนที่คุณกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับสาวไทยเมื่อคืน”
“อะไร ผมไม่เข้าใจ??” เอ็มม่าตัดสายทันที ไม่เพราะไม่อยากฟังคำแก้ตัวน้ำขุ่นๆจากเขา
สักพักเสียงข้อความดังขึ้น ภูผารีบเปิดอ่านทันที
-เธออวบดีนะคะ-
เขาต้องสะดุ้งโหยงเมื่อ เธอส่งรูปปริศนามาให้ดู มันเป็นรูปหน้าอกของผู้หญิงที่เอ็มม่าแคปหน้าจอเอาไว้
เมื่อคืนเอ็มม่าโทรวีดีโอคอลหาแฟนหนุ่ม แต่ต้องเจอกับภาพบาดตา ส่วนอีกรูปมองเห็นใบหน้าเจ้าของหน้าอกตู้มคู่นี้ เขาเพ่งมองสักพัก จึงรู้ว่าคือเด็กนั่นคือ..สายป่าน
“ร่าน”
เขาคืนมือถือให้น้องสาวทันทีแล้วรีบผลุนผลันออกจากห้องทำงานไปอย่างโมโห จนผู้เป็นน้องรู้สึกหวั่นกลัวนิดๆในอารมณ์ของพี่ชาย
“เดี๋ยวๆ พี่จะไปไหน”
“ไปเอามือถือคืน”