เวลา09.09 น. เป็นฤกษ์งามยามดีในการสวมแหวนหมั้นเจ้าสาว เจ้าบ่าวนั่งเหม่อลอยปรายสายตามองหญิงสาวข้างๆที่เอาแต่ก้มหัวงุดจนเขารู้สึกเบื่อ อยากจะลุกขึ้นเดินหนีก็ทำไม่ได้เพราะมารดาที่นั่งบนโซฟาหรูโดยมีน้องสาวนั่งข้างๆกายและญาติสนิทเขาอีกไม่ถึงสิบคนกำลังเพ่งเล็งมาที่เขาอย่างคาดหวัง
“อิป่าน ยื่นมือไปให้เค้าสิวะ” ผู้เป็นแม่เลี้ยงก้มหัวลงมากระซิบกระซาบกับสายป่านเสียงเบาเพื่อกระตุ้นเธอ
สายป่านจึงยอมยื่นมือไปให้เขาสวมแหวนให้แต่โดยดี วันนี้เป็นวันที่เธอได้ใส่ชุดสวยๆและแต่งหน้าดูดีที่สุดในชีวิต ร่างบางสวมชุดเดรสแขนกุดสีขาวตัวยาวเลยเข่านิดหน่อยเป็นผ้างานละเอียดใส่สบาย ซึ่งคุณทัศนาเป็นคนซื้อมาให้เธอ การแต่งหน้านั้นเป็นฝีมือจากกำไรเพื่อนสาวบรรจงแต่งแต้มให้เธอแบบอ่อนๆ ส่วนภูผาเจ้าของไร่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดาๆแต่ทรงผมได้ถูกจัดแต่งให้เนี้ยบกว่าวันปกติแค่นั้นเพราะงานหมั้นระหว่างเธอและเขาถูกจัดอย่างเรียบง่ายไม่ได้จัดตกแต่งอะไรเลย มีเพียงกองสินสอดวางตรงหน้าและญาติสนิทที่มาเป็นสักขีพยานส่วนญาติฝั่งเธอก็มีเพียงแม่ฉวีคนเดียวเท่านั้น
ภูผาถอนหายใจยาวเหยียดค่อยๆสวมแหวนเข้าไปในนิ้วนางข้างซ้ายของสายป่าน เขาไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าเธอด้วยซ้ำได้แต่เบือนหน้าหนีมองบรรยากาศรอบๆ
ไม่นานมีสาวสวยที่เขาแสนจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีและสุดแสนจะคิดถึงกำลังเดินเข้ามาร่วมเป็นสักขีพยานในงานหมั้น
‘เอ็มม่า คุณมาได้ยังไง’????
ในใจของเขายังรู้สึกน้อยใจที่เจ้าหล่อนไม่ยอมคุยกับเขาตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องแล้ว นึกว่าจะไม่ได้เจอกันแล้วเสียอีก เมื่อภูผาสวมแหวนให้สายป่านเสร็จแล้วจึงดึงมือหล่อนขึ้นมาจูบจนสายป่านจ้องมองการกระทำของเขาอย่างตกตะลึง เมื่ออึ้งได้สักพักเธอกลับได้อึ้งหนักกว่าเก่าเมื่อเขาขยับเข้ามาจูบปากเธอดูดดื่มจนเธอเผลอรับสัมผัสจากเขา ทั้งรู้สึกตกใจ และหัวใจเต้นแรงเป็นพิเศษ เสียงผู้หลักผู้ใหญ่แซวจนเธอต้องผลักเขาออกอย่างขวยเขิน
แต่เธอหารู้ไม่ว่าเธอเป็นแค่เครื่องมือที่เขาใช้ในการประชดเอ็มม่าเท่านั้น ภูผาหันมองไปทางเอ็มม่าที่กำลังเดินกึ่งวิ่งออกไป หัวใจเจ้าของไร่พองโต ดีใจที่อย่างน้อยเธอก็คงรักเขาอยู่ ถ้าไม่อย่างนั้นเธอจะเดินหนีไปทำไมเล่า แล้วถ้าเขาไม่สำคัญเธอจะมาหาเขาถึงที่นี่ทำไม
เมื่อพิธีหมั้นเป็นอันเสร็จสรรพ สายป่านกลับมายังเรือนของเธอ เธอยังคงไม่กล้าเข้าไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักหลังใหม่ที่คุณทัศนาจัดเตรียมไว้ให้ เพราะมันยังอดใจหายไม่ได้ยังคงคิดถึงบรรยากาศร่มรื่น ลำธารใสสะอาดและความสงบของที่นี่ ส่วนเรื่องการเรียนต่อเธอจะได้สมัครเรียนในเดือนหน้าที่มหาวิทยาลัยในตัวเมือง วันนี้เธอแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวในห้องพร้อมทั้งนั่งสเก็ตภาพใบหน้าคมคายของภูผาเจ้าของไร่หนุ่มคู่หมั้นหมาดๆของเธอ รอยจูบในวันนี้มันทำให้เธอรู้สึกดีใจอย่างประหลาด
ส่วนเอ็มม่าที่ตั้งใจจะมาดูงานหมั้นให้เห็นกับตาว่าจอห์น หรือภูผา ได้หมั้นแบบไม่เต็มใจตามที่สายธารบอกหรือเปล่า ภาพเมื่อเช้าที่เขากำลังจูบกับผู้หญิงเจ้าของหน้าอกตูมที่รับสายแทนเขาในวันนั้นมันทำให้เธอรู้สึกเสียใจและสับสน อุตส่าห์มาหาเขาถึงที่เพราะทนความคิดถึงไม่ไหว ตั้งใจจะตัดขาดก็ทำไม่ได้สุดท้ายจึงต้องมาดูให้เห็นกับตาว่าเธอแพ้แล้ว
“อะแฮ่มๆ มายืนชมวิวคนเดียวอย่างนี้ไม่หนาวหรือครับคุณผู้หญิง” เสียงภูผากระซิบข้างๆหูเธอพร้อมโอบกอดเธอจากด้านหลัง
“หยุดนะ ฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว เลิกทำแบบนี้ซะทีเถอะค่ะ”
“อืม แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่ล่ะครับ ฮื้มม”
“แค่มาดูให้หายโง่ไงคะ ว่าคนเจ้าชู้ ยังไงก็เจ้าชู้อยู่วันยันค่ำ ไม่มีทางเปลี่ยนไปได้”
“เอ็มม่า คุยกันดีๆนะที่รัก ผมดีใจมากที่คุณมาหาผมถึงที่”
“ดีใจเหรอคะ แล้วที่จูบกับแม่สาวใช้คนนั้นล่ะ หมายความว่ายังไง”
“ถ้าผมไม่ทำแบบนั้น จะรู้ได้ไงว่าคุณกำลังหึง ฮื้มม”
เอ็มม่าทุบอกเขาเบาๆที่บังอาจจูบกับคนอื่นประชดเธอ เธอค่อนข้างจะเชื่อใจภูผาในเรื่องนี้เพราะเด็กคนนั้นไม่ได้เข้าข่ายสเป็กเขาเลย และที่สำคัญสายธารน้องสาวของเขาเป็นคนเล่าเรื่องที่แม่บ้านที่ชื่อฉวีหาทางจับภูผามาเป็นลูกเขยโดยใช้ความเมตตาขี้สงสารของมารดาเขาจนต้องเป็นแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกเห็นใจภูผา
ร่างทั้งสองจูบกันดูดดื่มมือไม้ต่างลูบไล้กันพัลวันเพราะความคิดถึง คิดถึงสัมผัสรสรักซึ่งกันและกัน
“ซี้ดดดด” เอ็มม่าแอ่นอกเปลือยเปล่าสู้ริมฝีปากหนาที่ดูดดื่มราวกับทารก เธอใช้มือรูดสาวท่อนเอ็นโต้ตอบเขาจนเขาแทบเข่าอ่อน ก็ลีลาการดูดเลียของเธอเก่งยิ่งนัก
“อ่า เอ็มม่า” เขาไม่รอช้ารีบจับขายาวแยกออกจากกันก่อนจะแทงท่อนเอ็นใหญ่เข้าไปในปากทางรักของหล่อนเนิบนาบ
สักพักเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นพร้อมกับเสียงครวญครางของทั้งคู่ระงมไปทั่วห้องพักหรูหราท่ามกลางขุนเขา เอ็มม่าใช้ขาเรียวทั้งสองข้างเกาะเอวเขาไว้แน่นพรางออกแรงโยกสะโพกขึ้นสู้เขา
พั่บๆๆๆ
ภูผาดึงท่อนเอ็นออกแล้วเดินลงเตียงไปจนเอ็มม่ามองตามอย่างเสียดาย
“มานี่ที่รัก” เขาชักชวนเธอมายืนข้างๆเขาแล้วจึงให้หล่อนโก้งโค้งอวดกลีบแดงช้ำด้านหลัง เขาสอดใส่เข้าไปอีกครั้งจนมิดด้าม แล้วกระเด้าสะโพกในจังหวะเร็วจนเธอหายใจหายคอแทบไม่ทัน
“อ๊า จอห์น อ๊ะ อ๊ะๆๆๆๆๆ”
“โอ่ววว อืม” ภูผาจับหล่อนเดินนำเขาไปยังระเบียงหลังห้องทั้งๆที่สะโพกยังคงกระเด้าซอยใส่บั้นท้ายเธออยู่
ตั่บๆๆๆๆ เพี้ยะ
เขาตบบั้นท้ายเธอโดยใช้แรงท่อนเอ็นกระแทกพาเธอไปเกาะขอบระเบียง
“คิดถึงเอ็นผมมั้ยที่รัก ฮื้มม”
“ซี้ดดด มากค่ะ อ๊ะๆๆๆๆ อ่า จอห์น อืม วิวสวยมาก อ่าส์”
พั่บๆๆๆๆ
ทั้งสองเริงรักกันอย่างดุเดือดบนระเบียงด้านหลังรีสอร์ทโดยวิวด้านนอกถูกห้อมล้อมด้วยภูเขาเขียวชอุ่มบรรยากาศช่างสดชื่นยิ่งนัก
“ป่าน เอ๊ย คุณป่าน ช่วยยกหม้อลงจากเตาให้หน่อยสิคะ”
“ฮ่าๆ ป้าช้อยคะ เรียกป่าน หรือนังป่านเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ อย่าเรียกคุณป่านเลย มันดูไม่เหมาะยังไงไม่รู้”
“เออ นั่นสิป้า คุณป่านๆ โอย ฉันขนลุก” ฉวีซึ่งกำลังปรุงอาหารอยู่ในครัวพูดเสริม ถึงแม้ลูกเลี้ยงเธอจะได้เป็นคู่หมั้นของเจ้าของไร่นี้ก็เถอะ แต่สายป่านก็ยังเป็นสายป่านคนเดิม ที่ต้องช่วยงานแม่ในครัว ถึงแม้งานในไร่จะถูกคำสั่งจากคุณทัศนาว่าให้เธอเลิกทำแล้วก็เถอะ และสายป่านเธอยังคงความอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะหลังจากหมั้นกันได้สองสามวันแล้วยังไม่เคยเห็นคู่หมั้นหนุ่มแม่แต่เงา ซึ่งเธอก็ไม่ได้อยากจะเจอสักเท่าไหร่หรอก เจอกันทีไรเป็นต้องถูกทำร้ายด้วยวาจาและจิตใจเสมอ แม้ลึกๆจะอยากเห็นหน้าและแอบน้อยใจอยู่บ้าง แต่ช่างเถอะ เพราะเธอมันผู้หญิงร่านหิวเงินในสายตาเขา ไม่มีทางที่เขาจะสนใจเธออยู่แล้ว
“สายป่านจ๊ะ รบกวนช่วยไปเก็บกวาดห้องสวีทที่รีสอร์ทหน่อยสิ ว่างมั้ย?
“เอ่อ ว่างค่ะคุณธาร”
“ขอบใจนะ เห็นบอกว่าช่วงนี้แม่บ้านทางโน้นงานเยอะเก็บกวาดไม่ทันเลยไม่รู้จะเรียกใครดี”
“ค่ะ เรื่องแค่นี้สบายมากค่ะ เดี๋ยวป่านไปเองค่ะ” งานเก็บองุ่นถางหญ้าตากแดดตากลมเธอยังผ่านมาแล้ว แค่นี้เองทำไมจะทำไม่ได้
“จ๊ะ ขอบใจมาก ออ ห้อง33นะจ๊ะ” สายธารสั่งงานแล้วเดินยิ้มออกไปอย่างมีเลศนัย
“ค่ะ” เธอขานรับแล้วรีบถอดเสื้อกันเปื้อนออกเตรียมไปช่วยงานที่รีสอร์ทไร่รัก
“ป้าช้อยจ๊ะ แม่จ๊ะ ป่านต้องรีบไปช่วยทางโน้นก่อนนะจ๊ะ”
“มึงนี่นะป่าน เขาใช้ไปไหนก็ไป เฮ้อ เป็นกูละจะไม่ยอมเว้ย ก็เห็นๆอยู่ว่าช่วยงานในครัวแล้วจะมาดึงไปที่โน่นทำไม ชิ”
“เราเป็นลูกน้องเค้านะแม่ เค้าใช้ก็ต้องไปสิ”
“แต่ต้องดูด้วยสิวะ ว่าลูกน้องอย่างมึงมันเป็นคู่หมั้นของพี่ชายเค้านะเว้ย”
“คู่หมั้นที่แม่ก็รู้ดีว่าเขาไม่เต็มใจ โอ๊ยย แม่” เธอเถียงไม่ทันขาดคำก็เจอมะเหงกลูกใหญ่ตรงหัวและแรงหยิกที่ต้นแขนจากฉวี
“อีหวี มึงหยุดทำร้ายลูกได้แล้ว ไปๆเถอะป่านเอ๊ย ขืนอยู่นานกว่านี้เดี๋ยวอีตัวร้ายได้หยิกมึงจนช้ำแน่”
“จ๊ะป้า” สายป่านรีบวิ่งไปโดยยังมีคำด่าทอจากแม่เลี้ยงตามไล่หลังเธอ
“นี่ อีหวี มึงจะไปโขกสับอะไรมันนักหนา บุญหัวมึงแล้วที่มันเป็นเด็กไม่ก้าวร้าว”
“เรื่องของฉันน่ะป้า ป้าไม่รู้อะไรล่ะเงียบๆไว้เลย”
“เห๊อะ อีหวี มึงนึกว่ากูไม่รุ้แผนการจับคุณภูผาของมึงหรอฮ้ะ คนเขาลือกันทั่วไร่ลามไปจนตลาด”
“เหอะ ช่างสิป้า”
“มึงมันหน้าหนาหน้าทน อยากได้แต่เงินไม่นึกสงสารอีป่านมัน
“โว้ย ป้านี่พูดมาก เชิญทำคนเดียวเหอะ อารมณ์เสียวุ้ย”
“อีนี่กูพูดเรื่องจริงหน่อยเดินหนี เดี๋ยวเหอะถ้ามึงจะรังแกนังป่านอีกกูจะไม่ยอม” ป้าช้อยถือทัพพีชี้ด่าฉวีที่เดินออกจากห้องครัวไป เธอรู้สึกสงสารสายป่านมาก มีพ่อพ่อก็มาด่วนจาก มีแม่เลี้ยงก็แสนจะเห็นแก่ตัว เฮ้อ นังป่านเอ๊ย
สายป่านเดินถือตะกร้าเปล่าในมือ เธอหยุดยืนมองป้ายหน้าห้องให้แน่ใจก่อนที่จะเปืดเข้าไปเก็บกวาด
แอ๊ดดดด
แต่แล้วเธอก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อภาพที่เธอเห็นคือชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งทานข้าวด้วยกันนอกระเบียง เสียงหัวเราะหยอกล้อป้อนข้าวให้กันมันทำให้เธอยืนนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อน ผู้หญิงใส่เพียงกางเกงในกับเสื้อเชิ้ตสีขาวที่มองผ่านแสงแดดที่ลอดผ่านทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าหล่อนกำลังปล่อยหน้าอกเป็นอิสระเห็นหัวจุกได้ถนัด ส่วนผู้ชายกำลังนั่งทานข้าวใช้เพียงผ้าเช็ดตัวพันเอวสอบไว้
‘คุณภูผา’ !!!!